**....ครั้นวันรุ่งขึ้น(วันนี้)น้องจอมยังไม่เข็ดกัดถุงน้ำยาล้างจานอีกครั้งจนตัวเปียกโชก จึงจับอาบน้ำอีกหน..**

แบบนี้ต้องพูดว่า เจ้าของน้องจอม ยังไม่เข็ด มากกว่านะคะ  เพราะน้องจอมแกเป็นหมา  แกไม่มีวันรู้ว่าน้ำยาอะไรบ้างที่จะเป็นอัตรายต่อแก    และหมา(หรือสัตว์อื่นก็ตามแม้แต่คน)   เมื่อยังเล็กอยู่  ก็จะมีนิสัยซุกซนตามธรรมชาติ  ถ้าเป็นคน ก็คงรื้อข้าวของหยิบโน่นหยิบนี่เอาเข้าปากเคี้ยวเล่นบ้าง  ขยำขยี้เล่นบ้าง  แต่หมาไม่มีมือเหมือนคน  ก็ต้องใช้ปาก  ในการหยิบจับ รื้อค้นข้าวของ   ถ้าเป็นของเหลว  ก็อาจจะไหลเข้าคอ หรือติดปาก ติดลิ้น  หรือหกเลอะเทอะติดตามเนื้อตามตัว   

และถ้าโชคร้าย เป็นของเหลวที่มีพิษ  เช่นน้ำยา  หรือสารเคมีต่างๆ  ก็สามารถจะทำอันตรายต่อเด็กเล็ก หรือลูกสัตว์ได้มากมายอย่างนึกไม่ถึง   เช่นน้ำยาทำความสะอาดต่างๆย่อมต้องมีสารที่มีฤทธิ์ขจัดคราบสกปรก ไขมัน เมือกไคลต่างๆ  ทำนองเดียวกัน  ก็ย่อมทำความระคายเคืองต่อเนื้อเยื่อ   ขจัดน้ำมันหล่อเลี้ยงผิวหนัง  ฯลฯ   โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผิวหนังและเนื้อเยื่อบอบบางของเด็กๆ

เคยมีหมาบางตัว  แพ้น้ำยาล้างจานที่ใช้ล้างชามข้าวให้เขาแล้ว(อาจจะล้างออกไม่หมด)  เอาใส่น้ำให้กินต่อ    หมามีอาการแพ้รุนแรงถึงตายมาแล้ว

การอาบน้ำลูกหมาอายุยังน้อยแค่นี้ ขนปุกปุยขนาดนี้  บ่อยมากขนาดนี้  ก็เป็นเรื่องอันตรายเช่นเดียวกัน   ไม่ควร ปล่อยให้เกิดเหตุปัจจัยที่จะทำให้เขาต้องป่วยได้ จะดีที่สุด    ควรกั้นบริเวณปลอดภัยสำหรับไว้ให้หมาอยู่  โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาที่ไม่มีคนอยู่ด้วย   ไม่จำเป็นต้องขังกรง  อาจกั้นประตู  หรือช่องทางเดิน  แล้วเก็บวัตถุอันตรายออกจากบริเวณนั้นให้หมด     ต้องทำบริเวณนั้นให้ หมาอยากอยู่  เช่น เป็นที่ๆเราให้เขากินขนม  เข้าไปนั่งเล่นกับเขาบ้าง

ขอให้น้องจอมโชคดี ปลอดภัยจากอันตราย มีสุขภาพแข็งแรง โตเร็วๆค่ะ 

เรียน คุณวิเชียร ค่ะ...

เรามาคุยกันงุบๆงิบๆอยู่แต่ในบอร์ดนี้   คงไม่มีวันไปถึงหูใครหรอกค่ะ..นอกจากคนรักบางแก้วด้วยกันเอง    น่าจะไปที่โพสไว้ที่เวบอื่นๆเช่นในพันทิพบ้าง คุณวิเชียรไม่จำเป็นที่จะต้องไปถือธงนำหน้านี่คะ  เพราะมีแกนนำและพันธมิตรมากมาย  ที่ท่านยินดีต่อสู้เพื่อ ประชาชนชาวไทยอยู่แล้ว    ท่านคงจะยินดีรับฟัง แนวคิดที่จะนำไปเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายของรัฐบาลอุดมคติในอนาคต...(ที่อาจจะเกิดขึ้นในเร็วๆนี้)สืบต่อไป  

อย่างน้อย  จะได้มี แนวคิดทางบวก ที่จะนำเสนอต่อประชาชนบ้างว่า  นี่คือ หนึ่งในสิ่งดีๆที่ประชาชนจะได้รับ   หลังจากสามารถขจัด ตัวต้นเหตุ ที่มาของข้อมูลทางลบต่างๆที่ประชาชนได้รับอยู่ในขณะนี้ไปได้สำเร็จแล้ว   

ไม่อยากให้มีการวิพากษ์วิจารณ์เรื่องใดๆไปในทางลบซ้ำซากกับที่อื่นๆกันอีกค่ะ   เรามาคุยเรื่อง วิถีทางที่จะสร้างสรร  ในสิ่งดีๆกันดีกว่าไหมคะ    มาร่วมกันคิดในทางบวกกันเถอะค่ะ     ว่า สิ่งดีๆที่เราต้องการให้เกิดขึ้นต่อไป  มีอะไรบ้าง  เพราะณ นาทีนี้  ทุกคนได้รับฟังแต่เรื่องที่ไม่ต้องการให้เกิด    มีแต่ความคิดและความรู้สึกในทางลบ  จากการหันกลับไปมองอดีตกันมาตลอด   เป็นระยะเวลานานพอสมควร   ถึงเวลาหรือยัง    ที่จะเริ่มมองไปข้างหน้า  ค้นหาสิ่งดีๆที่อยากให้เกิดขึ้นในอนาคตกันบ้าง       

ตอบคุณวิเชียร ค่ะ.....ป้าวิซื้อโครงไก่ แพคปิดมาจากโรงงาน ถุงละ 10 กก. เลาะมัน+ตูดไก่ ออกได้ประมาณถุงละ  2 โล.  วันๆนึงใช้ ประมาณ 3 ถุง ก็จะได้ มันไก่+ตูดไก่ 5-6 โล ทุกวัน    ไม่เคยเอาให้หมากินค่ะ  

มีพนักงานโรงงานมาแย่งกันขอตูดไก่ไปทอดกินทุกวันไม่เคยเหลือ   ส่วนมันไก่+หนังคอ หั่นเจียวให้เหลือง  ใส่ใบมะกรูดลงไปทอดด้วยพอกรอบๆก็รินน้ำมันออก พักให้สะเด็ดน้ำมัน    เหยาะน้ำปลาหรือซีอิ๊วขาว ชิมรสตามชอบ   ได้  กากไก่ใบมะกรูด  หอม ,เหลือง , กรอบ , เค็มปะแล่ม   กินกับข้าวเหนียวจิ้มแจ่ว เป็นเมนูยอดนิยม    แบ่งเอาไว้ทำพริกขิงกากไก่บ้าง  สำหรับเป็นของฝากจากคนบ้านนอก(เวลาเข้าเมือง)  ส่วนน้ำมันไก่  เอาไว้แจกพนักงานไปทำอาหาร   ไม่มีเหลือทิ้งเลยสักอย่างค่ะ

หมาแต่ละตัว มีแนวโน้มอ้วนยาก/ง่าย ไม่เหมือนกัน แบบเดียวกับคน  บางคนกินเก่งแต่ไม่ยอมอ้วน  บางคนกินนิดเดียวอ้วนเอาๆๆ ก็มี  สำหรับรูปร่างของด็อตคอม จัดว่าผอมไปมั้ย ต้องถามเซียนบางแก้วเด้อค่ะ  ป้าวิไม่กล้าชี้แนะ เพราะไม่รู้จริงๆ

สำหรับตัวเอง ลูกหมาอายุต่ำกว่า 6 เดือน ส่วนมากจะให้กินวันละ 3-4 มื้อค่ะ  แยกเป็นมื้อย่อยๆหลายมื้อ ดีกว่าอัดเข้าไปเยอะๆในมื้อเดียว   ระบบย่อยในลูกหมาจะทำงานหนักเกินไปในคราวเดียว บางทีย่อยไม่ทัน เช่น อาหารเม็ดจะย่อยช้ากว่าอาหารดิบ  ถ้าให้กินเยอะก็จะอึเยอะ  ส่วนที่กินเยอะเกินไปย่อยไม่ทันก็จะอึออกมาหมด ไม่ทันได้ย่อยและดูดซึมไปใช้ประโยชน์

เขาผลัดฟันหมดหรือยังคะ  อาจจะยังไม่ค่อยสบายปากสบายฟัน  เลยยังไม่อยากกินโครงไก่  ได้ปั่นให้เขารึเปล่าคะ  จะให้ดี ไปซื้อเนื้อขี้เลื่อยมาให้เขากินมั่งดีกว่า  กินง่ายไม่ต้องเคี้ยว  มีส่วนผสมของเนื้อและกระดูกกำลังน่ากินพอดี

หมาที่กินอาหาร BARF ไม่จำเป็นต้องให้กินในปริมาณมาก  เพราะระบบย่อยของร่างกาย สามารถดูดซึมอาหารที่กินเข้าไปนำไปใช้ได้เกือบหมด  จะสังเกตุได้ว่า อึจะมีปริมาณน้อยนิดเดียว  เมื่อเทียบกับอาหารอื่นที่กินเข้าไปในปริมาณเท่าๆกัน

สำหรับปริมาณอาหารที่ให้หมากินต่อวัน  มีอธิบายไว้ในเวบที่ลิ้งค์มาให้โดยละเอียดค่ะ  ถ้าจะให้ดี  ควรให้มีแหล่งโปรตีนหลากหลายสลับสับเปลี่ยนกันไปค่ะ  โปรตีนจากปลาถือว่าเป็นโปรตีนที่มีคุณภาพสูงที่สุด   แต่การกินแต่ปลาอย่างเดียว  ก็อาจจะทำให้หมาได้รับสารบางอย่างมากเกินไป  หรือขาดสารอาหารที่จำเป็นอย่างอื่น(ที่ไม่มีในปลา)

ลูกหมากินBARFได้ตั้งแต่เริ่มรู้จักกินอย่างอื่นที่ไม่ใช่นมแม่ได้  หรือที่อายุประมาณ15- 20วัน ขึ้นไป 

เรื่องตารางการให้อาหาร  คิดง่ายๆว่า  การให้หมากิน BARF คือการคืนสู่ธรรมชาติ(เท่าที่สภาพแวดล้อมจะอำนวย)    ดังนั้น  จึงไม่มีกำหนด กฏเกณฑ์ เคร่งครัดอะไรมากมาย  ศึกษาพอรู้หลักแล้ว  ก็พลิกแพลง ยืดหยุ่นได้ตามความสะดวกของเจ้าของค่ะ

ในรูปเป็นชามอาหารของตาฟลาย  มื้อปกติของหมาเชพเพอดตัวบึกของป้าวิ