น้อยหน่า ('.' )

หน้า: (หน้าก่อน)  1 ...  87  88  89  90  91  92  93  94  95  96  97  98  99  100  101  102  103  104 ...105   (ต่อไป)
โดย น้อยหน่า ('.' ) - Thursday, 9 September 2004, 01:18PM
 

ชอบคำนี้จัง สื่อสารกันด้วยการหอนมากกว่าการเห่า  อืม..ใช่เลย 5555 หอนสารพัดความหมาย

ท่านเห็นได้ยินเค้าหอนชวนเล่นมั๊ยละ นอกจากคาบของมาวางอ่ะ 555 ตาหลับพริ้ม คอชูสูง น่ารักจริง (เสน่ห์การหอน) พอเรา ok กระโดดใส่สุดตัว 555 คึกจนกว่าจะเหนื่อยทรหดมาก คนเลี้ยงจะเป็นลมแทน ...หัวเราะ


โดย น้อยหน่า ('.' ) - Wednesday, 8 September 2004, 08:50PM
 

ยิ้มสุดแล้วแต่พี่ท่านเถอะ จะเปลี่ยนแปลงอย่างงัยก็ได้จ๊ะ เราทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับสหาย สหายเราก็เคยบอกแล้วว่าสุดแต่พี่ลี้ว่าจะทำไงต่อ เราเป็นผู้ให้ข้อมูล...

เราก็แค่เปรียบเทียบที่ดันมาเลี้ยงหมาตัวแรกตอนแก่ อีกอย่างเราคิดว่าเราแก่แล้วอายุก็อ่อนกว่าพี่ไม่กี่ปีเองจ๊ะ


โดย น้อยหน่า ('.' ) - Tuesday, 7 September 2004, 07:13PM
   ตอนที่ 6 โลกกว้างของหมาน้อย นามว่า "นีโอ" ............

หลังจากวันที่ 27 มกราคม เมื่อได้รับวัคซีนเป็นภูมิคุ้มแล้ว เราขอเจ้านายพาเจ้าตัวยุ่งไปเดินเล่นในซอยแถวบ้าน เพื่อให้เค้าได้พบผู้คน สิ่งแวดล้อมใหม่ๆ และที่สำคัญการเก็บเค้าไว้แต่ในบ้านเรากลัวเค้าเครียด ตอนนั้นเรา 2 คนก็ยังเล่นกับหมาไม่ค่อยเป็น อีกอย่างเค้าเอาแต่ไล่งับ พูดสอนอะไรตอนนั้นก็ยังไม่ค่อยรู้เรื่องเหมือนว่าเค้ายังไม่รับรู้อะไรเลย เลยต้องใช้กิจกรรมเดินเข้าช่วย การพาหมาเดินเล่นครั้งแรกใครว่าง่ายละ ตอนที่ยังไม่ทำก็นึกว่าง่ายนะ ที่ไหนได้พาเดินวันแรกเจ้าตัวยุ่งตื่นเต้น ได้พบสิ่งแปลกใหม่นอกบ้าน ครั้งแรกของหมา ครั้งแรกของคนจูงตอนนั้นยังมีพี่เลี้ยง ซึ่งพี่เลี้ยงก็ไม่รู้เรื่องการจูงหมาเหมือนกันแหละ(ทุกวันนี้ยังจูงไม่ค่อยเป็นเลย อิอิ) กว่าจะประคับประคองให้รอดมาได้วันนั้น เล่นเอาเหงื่อท่วมเลย 555 เค้าจะรั้งสายจูงตลอด ตอนนั้นยังไม่ได้หาข้อมูลเรื่องการพาหมาเดิน เพราะไม่คิดว่าจะยุ่งยากขนาดนี้

วันต่อมาเราเข้าหาข้อมูลการพาหมาเดินว่าต้องทำอย่างไรบ้าง ก็ได้คำแนะนำดีจากชุมชนว่า การจูงหมาต้องจูงให้หมาอยู่ซ้าย คนจูงจับสายจูงขวามือ จะต้องทำให้ทั้งหมาและคน เดินไปด้วยกันสบายๆ ไม่มีการดึงรั้ง เวลาเดินจูง สายจูงต้องหย่อนเสมอ เมื่อหมาวิ่งออกไปจากเราจนสายจูงตึง ต้องกระตุกสายจูงกลับทันทีแล้วหย่อนสาย ชมหมามากๆและให้รางวัลทุกครั้ง อย่าให้เค้ากระชากได้ ต้องคอยสังเกตหมา อ่านดูเหมือนจะง่ายพอเอาไปทำจริงๆกับคนไม่เคยก็ทุลักทุเลอยู่เหมือนกันนะ แต่ก็ดีขึ้นๆในวันต่อๆมา การเดินก็เริ่มจับจังหวะกันได้ทั้งคนทั้งหมา

นอกจาการกระตุกบ่อยครั้งของเจ้าตัวยุ่งแล้วมีอีกเรื่องที่น่าจะเป็นกับทุกหมาคือ การดมสำรวจตามพื้นๆทั่วไป รู้สึกจะเป็นที่ตื่นเต้น น่าค้นหาทุกอย่างสำหรับเค้า แม้แต่ซากคางคกแห้งๆ กระดาษทิชชู กิ่งไม้ ซองบุหรี่ ฯลฯ อาทิตย์แรกของการเดินเล่นจะใช้เวลานานมาก ก็เล่นดมแทบทุกตารางนิ้วเลย ดมไม่เท่าไหร่ แต่ไอ้ที่คาบแล้วเคี้ยวด้วยนี้สิ ต้องขอกันเดี๋ยวนั้น แรกๆเค้าจะไม่ยอมให้มีขู่ เหมือนกับว่าเราจะไปแย่งของเค้า (ขนาดระวังแล้วนะ) วันหลังเราต้องระวังมากขึ้น มีวันหนึ่งเค้าไปคาบคางคกกลับมาบ้าน ตอนนั้นเราไม่เห็นนะ เราก็ว่า เอ๊ะทำไมเงียบจังไม่ทันสังเกตว่ามีอะไรในปากเค้า อาการเค้าจะมองซ้าย-ขวา แล้วเค้าก็ตั้งหน้าตั้งตาเดินกลับบ้านอย่างเดียวไม่แวะไหนเลยต้องมีอะไรผิดปกติแน่ๆ ที่ไหนได้คางคกเห็นๆ ครั้งนั้นเลยทำให้รู้ว่าเวลาที่เจ้าตัวยุ่งมีของในปากจะมีอาการอย่างไร กลับมาจับเช็ดปากด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อผสมน้ำ .. ครั้งต่อไปจะไม่เสียรู้เองแล้วโว๊ยเจ้าตัวยุ่ง.. แต่เราก็เสียรู้หมาจนได้ เค้าไปดมตามพุ่มไม้ ไอ้เราก็นึกว่าจะไปฉี่ หันหัวออกมามีทิชชูติดปากกลับมาด้วย ก็ร้อนถึงเจ้านายอีกแล้วจับอ้าปากดึงเช็ดทิชชูออกมา (แหม..มันอร่อยมากมั๊ยจ๊ะเจ้าตัวยุ่ง) การเดินวันถัดมาดีขึ้นเรื่อยๆ แต่เราจะเป็นคนเดินถือสายจูงเสียมากกว่า จนอาทิตย์หนึ่งผ่านไปเจ้านายก็ปล่อยให้เราเดินคนเดียวแล้ว ก็ไม่ยุ่งยากอะไรเริ่มคุ้นเคยกันมากขึ้น ปัญหาที่มักพบเสมอๆเวลาเดินอีกเรื่อง คือการกระโดนใส่รถจักรยาน มอเตอร์ไซด์ เวลาที่มีสิ่งเหล่านี้ผ่านเค้าจะเป็นอีกแบบเลยเหมือนกับว่าอยากจะไปเล่นด้วย .. มีครั้งหนึ่งเจ้านายปล่อยสายจูง(เราโกรธมาก) เพราะเค้าเห็นว่าดึกมากแล้วคงไม่มีใครออกมาเดินแล้วละ(ในหมู่บ้านค่อนข้างเงียบ) แต่วันนั้นมีพี่เพื่อนบ้านเค้าออกมาทำธุระ เจ้านี้เห็นเค้าวิ่งไม่คิดชีวิต เราสั่งให้หยุดมันไม่หยุด พอเจ้าตัวยุ่งวิ่งตามรถทัน เลยต้องสั่งพี่คนนั้นให้หยุดนิ่งๆแทน เจ้าตัวยุ่งเค้าก็หยุด ไปยืนเสนอหน้ามองเค้ากระดิกหางให้เค้าอีก แต่คนที่ไม่รู้ก็กลัวกันเป็นธรรมดาไม่ใช่หมาเค้านี่ เจ้านายก็เลยเดินเข้าไปช้าๆจับใส่สายจูงได้สำเร็จ ครั้งนั้นเลยสั่งห้ามไม่ให้ปล่อยสายจูงอีก ..

การพาออกไปเดินเล่นช่วงนั้นจะเป็นแบบนี้ทุกเช้า-เย็น เค้าจะเรียนรู้ไปเองว่าเวลาแบบนี้เค้าจะได้ทำอะไรบ้าง ได้เที่ยว ได้เล่น ได้กิน ถูกแปรงขน นั่งมองนกร้องบนต้นไม้ ได้กินขนมหลังจากนายหญิงกินกาแฟเสร็จ เวลาแบบนี้นายหญิงจะเก็บอึผม ได้เล่นกันก่อนออกไปทำงาน เวลาแบบนี้เดี๋ยวนายจะต้องออกไปทำงาน เวลาแบบนี้ต้องอยู่ในสายจูงเพื่อเอารถออก  กลับบ้านก็ได้เล่นกันก่อนเข้าบ้าน จับเช็ดตัวหรืออาบน้ำ(อุ่น)แล้วแต่สถานการณ์ ได้กินขนมเป็นรางวัลที่ผมทำตัวเป็นเด็กดี(ตอนนั้นยังไม่ดีเท่าไหร่ 555) นั่งรอกินข้าวน้ำลายไหลยืด ด ด  กินข้าวเสร็จผมจะได้เล่นกับเจ้านายอีกพักใหญ่ๆ  นายหญิงให้แทะกระดูก ถูกแปรงขนอีกรอบ ถูกปล่อยให้ออกไปฉี่ก่อนนอน จับเช็ด-ล้างเท้าก่อนเข้านอน กลางดึกผมก็ตื่นมาปลุกนายหญิงให้พาออกไปฉี่อีก ... กิจวัตรที่เราทำให้เค้ามันเป็นสิ่งที่สอนเค้าไปในตัว และทุกวันนี้สิ่งเหล่านี้เราก็ยังปฏิบัติกับเค้าเช่นนี้อยู่ทุกวัน ......

ในเว็บมักจะพูดเสมอว่าลูกหมาวัย 3 เดือนจะซนสุดๆ กำลังเรียนรู้โลกกว้าง(จะเรียกว่า "สอดรู้สอดเห็น" ดีมั๊ยเนี่ย) อยากรู้ไปทุกอย่าง อยากมีส่วนร่วมกับสัตว์ทุกชนิดที่พบเห็น จิ้งจก นก จิ้งเหลน แตน ฯลฯ เค้าเห็นเป็นไปวิ่งไปแจมด้วยทุกที พอรู้แบบนี้เราก็พยายามเก็บสิ่งที่เป็นอันตรายจากบริเวณนั้นเรียบเลย เราถึงได้บอกตั้งแต่ต้นว่าตั้งแต่มีเค้าบ้านเป็นระบบระเบียบมากขึ้น ด้วยความซน เค้าคึกได้ทุกวัน วันละไม่รู้กี่รอบ(จำไม่ไหวในตอนนั้น) เล่นวิ่งไล่จับในบ้านกันปกติ วิ่งไปได้สักพักเค้าก็ลื่นร้องเสียงหลงนั่งลงตรงหน้าออกทางอ้อนๆ เย็นวันถัดมาเราก็คุยกันว่าเราเป็นห่วงพานีโอไปหาหมอเถอะ เกิดเค้าเป็นอะไรขึ้นเราสิที่เสียใจ หมอก็ถามอาการให้ยาแก้อักเสบมากินแบบน้ำกินง่ายกว่ายาเม็ดเยอะเลย เค้าจะมีหลอดสำหรับดูดยาจับใส่ปากมหาฉีดแป๊ปเดียวเป็นอันเสร็จ และครั้งนี้เจ้านายได้ถึงลูกอัณฑะของเจ้าตัวยุ่ง 3 เดือนแล้วเรายังไม่เห็นไข่ตกเลย เจ้านายก็เป็นห่วงก็เลยถามหมอเรื่องนี้ หมอก็ใจดี.. จับๆขลำๆ อึดใจสรุปว่าไข่ตกมาใบเดียวแถมอีกใบที่ยังไม่ตกใบเล็กมาก หมอว่าเค้าอาจจะเป็นทองแดงได้นะ ตอนนั้นเรามองเค้าเราสงสารอย่างบอกไม่ถูก นี้หมาเราเค้ามีข้อบกพร่องร้ายแรงเลยหรือนี้ เจ้านายกังวลมาก ไม่ใช่จะเอาเค้าเป็นพ่อพันธุ์หรอกแต่หวงเรื่องสุขภาพของเค้ามากกว่า ก็ได้รับคำแนะนำจากหมอท่านนั้นว่า ถ้า 2 อาทิตย์แล้วไข่ยังไม่ลงมาอีกหมอจะฉีดยาเร่งให้ ซึ่งก็ไม่ได้ผลร้อยเปอร์เซ็นต์ บางตัวฉีด 2 เข็มไข่ก็ลงอาจจะเป็นจังหวะพอดีก็ได้ ถ้าฉีดแล้วหมอไม่รับรองว่าไข่เค้าจะตกมั๊ยนะ แต่ก็ดีกว่าเราไม่ทำอะไรเลย ... ตลอด 2 สัปดาห์เจ้านายหาข้อมูล และได้โทรไปปรึกษาสัตวแพทย์ที่เกษตร หมอท่านนั้นได้ให้คำแนะนำว่าให้รอดูตอนเค้า 4-4 เดือนครึ่งว่าลงมั๊ย ถ้ายังไม่ลงอีกค่อยฉีดยาเร่งตอนนั้นก็ยังไม่สาย ปรากฏว่าพอครบ 2 อาทิตย์ ต้องพบหมอเพื่อดูอาการอักเสบที่ขา เรารีบบอกหมอก่อนเป็นอันดับแรกว่า "ไข่เค้าลงแล้วนะค่ะ ไม่ฉีดยาเร่งแล้วนะ" เพราะเรารู้ว่าถ้าเราไม่พูดก่อน เดี๋ยวเค้าฉีดอะไรเค้าไปเราจะรู้ได้ไง หมอยังแซวว่า "กลัวเข็มฉีดยาหรือเจ้านีโอ"

วัยนี้เป็นวัย ซน ดื้อ เล่น (เออ เราผ่านมาได้งัยเนี่ย) มานั่งนึกความหลังแล้วขำมาก ด้วยความซนและดื้อ เราก็แนะนำให้เจ้านายรู้จักสอนเจ้าตัวยุ่งบ้าง เห็นเอาแต่เล่นอย่างเดียว ตอนนั้นเราไม่รู้หรอก สิ่งที่เจ้านายพูด บอกเจ้าตัวยุ่ง ปฏิบัติกับเค้า นั้นคือการสอนเค้าไปในตัว แม้แต่เรื่องที่เราให้เจ้าตัวยุ่งรู้กฎกติกาการอยู่ในบ้านก็เป็นการสอนไปในตัวเช่นกัน แต่ตอนนั้นเรากลับไปสนใจเรื่องการสอนคำสั่ง เพื่อที่เค้าจะได้อยู่ในคำสั่งที่เราต้องการบ้าง เจ้านายก็ไม่ทำ มาอ่านเจอถึงรู้ว่าหมาวัยนี้เค้าไม่มีสมาธิที่จะฝึกอะไรหรอก ถ้าจะให้ดีต้องให้เค้าอายุ 5 เดือนขึ้นไป ฉะนั้นช่วงนั้นจึงเป็นช่วงหฤโหดของชีวิตยายน้อยหน่า 5555 แต่เราก็ทำทุกอย่างกับเค้าด้วยความรัก สงสาร ห่วงใยมาตลอดถึงแม้บางครั้งเค้าจะทำให้เราเสียน้ำตาบ้างก็ตาม


โดย น้อยหน่า ('.' ) - Monday, 6 September 2004, 09:33PM
 

ตอนนี้เจ้าตัวยุ่งกำลังหลับตรงขาเก้าอี้นี้แหละ เพิ่งเหนื่อยจาการฟัดกันมา ชวนเล่นคาบลูกเทนนิสมาให้ คาบผ้า(ถุงนอนเดินป่า)เป็นของเล่นประจำของเค้าไปแล้ว เอามาวางตรงหน้า ชวนเล่นแล้วคึกพอเค้าเห็นเราคึกด้วยยิ่งสนุกเข้าไปใหญ่ นี้เพิ่งสงบลงสงสัยจะเหนื่อยมาก พอโดนแอร์ก็หลับปุ๋ยเลย ท่านอนหลับสนิทเสียด้วย ถ้าจะเหนื่อยจัดเล่นเอาเราเหนื่อยแทบเป็นลมกัดฟันเหมือนกัน

link ที่ท่านให้เราอ่านเราก็เข้าไปดูอยู่ รู้เรื่องมั่งไม่รู้เรื่องมั่ง แบบว่าอ่านแล้วเข้าใจคนเดียวนะ ถ้าได้ให้มาเขียนด้วยสงสัยท่านๆและท่านที่เข้ามาอ่านอาจจะต้องกิน พรารา แก้มึนนะค่ะ ขนาดแค่ภาษาไทยเรายังเรียบเรียงไม่สละสลวยเลย กัดฟันกัดฟัน

ตอนต่อไปของหญิงชราคงช้าหน่อยนะ ยุ่งกับการออกข้อสอบรับคนเข้ารับงาน กลับมาบ้านเจ้าตัวยุ่งก็กวนซะ ตามติดเหมือนกลัวเราจะหายไปไหน ตอนเจ้านายอยู่ก็ไม่เห็นติดขนาดนี้นะ



โดย น้อยหน่า ('.' ) - Monday, 6 September 2004, 03:24PM
 

คุณเมมิค่ะ พี่ขอทราบวัตถุประสงค์และขอบเขตการวิจัย ด้วยค่ะ

แบบสอบถามนี้ได้ผ่านอาจารย์ที่ปรึกษาตรวจสอบเพื่อนำมาทาเป็นแบบสอบถามหรือยังค่ะ

เท่าที่อ่านแบบสอบถามถ้าเดาไม่ผิดเป็นเพียงแค่เปรียบเทียบหมา 2 พันธุ์ ว่ามีคนเลี้ยงมากน้อยแค่ไหน และมีนิสัยต่างกันอย่างไร หรือเปล่า ?

พี่แค่เสนอความเห็นส่วนตัวว่าน่าจะศึกษาและวิจัยให้ลึกกว่านี้นิดนึงนะค่ะ แหม..อุตสาห์ทำทั้งที (ถ้ายังมีเวลาในการทำวิจัยครั้งนี้)

พี่ยินดีให้ข้อมูล ขอแค่ทราบวัตถุประสงค์ค่ะ ขนาดเวลาที่เราทำหนังสือติดต่อหน่วยงานอื่นๆ เค้ายังต้องลงรายละเอียดว่าเราติดต่อเรื่องอะไรเพื่ออะไรเลยจ๊ะ

อย่างนี้เพื่อนๆในชุมชนเข้ามาอ่านเค้าไม่แน่ใจว่าน้องมีจุดประสงค์อะไรเค้าอาจจะไม่ให้ข้อมูลก็ได้นะ บอกรายละเอียดว่าน้องจะทำอะไรก็น่าจะดีนะจ๊ะ

ยินดีให้ข้อมูล..


หน้า: (หน้าก่อน)  1 ...  87  88  89  90  91  92  93  94  95  96  97  98  99  100  101  102  103  104 ...105   (ต่อไป)