น้อยหน่า ('.' )

หน้า: (หน้าก่อน)   1  2  3  4  5  (ต่อไป)
โดย น้อยหน่า ('.' ) - Monday, 13 September 2004, 04:13PM
 

ตอนที่ 7 ฟ. ฟันผมหลุด (แล้ว)............

เจ้าตัวยุ่งอายุได้ 3 เดือน 21 วัน ฟันหน้าซี่แรกหลุด 5555 ก่อนหน้าที่จะรู้ว่าฟันหลุด เค้ามีอาการซึม กินข้าวน้อยลงมาก จากที่เคยกินกลางดึกก็ไม่กิน มารู้ก็หลายวันต่อมาของเช้าวันนี้ที่ให้แทะกระดูกเสร็จก็เช็ดเนื้อเช็ดตัว เช็ดปากเห็นฟันหน้านั้นมีเลือดซึมออกมา เราแน่ใจแล้วว่าเพิ่งหลุดแน่ๆ ก็พยายามหาที่พื้นก็หาไม่เจอ(พื้นเป็นพื้นหญ้า) ตอนนั้นเค้าเหมือนเด็กอายุ 5-6 ขวบ ที่ฟันเริ่มหลุดดูตลกดี ตอนนั้นจำได้ว่าเค้าจะคันปากมาก พยามจะหาแทะ กัดทุกอย่างของที่บ้านก็มีรอยจารึกเป็นที่ระลึกไปทุกที่ แต่เราก็ไม่โกรธ(ได้คติสอนใจว่าไม่ตายก็หาใหม่ได้ว่ะ).. ด้วยที่เราใส่ใจเรื่องสุขภาพฟันของเจ้าตัวยุ่ง เรากลัวฟันเค้าจะไม่สวยก็เข้าใจตอนนั้นว่าต้องหากระดูก(แท่งขาวๆ)มาให้แทะเพื่อที่เค้าจะได้ขัดฟัน บริหารกรามไปด้วย แต่ก็ได้คำแนะนำจะพี่เพื่อนท่านหนึ่งในเว็บบอร์ดให้หาด้ายที่เขามัดเป็นเกลียวคล้ายเชือกเส้นใหญ่ๆ จะได้ช่วยไม่ให้ฟันของเจ้าหมาน้อยเกได้ และก็ช่วยได้เยอะ ช่วงนั้นเราเก็บกระดูกแท่งหมด ให้เหลือแต่เชือก เพื่อที่เค้าจะได้คาบมาหมอบแทะเล่นเวลาเซ็งๆ เป็นอยู่อย่างนี้อยู่เป็น 2 เดือนกว่า ในช่วงเวลาที่เค้าเปลี่ยนฟัน จะเห็นว่าเค้าฟันหลุดเกือบทุกวัน บางวันหลุดทั้งเช้าและเย็น มีวันหนึ่งที่เล่นกับเจ้านายก็ไล่งับโดนแขนเสื้อ เขี้ยวหลุดติดผ้าเลย เลือดเยอะเหมือนกัน เจ้าตัวยุ่งคงตกใจหยุดนิ่งไปพักนึง เค้าคงไม่แน่ใจว่าเลือดเค้าหรือว่าเลือดเจ้านาย ตอนแรกเราก็นึกว่าเค้ากัดเจ้านายที่ไหนได้

เจ้านายบอกว่า เลือดของนีโอ
อ้าวเลือดอะไรละ นีโอเป็นอะไร
มันจะเป็นไรละ เสื้อเค้านี้สิขาดเลย นี้งัยเขี้ยวมันนี้งัยติดเสื้อมาเนี่ย
เหรอ 55555

วันนั้นเจ้าตัวยุ่งเดินกลับบ้านแต่โดยดี คงคิดว่าตัวเองทำให้เจ้านายเจ็บตัว วันนั้นเราเลยเก็บเขี้ยวข้างนั้นไว้ เท่าที่เห็นวันที่ฟันเค้าหลุดแต่ละครั้งเค้าจะคึกเป็นพิเศษ คงหาที่ระบายอยากให้มันหลุดๆ ไป จะเล่นแรง เร็ว ไว ตอนนั้นเราโชคดีที่เจ้านายหยุดช่วงการเดินทางเค้าเลยรับหน้าแทนเป็นส่วนใหญ่ เราทั้งสองแขนหมดสวยหมดหล่อกันเลยทีเดียว ช่วงเวลานั้นแววตาเจ้าตัวยุ่งไม่เหมือนเจ้าตัวยุ่งทุกวันนี้เลย ตอนนั้นบางครั้งแววตาใสแจ๋ว บางครั้งก็ขวางเพราะหงุดหงิด บางครั้งซึมๆ บางครั้งก็ร่าเริง ... ตอนนั้นเรายังไม่เข้าใจอะไรเลย ได้แต่สังเกตเค้าไปแต่ละวัน จากการใส่ใจที่เค้าเป็นส่วนหนึ่งในบ้าน ก็สนใจเค้าจริงจังมากขึ้น เข้ามาอ่านบทความดีๆ ความคิดเห็นดีๆ เพื่อเอาไปปรับใช้กับเจ้าตัวยุ่ง แต่จะปรับอย่างงัยละในเมื่อเรายังไม่ปรับเปลี่ยน " ใจ" เราเลย ตอนนั้นอาการกลัวๆ กล้ายังมีอยู่บ้างจนบางครั้งเราโดนเจ้านายต่อว่าจนน้ำตาร่วงก็เคยมาแล้ว

แต่เรากลับไม่เคยลงกับหมาเลยน่ะ ไม่รู้สิ ถ้าเป็นคนอื่นอาจจะว่าหมา ด่าหมา โกรธหมาไปเลยก็ได้ แต่เรากลับสงสารวันไหนเจ้านายรับกลับบ้านช้า เค้าต้องอยู่ตัวเดียว เห็นหน้าเค้าเราก็ร้องไห้แล้ว (ถ้าใครรู้จักเรา คงไม่คิดว่าหน้าตาอย่างนี้จะอ่อนไหวเรื่องเล่านี้) ในใจเราคิดแต่ว่าจะเลี้ยงเค้าให้เป็นหมาที่ดีได้อย่างไร ... เป็นช่วงที่เครียดที่สุดเพราะเจ้าตัวยุ่งแสดงอาการหงุดหงิดบ่อยครั้ง มีงับแบบไม่พอใจบ่อยครั้ง(มาก) มีขู่บ้าง แววตาเค้ายังไม่ยอมรับเราเหมือนอย่างทุกวันนี้ (คนละความรู้สึกเลย)

แล้วเราจะทำอย่างัย .... ทำงัยดี .... ทำไมเจ้านายหาเรื่องให้เราอย่างงี้(ฟ่ะ)


ทำไมเราต้องซีเรียสอย่างนี้ด้วยเรามักจะโดนว่าแบบนี้เสมอ โธ่ไม่เข้าใจเหรอ เราไม่เคยเลี้ยงหมา แล้วดันมาเลี้ยงหมาพันธุ์ดุอีก เห็นวันแรกก็เก้ๆกั่งๆดูตลกมาก พอมารู้ว่าเป็นหมาสายดุยิ่งเครียดไปใหญ่ และยิ่งไปกว่านั้นเจ้านายจะเลี้ยงในบ้าน ถามว่าเรารังเกียจมั๊ย ไม่รังเกียจเลย แต่แรกๆก็แปลกทำไมต้องเลี้ยงในบ้าน??? เป็นการเพิ่มภาระเราทั้งสอง การที่เค้าจะอยู่ในบ้านนั้นหมายความว่าเค้าต้องสะอาด และทุกวันเราต้องเช็ดตัวเค้าด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อผสมน้ำทุกวัน อาบน้ำบ้างตามความเหมาะสม บางท่านบอกว่า 2 อาทิตย์ครั้งแต่เอาเข้าจริง เป็นแบบนั้นไม่ได้ ขึ้นอยู่กับสถานการณ์หลายๆอย่าง ต้องจับล้างเท้าทุกครั้งก่อนเข้าบ้าน แรกๆเค้าไม่ยอมต้องสอนกันหลายวันทีเดียวก็ได้แผลกันทุกทีเช่นกัน แล้วเราต้องทำงัยละตอนนั้นถามตนเองตลอด เราต้องชนะใจเราให้ได้ที่เรายังไม่ได้เพราะเรายังกล้าๆกลัวๆ .... กลัวว่าเค้าจะกัด กลัวเค้าจะงับแล้วเจ็บ กลัว ... กลัว ...

ถ้าเราจะเลี้ยงให้เค้าเป็นแค่หมาบ้านเฝ้าบ้าน ให้ข้าวให้น้ำเล่นด้วยพอสมควร เราคงไม่เหนื่อยขนาดนี้ แต่นี้เราไม่ต้องการแบบนั้น .. เพราะอะไร ?? บางครั้งก็สงสัยตัวเองเหมือนกัน

เรานับวันเวลาเลยว่าเมื่อไหร่เจ้าตัวยุ่งจะเปลี่ยนฟันหมด เพราะเมื่อเค้าเปลี่ยนฟันหมด การงับที่ได้เลือดตามมาจะหมดไปนะสิ ช่วง 2-5 เดือนครึ่ง ฟันเจ้าตัวยุ่งมันคมจริงๆ งับเมื่อไหร่เป็นได้เลือดซึมตามทุกที


โดย น้อยหน่า ('.' ) - Tuesday, 7 September 2004, 07:13PM
   ตอนที่ 6 โลกกว้างของหมาน้อย นามว่า "นีโอ" ............

หลังจากวันที่ 27 มกราคม เมื่อได้รับวัคซีนเป็นภูมิคุ้มแล้ว เราขอเจ้านายพาเจ้าตัวยุ่งไปเดินเล่นในซอยแถวบ้าน เพื่อให้เค้าได้พบผู้คน สิ่งแวดล้อมใหม่ๆ และที่สำคัญการเก็บเค้าไว้แต่ในบ้านเรากลัวเค้าเครียด ตอนนั้นเรา 2 คนก็ยังเล่นกับหมาไม่ค่อยเป็น อีกอย่างเค้าเอาแต่ไล่งับ พูดสอนอะไรตอนนั้นก็ยังไม่ค่อยรู้เรื่องเหมือนว่าเค้ายังไม่รับรู้อะไรเลย เลยต้องใช้กิจกรรมเดินเข้าช่วย การพาหมาเดินเล่นครั้งแรกใครว่าง่ายละ ตอนที่ยังไม่ทำก็นึกว่าง่ายนะ ที่ไหนได้พาเดินวันแรกเจ้าตัวยุ่งตื่นเต้น ได้พบสิ่งแปลกใหม่นอกบ้าน ครั้งแรกของหมา ครั้งแรกของคนจูงตอนนั้นยังมีพี่เลี้ยง ซึ่งพี่เลี้ยงก็ไม่รู้เรื่องการจูงหมาเหมือนกันแหละ(ทุกวันนี้ยังจูงไม่ค่อยเป็นเลย อิอิ) กว่าจะประคับประคองให้รอดมาได้วันนั้น เล่นเอาเหงื่อท่วมเลย 555 เค้าจะรั้งสายจูงตลอด ตอนนั้นยังไม่ได้หาข้อมูลเรื่องการพาหมาเดิน เพราะไม่คิดว่าจะยุ่งยากขนาดนี้

วันต่อมาเราเข้าหาข้อมูลการพาหมาเดินว่าต้องทำอย่างไรบ้าง ก็ได้คำแนะนำดีจากชุมชนว่า การจูงหมาต้องจูงให้หมาอยู่ซ้าย คนจูงจับสายจูงขวามือ จะต้องทำให้ทั้งหมาและคน เดินไปด้วยกันสบายๆ ไม่มีการดึงรั้ง เวลาเดินจูง สายจูงต้องหย่อนเสมอ เมื่อหมาวิ่งออกไปจากเราจนสายจูงตึง ต้องกระตุกสายจูงกลับทันทีแล้วหย่อนสาย ชมหมามากๆและให้รางวัลทุกครั้ง อย่าให้เค้ากระชากได้ ต้องคอยสังเกตหมา อ่านดูเหมือนจะง่ายพอเอาไปทำจริงๆกับคนไม่เคยก็ทุลักทุเลอยู่เหมือนกันนะ แต่ก็ดีขึ้นๆในวันต่อๆมา การเดินก็เริ่มจับจังหวะกันได้ทั้งคนทั้งหมา

นอกจาการกระตุกบ่อยครั้งของเจ้าตัวยุ่งแล้วมีอีกเรื่องที่น่าจะเป็นกับทุกหมาคือ การดมสำรวจตามพื้นๆทั่วไป รู้สึกจะเป็นที่ตื่นเต้น น่าค้นหาทุกอย่างสำหรับเค้า แม้แต่ซากคางคกแห้งๆ กระดาษทิชชู กิ่งไม้ ซองบุหรี่ ฯลฯ อาทิตย์แรกของการเดินเล่นจะใช้เวลานานมาก ก็เล่นดมแทบทุกตารางนิ้วเลย ดมไม่เท่าไหร่ แต่ไอ้ที่คาบแล้วเคี้ยวด้วยนี้สิ ต้องขอกันเดี๋ยวนั้น แรกๆเค้าจะไม่ยอมให้มีขู่ เหมือนกับว่าเราจะไปแย่งของเค้า (ขนาดระวังแล้วนะ) วันหลังเราต้องระวังมากขึ้น มีวันหนึ่งเค้าไปคาบคางคกกลับมาบ้าน ตอนนั้นเราไม่เห็นนะ เราก็ว่า เอ๊ะทำไมเงียบจังไม่ทันสังเกตว่ามีอะไรในปากเค้า อาการเค้าจะมองซ้าย-ขวา แล้วเค้าก็ตั้งหน้าตั้งตาเดินกลับบ้านอย่างเดียวไม่แวะไหนเลยต้องมีอะไรผิดปกติแน่ๆ ที่ไหนได้คางคกเห็นๆ ครั้งนั้นเลยทำให้รู้ว่าเวลาที่เจ้าตัวยุ่งมีของในปากจะมีอาการอย่างไร กลับมาจับเช็ดปากด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อผสมน้ำ .. ครั้งต่อไปจะไม่เสียรู้เองแล้วโว๊ยเจ้าตัวยุ่ง.. แต่เราก็เสียรู้หมาจนได้ เค้าไปดมตามพุ่มไม้ ไอ้เราก็นึกว่าจะไปฉี่ หันหัวออกมามีทิชชูติดปากกลับมาด้วย ก็ร้อนถึงเจ้านายอีกแล้วจับอ้าปากดึงเช็ดทิชชูออกมา (แหม..มันอร่อยมากมั๊ยจ๊ะเจ้าตัวยุ่ง) การเดินวันถัดมาดีขึ้นเรื่อยๆ แต่เราจะเป็นคนเดินถือสายจูงเสียมากกว่า จนอาทิตย์หนึ่งผ่านไปเจ้านายก็ปล่อยให้เราเดินคนเดียวแล้ว ก็ไม่ยุ่งยากอะไรเริ่มคุ้นเคยกันมากขึ้น ปัญหาที่มักพบเสมอๆเวลาเดินอีกเรื่อง คือการกระโดนใส่รถจักรยาน มอเตอร์ไซด์ เวลาที่มีสิ่งเหล่านี้ผ่านเค้าจะเป็นอีกแบบเลยเหมือนกับว่าอยากจะไปเล่นด้วย .. มีครั้งหนึ่งเจ้านายปล่อยสายจูง(เราโกรธมาก) เพราะเค้าเห็นว่าดึกมากแล้วคงไม่มีใครออกมาเดินแล้วละ(ในหมู่บ้านค่อนข้างเงียบ) แต่วันนั้นมีพี่เพื่อนบ้านเค้าออกมาทำธุระ เจ้านี้เห็นเค้าวิ่งไม่คิดชีวิต เราสั่งให้หยุดมันไม่หยุด พอเจ้าตัวยุ่งวิ่งตามรถทัน เลยต้องสั่งพี่คนนั้นให้หยุดนิ่งๆแทน เจ้าตัวยุ่งเค้าก็หยุด ไปยืนเสนอหน้ามองเค้ากระดิกหางให้เค้าอีก แต่คนที่ไม่รู้ก็กลัวกันเป็นธรรมดาไม่ใช่หมาเค้านี่ เจ้านายก็เลยเดินเข้าไปช้าๆจับใส่สายจูงได้สำเร็จ ครั้งนั้นเลยสั่งห้ามไม่ให้ปล่อยสายจูงอีก ..

การพาออกไปเดินเล่นช่วงนั้นจะเป็นแบบนี้ทุกเช้า-เย็น เค้าจะเรียนรู้ไปเองว่าเวลาแบบนี้เค้าจะได้ทำอะไรบ้าง ได้เที่ยว ได้เล่น ได้กิน ถูกแปรงขน นั่งมองนกร้องบนต้นไม้ ได้กินขนมหลังจากนายหญิงกินกาแฟเสร็จ เวลาแบบนี้นายหญิงจะเก็บอึผม ได้เล่นกันก่อนออกไปทำงาน เวลาแบบนี้เดี๋ยวนายจะต้องออกไปทำงาน เวลาแบบนี้ต้องอยู่ในสายจูงเพื่อเอารถออก  กลับบ้านก็ได้เล่นกันก่อนเข้าบ้าน จับเช็ดตัวหรืออาบน้ำ(อุ่น)แล้วแต่สถานการณ์ ได้กินขนมเป็นรางวัลที่ผมทำตัวเป็นเด็กดี(ตอนนั้นยังไม่ดีเท่าไหร่ 555) นั่งรอกินข้าวน้ำลายไหลยืด ด ด  กินข้าวเสร็จผมจะได้เล่นกับเจ้านายอีกพักใหญ่ๆ  นายหญิงให้แทะกระดูก ถูกแปรงขนอีกรอบ ถูกปล่อยให้ออกไปฉี่ก่อนนอน จับเช็ด-ล้างเท้าก่อนเข้านอน กลางดึกผมก็ตื่นมาปลุกนายหญิงให้พาออกไปฉี่อีก ... กิจวัตรที่เราทำให้เค้ามันเป็นสิ่งที่สอนเค้าไปในตัว และทุกวันนี้สิ่งเหล่านี้เราก็ยังปฏิบัติกับเค้าเช่นนี้อยู่ทุกวัน ......

ในเว็บมักจะพูดเสมอว่าลูกหมาวัย 3 เดือนจะซนสุดๆ กำลังเรียนรู้โลกกว้าง(จะเรียกว่า "สอดรู้สอดเห็น" ดีมั๊ยเนี่ย) อยากรู้ไปทุกอย่าง อยากมีส่วนร่วมกับสัตว์ทุกชนิดที่พบเห็น จิ้งจก นก จิ้งเหลน แตน ฯลฯ เค้าเห็นเป็นไปวิ่งไปแจมด้วยทุกที พอรู้แบบนี้เราก็พยายามเก็บสิ่งที่เป็นอันตรายจากบริเวณนั้นเรียบเลย เราถึงได้บอกตั้งแต่ต้นว่าตั้งแต่มีเค้าบ้านเป็นระบบระเบียบมากขึ้น ด้วยความซน เค้าคึกได้ทุกวัน วันละไม่รู้กี่รอบ(จำไม่ไหวในตอนนั้น) เล่นวิ่งไล่จับในบ้านกันปกติ วิ่งไปได้สักพักเค้าก็ลื่นร้องเสียงหลงนั่งลงตรงหน้าออกทางอ้อนๆ เย็นวันถัดมาเราก็คุยกันว่าเราเป็นห่วงพานีโอไปหาหมอเถอะ เกิดเค้าเป็นอะไรขึ้นเราสิที่เสียใจ หมอก็ถามอาการให้ยาแก้อักเสบมากินแบบน้ำกินง่ายกว่ายาเม็ดเยอะเลย เค้าจะมีหลอดสำหรับดูดยาจับใส่ปากมหาฉีดแป๊ปเดียวเป็นอันเสร็จ และครั้งนี้เจ้านายได้ถึงลูกอัณฑะของเจ้าตัวยุ่ง 3 เดือนแล้วเรายังไม่เห็นไข่ตกเลย เจ้านายก็เป็นห่วงก็เลยถามหมอเรื่องนี้ หมอก็ใจดี.. จับๆขลำๆ อึดใจสรุปว่าไข่ตกมาใบเดียวแถมอีกใบที่ยังไม่ตกใบเล็กมาก หมอว่าเค้าอาจจะเป็นทองแดงได้นะ ตอนนั้นเรามองเค้าเราสงสารอย่างบอกไม่ถูก นี้หมาเราเค้ามีข้อบกพร่องร้ายแรงเลยหรือนี้ เจ้านายกังวลมาก ไม่ใช่จะเอาเค้าเป็นพ่อพันธุ์หรอกแต่หวงเรื่องสุขภาพของเค้ามากกว่า ก็ได้รับคำแนะนำจากหมอท่านนั้นว่า ถ้า 2 อาทิตย์แล้วไข่ยังไม่ลงมาอีกหมอจะฉีดยาเร่งให้ ซึ่งก็ไม่ได้ผลร้อยเปอร์เซ็นต์ บางตัวฉีด 2 เข็มไข่ก็ลงอาจจะเป็นจังหวะพอดีก็ได้ ถ้าฉีดแล้วหมอไม่รับรองว่าไข่เค้าจะตกมั๊ยนะ แต่ก็ดีกว่าเราไม่ทำอะไรเลย ... ตลอด 2 สัปดาห์เจ้านายหาข้อมูล และได้โทรไปปรึกษาสัตวแพทย์ที่เกษตร หมอท่านนั้นได้ให้คำแนะนำว่าให้รอดูตอนเค้า 4-4 เดือนครึ่งว่าลงมั๊ย ถ้ายังไม่ลงอีกค่อยฉีดยาเร่งตอนนั้นก็ยังไม่สาย ปรากฏว่าพอครบ 2 อาทิตย์ ต้องพบหมอเพื่อดูอาการอักเสบที่ขา เรารีบบอกหมอก่อนเป็นอันดับแรกว่า "ไข่เค้าลงแล้วนะค่ะ ไม่ฉีดยาเร่งแล้วนะ" เพราะเรารู้ว่าถ้าเราไม่พูดก่อน เดี๋ยวเค้าฉีดอะไรเค้าไปเราจะรู้ได้ไง หมอยังแซวว่า "กลัวเข็มฉีดยาหรือเจ้านีโอ"

วัยนี้เป็นวัย ซน ดื้อ เล่น (เออ เราผ่านมาได้งัยเนี่ย) มานั่งนึกความหลังแล้วขำมาก ด้วยความซนและดื้อ เราก็แนะนำให้เจ้านายรู้จักสอนเจ้าตัวยุ่งบ้าง เห็นเอาแต่เล่นอย่างเดียว ตอนนั้นเราไม่รู้หรอก สิ่งที่เจ้านายพูด บอกเจ้าตัวยุ่ง ปฏิบัติกับเค้า นั้นคือการสอนเค้าไปในตัว แม้แต่เรื่องที่เราให้เจ้าตัวยุ่งรู้กฎกติกาการอยู่ในบ้านก็เป็นการสอนไปในตัวเช่นกัน แต่ตอนนั้นเรากลับไปสนใจเรื่องการสอนคำสั่ง เพื่อที่เค้าจะได้อยู่ในคำสั่งที่เราต้องการบ้าง เจ้านายก็ไม่ทำ มาอ่านเจอถึงรู้ว่าหมาวัยนี้เค้าไม่มีสมาธิที่จะฝึกอะไรหรอก ถ้าจะให้ดีต้องให้เค้าอายุ 5 เดือนขึ้นไป ฉะนั้นช่วงนั้นจึงเป็นช่วงหฤโหดของชีวิตยายน้อยหน่า 5555 แต่เราก็ทำทุกอย่างกับเค้าด้วยความรัก สงสาร ห่วงใยมาตลอดถึงแม้บางครั้งเค้าจะทำให้เราเสียน้ำตาบ้างก็ตาม


โดย น้อยหน่า ('.' ) - Saturday, 28 August 2004, 06:48PM
 

ตอนที่ 5 ห่วงใย สงสาร(เจ้าตัวยุ่ง) .............

พออายุ 3 เดือน เป็นช่วงที่เจ้าตัวยุ่งต้องรับวัคซีนหลายตัวเพื่อป้องกันสารพัดโรค แต่ละตัวสัตวแพทย์เค้าจะเว้นระยะห่างการฉีดดังนี้

วันที่ 7 มกราคม 2547 พาเค้าไปฉีดวัคซีนเข็มแรกเพื่อป้องกันโรคหัด / ตับอักเสบ / เลปโตฯ  โดยสัตวแพทย์หญิงท่านหนึ่งย่าน... พอเราอุ้มเจ้าตัวยุ่งเข้าคลีนิค ทุกคนจะมองเจ้าตัวยุ่งมาก เพราะในเวลานั้นมีแต่หมาพันธุ์เล็กที่ดูน่ารัก ... ของเราก็น่ารักแต่หน้าลักไปเก็บเพราะไม่เป็นที่สบอารมณ์ของเจ้าของหมาท่านอื่นๆ พอเห็นว่าหมาเราเป็นพันธุ์"ดุ"เค้าก็อุ้มหมาเค้าหลบไป การที่หมาเจอหมาด้วยกันก็เป็นธรรมดาที่มันต้องเห่าใส่กันบ้าง (ไอ้เราเพิ่งเลี้ยงยังเข้าใจเลย) เค้าแสดงอาการออกชัดมากว่าไม่อยากยุ่งทั้งคนทั้งหมา (แหมไม่อยากจะใช้คำว่ารังเกียจเลยนะเนี่ย แต่ก็ไม่เป็นไรเข้าใจค่ะ) หมาเราก็อยู่ในสายจูงนะไม่คิดจะสร้างปัญหาให้ตัวเองหรอกกลัวไปได้ โธ่... เมื่อถึงคิวของเจ้าตัวยุ่งสัตวแพทย์ท่านนั้น เดินเข้ามาทักทายเจ้านายกับเจ้าตัวยุ่ง อาการของเค้าแสดงออกเห็นได้ชัดมากว่า "เกรง" กัดฟัน

เค้าถามเราว่า อ้าว...บางแก้วเหรอ ชื่ออะไรละ อายุเท่าไหร่

เค้าก็พยามทำความรู้จักกับเจ้าตัวยุ่ง แต่อาการเค้ายังดูเหมือนกล้าๆกลัวๆเจ้าตัวยุ่งอยู่ ตอนที่เจ้าตัวยุ่งอยู่บนเตียงหมอมายืนคุยถามโน้นถามนี้ไม่มีการเห่าหรือขู่เลยแต่พอหมอออกอาการกลัวๆกล้าๆ(เหมือนเราเลย) เค้ายื่นมือมาแบบไม่มั่นใจว่าเราจะจับหมาเราอยู่มั๊ย ไม่ค่อยกล้าฉีดยาให้เจ้าตัวยุ่ง ตอนนั้นแหละที่เจ้าตัวยุ่งเริ่มขู่ แต่ไม่มาก ฉีดยาเสร็จพากลับบ้านพร้อมยาถ่ายพยาธิครึ่งเม็ด หมอบอกว่าหมาที่ฉีดวัคซีนภายใน 3 วันห้ามอาบน้ำแต่เช็ดตัวได้นะค่ะ

การกินยาของเจ้าตัวยุ่ง เจ้านายก็ให้เป็นหน้าที่เรา(อีกแล้ว) เราเป็นคนป้อนยาเค้าเองโดยจับเค้าอ้าปากตั้งคอตรงๆหย่อนยาลงให้ลึกที่สุด ...อ้าว..เราทำได้ไงเนี่ย แถมไม่ยากเลย.. (ดีใจๆ)

10 วันต่อมา (17 มกราคม 2547) หมอนัดให้เจ้าตัวยุ่งไปฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 เพื่อป้องกันโรคหลอดลมอักเสบกับสัตวแพทย์คนเดิม ก่อนไปเราหาข้อมูลเพิ่มเติมว่าการพาหมาไปหาหมอทำอย่างไงไม่ให้หมาตื่นกลัว เราก็นำมาปฏิบัติตาม โดยการคุยกับเค้าตลอดทางที่มาคลีนิคบอกเค้า กอดเค้า ลูบตัวเค้า (พูดมากๆ) พอมาถึงอาการเจ้าตัวยุ่งยังตื่นอยู่มากหางตก ยื่นเบียดกับเจ้าของ เจอหมาตัวอื่นมีเห่าแต่ไม่ขู่ พอถึงคิวเรียกเจ้าตัวย่ง ดูหมอเค้ากล้ามากขึ้นเพราะเจ้าตัวยุ่งไม่ขู่หมอคนนี้เลย ยอมให้ฉีดวัคซีนแต่โดยดี แถมฉีดวัคซีนเสร็จเจ้าตัวยุ่งมันอ้อนเราต่อหน้าหมออีกนะ

หมอยังแซวอีกว่า อ้อนแม่โชว์หมอเสียแล้ว หมั่นไส้จริงๆ

วันนั้นเราดีใจมากที่เจ้าตัวยุ่งปรับตัวกับสถานที่ได้ ถึงจะไม่ดีมากก็ตาม และจะด้วยสาเหตุอะไรก็แล้วแต่ ดูเจ้าตัวยุ่งยังคึกคักอยู่เหมือนไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองโดนฉีดวัคซีนเลย กลับถึงบ้านยาคงเริ่มออกฤทธิ์ เจ้าตัวยุ่งดูเพลียๆ นอนตลอดบ่ายวันนั้น ตื่นมาก็เป็นปีศาจตัวน้อยๆเหมือนเดิม กัดฟัน

วันที่ 27 มกราคม 2547 การเปลี่ยนของเจ้าตัวยุ่งในการไปหาหมอเริ่มเกิดขึ้น การมาครั้งนี้เพื่อมารับวัคซีนป้องกันโรคหัด / ตับอักเสบ / โรคลำไส้อักเสบ และโรคพิษสุกนัขบ้า ขณะที่เดินทางไปที่คลีนิคเราก็ทำเหมือนครั้งที่แล้วเพื่อไม่ให้เจ้าตัวยุ่งตื่นกลัวมาก ปรากฏว่าเมื่อไปถึงอาการตื่นของเจ้าตัวยุ่งดูดีกว่าครั้งที่แล้วไม่ขัดขืนมาก และเมื่อถึงคิวเจ้าตัวยุ่งที่ต้องไปรับวัคซีน

อ้าว .. คุณ..ไม่ใช่หมอคนเดิม จะเป็นอะไรมั๊ยเนี่ย

คราวนี้เป็นสัตวแพทย์ผู้ชาย ที่ดู(เหมือน)จะไม่กลัวบางแก้ว แต่ที่ไหนได้เดินมาไม่พูดไม่ทักทายกะจะมาฉีดให้เสร็จๆ แล้วกลับไป เจ้าตัวยุ่งเห็นคนนี้เดินเข้ามามันเริ่มขู่เค้า และขู่มากขึ้น จนจะฉีดวัคซีนแล้วเจ้าตัวยุ่งก็จะไม่ยอม เจ้านายจับก็ไม่ยอม จนต้องใช้ผู้ช่วยเด็กวัยรุ่นคนหนึ่งมาช่วยจับ ผู้ช่วยคนนั้นก็ทำอย่างที่หมอทำ (ทำไมนะไม่มีจิตวิทยาการบ้าง(ว่ะ)) คือไม่พูดพร่ำทำเพลงเดินจะเข้ามาจับ เจ้าตัวยุ่งก็จะไม่ยอมให้จับตัว หันไปจะงับมือเค้าเจ้านายยื่นมือเข้าไปเพื่อดึงคอเข้า(ต้องการจะห้าม) เลยโดนลูกหลงไป 1 แผลที่นิ้ว ไม่ลึกมากไม่ถึง 1 มิล แล้วเสียงก็ไม่ใช่ค่อยๆ หมอก็ตกใจ หน้าซึดเป็นไก่ต้มเลย คงคิดในใจว่าดีนะที่ไม่ใช่นิ้วกรู ... การฉีดวัคซีนครั้งนั้นทำให้สัตวแพทย์ในคลีนิคไม่กล้าที่จะมาเข้ามารักษาเจ้าตัวยุ่งแล้ว และด้วยที่ว่าจะต้องมาฉีดเพื่อป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าในอาทิตย์ถัดไป สัตวแพทย์ท่านนั้นก็เลยบอกว่าวันนี้ฉีดไปเลยแล้วกันจะได้ไม่ต้องมาอาทิตย์ถัดไปให้เสียเวลา อ้าวหมอบอกอย่างนี้นี้หว่า ไอ้เราชาวบ้านจะไปรู้อะไรเค้าว่าไงเราก็ว่าตาม ฉีดก็ฉีด คราวนี้เจ้าตัวยุ่งก็ดิ้นจะไม่ยอมอีก หมอก็เริ่มออกอาการกลัวๆกล้าๆ เค้าเกี่ยงกันต่อหน้าเราที่จะเข้ามาฉีดวัคซีนตัวนี้ เพราะว่าวัคซีนนี้ต้องฉีด 2 เข็ม เค้ากลัวว่าเราจะจับไม่อยู่มันจะหันมางับเค้า(มั่ง) โธ่.. หมา 3 เดือนกลัวอะไรกัน เจ้าของก็อยู่ (เดี๋ยวก็ปล่อยมันเสียจริงๆหรอก) พอเราอุ้มเจ้าตัวยุ่งมาจากเตียง เจ้าของหมาน้อยท่านอื่นๆที่รอคิวรักษาต่างพากันอุ้มหมาน้อยของตัวเองกันเสียฉิบ.. เพราะวีรกรรมหมาของฉัน

ตั้งแต่นั้นมาความรู้สึกของเจ้าตัวยุ่งเมื่อเวลาไปถึงบริเวณคลีนิค เค้าจะขืนตัวไม่ยอมเข้า เข้าไปก็ไปเห่า เราคุยกับใครไม่ได้เลยเป็นเห่าไปหมด เห่าหมาทุกตัวที่เข้ามาในร้าน (แต่ไม่มีขู่) จนบางครั้งต้องอุ้ม หรือไม่ก็พาไปเดินข้างนอก

หลังจากลับไปหาหมอแต่ละครั้ง เราสงสารเจ้าตัวยุ่งจับใจจริงๆ นี้เค้าจะไม่มีคนที่ไม่ต้องการเค้าเลยเหรอ มีแต่คนที่เห็นแล้วหลบ ไม่ยุ่งด้วยทั้งนั้น บางแก้วนี้มันน่ากลัวขนาดนั้นเลยเหรอ (เกิดคำถามซ้ำๆหลายเรื่องในใจเรา) จากวันนั้นเราก็เริ่มที่จะเล่นกับเจ้าตัวยุ่งมากขึ้นโดยที่ไม่ต้องรอให้เจ้านายบอกว่าว่ามาเล่นกับมันบ้างสิ เราสงสารเค้าอย่างบอกไม่ถูก เราเข้าใจความรู้สึกดีว่าการอยู่คนเดียวมันเหงา มันโดดเดี่ยวขนาดไหน ขนาดคนนานๆเข้ายังเครียด แล้วหมามันจะมีความรู้สึกมั๊ยหนอ ...

หมาแถวบ้านเจ้าของก็ไม่ให้เจ้าตัวยุ่งเล่นด้วย เค้าเคยพูดกับเราตรงๆว่า "หมาบางแก้วดุ กัดเจ้าของ กัดหมาด้วยกันตายมาแล้ว พี่ไม่กล้าปล่อยให้เล่นด้วยหรอกนะ แล้วนี้เคยกัดใครบ้างหรือยังละ" ... ปัทโธ่..

นึกถึงภาพเหล่านั้นแล้วน่าสงสารเหลือเกิน เห็นหมาตัวอื่นเล่นกัน เจ้าตัวยุ่งก็วิ่งไปเกาะรั้วไปยืนดูเค้า ร้องทำเสียงเหมือนอยากจะไปเล่นกับเค้าด้วย วิ่งไปวิ่งมา ไม่เห่าไม่ขู่เค้า เชื่อมั๊ยว่าเรานั่งร้องไห้นะเศร้า ไม่รู้สิ อธิบายความรู้สึกตอนนั้นยากจัง (บ้าหรือเปล่าว่ะเรา)

.... คราวนี้ละนายหญิงจะเป็นเพื่อนเจ้าเองเจ้าตัวยุ่ง เจ้ายังมีนายหญิงกับเจ้านายเสมอ หมาน้อยของฉัน ...


โดย น้อยหน่า ('.' ) - Saturday, 28 August 2004, 08:48AM
 

พี่วิเชียรค่ะ เรื่องที่น้อยหน่าส่งมาแล้วนั้น ในตอนที่ 1-4 น้อยหน่าเขียนช่วงอายุเจ้าตัวยุ่งผิดอ่ะ เค้ามาอยู่กับน้อยหน่าตอนอายุ 42 วัน เค้าก็อายุเดือนกว่าแล้วสิ ฉะนั้นเรื่องที่น้อยหน่าเขียนไปว่าเค้าอายุ 1 เดือน มันเลยผิดนะค่ะ ต้องเป็นอายุ 2 เดือน น้อยหน่าจะเข้าไปแก้ไขข้อความเหล่านั้นได้อย่างไร หรือว่าจะให้ post ช้ำดีพี่ เพราะที่น้อยหน่าจะส่งเรื่อง ตอนที่ 5 ถึงเป็นตอนที่เค้าอายุ 3 เดือนแล้ว เดี๋ยวใครเค้ามาอ่านแล้วจะงงว่า ตอนอายุ 2 เดือนหายไปไหน จะให้น้อยหน่า ส่งไปให้ใหม่ที่โรงเตี้ยมมั๊ยคะ ตอบกลับด้วยพี่

อีกเรื่องที่น้อยหน่าอยากขอร้องมากถึงมากที่สุด

คือเรื่องที่น้อยหน่าส่งมาให้นี้เป็นเรื่องของคน 2 คน กับ 1 หมา ซึ่งเราก็ไม่คิดจะเปิดเผยขนาดนี้ ส่งมาที่นี้เพื่อให้คนที่สนใจได้อ่าน ท่านใดจะ save เก็บไว้ก็ไม่ว่า แต่ถ้าท่านใดจะนำไปใช้เพื่อนประโยชน์อะไรบางอย่างก็ขอบรบกวนท่านนั้นๆ ขออนุญาติจากเราก่อน เพราะเจ้าตัวยุ่งตัวนี้กับเจ้านายของมันมีชีวิตจริงอยู่บนโลกนี้ มิได้อุปโลกขี้นมา (ถึงแม้เรื่องนี้จะไม่น่าสนใจสำหรับคนเลี้ยงมืออาชีพก็ตาม)

*ยกเว้นกรณีของคุณอาทรเพราะเราได้มีการคุยกันแล้วสำหรับเรื่องนี้* จ๊า

เคารพพี่ลี้เช่นกัน



โดย น้อยหน่า ('.' ) - Monday, 23 August 2004, 03:18PM
   

ตอนที่ 4 วุ่นวาย และสับสน(ตัวเอง)..........

ตอนที่เอาเข้ามาอยู่ด้วยเค้าอายุย่างเข้า เดือนที่ 2 เรายังไม่ได้พาเจ้าตัวยุ่งเดินเล่น เจ้านายไม่อนุญาติเพราะเค้ารับวัคซีนยังไม่ครบ ฉะนั้นกิจกรรมต่างๆ จะอยู่ภายในบ้านหรือไม่ก็ในบริเวณบ้าน

กิจกรรมที่ทำได้ตอนนั้นก็คือ การชวนเล่นของเจ้านาย และจากเจ้าตัวยุ่งเอง ที่ชอบไล่งับ เดินๆ ก็งับเสียเฉยเลย ซึ่งป็นช่วงการเรียนรู้ที่สำคัญของเค้า เค้ากำลังปรับตัวเข้าสิ่งแวดล้อมใหม่ ฝูงใหม่ของเค้า ตอนนั้นเราต้องระวังเรื่องการงับของเค้าอย่างมาก (สงสัยมันจะคันปาก) งับเมื่อไหร่เป็นได้เลือดออกซิบๆ เล่นทีใช้แรงปะทะ โดยการกระโดดแล้วงับตามด้วยการหมุนตัววิ่งหนี ดู.. ดูมันทำ มันสนุก แต่(ตู)เราทุกข์ถนัด ตอนนั้นเราแทบไม่ได้ทำงานเลย เราต้องคอยดูเค้า เล่นกับเค้า ระวังของในบ้านที่เค้ามักจะไปกัดแทะ ช่วงนั้นเราเริ่มเครียด เจ้านายก็เริ่มเครียด เริ่มมีความคิดแว๊บเข้ามาแล้วว่าเราคิดผิดหรือเปล่า แต่การเครียดของเรา เราไม่ได้ลงกับเจ้าตัวยุ่งเลย ในช่วงนั้นเราแทบไม่ได้ทำอะไรเลย ไม่ได้หลับ ไม่ได้พักอย่างเต็มที่ เราต้องมาตั้งคำถามในเน็ตอีกแล้ว

เค้าเป็นแบบนี้เราไม่ต้องเล่นกับเค้าทั้งวันเลยเหรอ?

อืม... ได้คำตอบแล้ว ... "ไม่ต้องเล่นกับเค้าตลอดหรอก ถ้าเราทำงานก็เลิกเล่นกับเค้า สักพักเค้าจะรู้เอง"

ช่วงนั้น..เราพยามหาอุปกรณ์เสริมที่จะช่วยเค้าและเรา(ให้เจ็บตัวตัวน้อยลง) เท่าที่จะทำได้โดยการหาซื้อกระดูกแทะสำหรับลูกสุนัข ตุ๊กตา ลูกบอลยาง (ซึ่งเค้าไม่แตะของเล่นที่เป็นยางเลย) ที่นี้ละอะไรที่เป็นวัสดุยางพี่แกไม่เล่นไม่สน ตกหนักก็มาอยู่ที่เรากับเจ้านายละทีนี่ เค้าจะไล่งับเวลาที่เค้าอยากเล่น เจ็บสุดๆ ฟันคม เวลาโดนเนื้อจะมีเลือดซึมตามออกมาทุกทีเลย ... ช่วงนั้นเราสับสนตัวเองอย่างมาก ว่าเรารู้สึกกับเจ้าตัวยุ่งอย่างไงกันแน่

รักมันมั๊ยนะ... ต้องมีรักสิไม่อย่างนั้นเราจะให้เจ้านายซื่อเจ้านี้มาเหรอ แล้วเราจะทำอย่างไงล่ะ

ช่วงเวลนั้นเจ้านายยังเป็นพี่เลี้ยง ยังไม่มีเหตุที่ต้องเดินทางไปต่างประเทศ ก็ยังพอทนได้กับสิ่งที่เจ้าตัวยุ่งกระทำ เพราะมีเจ้านายเป็นด่านหน้าเสมอ เค้าได้แผลเยอะกว่าเรามาก ที่ได้แผลไม่ใช่ว่าเจ้าตัวยุ่งเค้าดุหรืออะไรหรอก เค้าต้องการเล่นกับเรา และเราก็มีการคุยกันแล้วว่าเราจะเลี้ยงให้เค้ารู้สึกไม่เหงาเมื่อมีเรา เราจะเลี้ยงเค้าแบบไม่เครียด ไม่กดดัน ทุกครั้งที่เราอยู่กับเค้า เล่นกับเค้า ปฏิบัติที่ตัวเค้าเรา 2 คนจะไม่เอาอารมณ์ส่วนตัวมาลงกับเค้าเลย ก็แปลกน่ะ

ในตอนนั้นเราเกี่ยงให้เจ้านายเล่น เช็ดตัว เช็ดเท้าเจ้าตัวยุ่งเสมอ เห็นเค้าปฏิบัติกับเจ้าตัวยุ่งทำให้เรามีแต่รอยยิ้ม ทำไมน่ะดูสิมันน่ารักกับเค้าจัง แต่ทำไมกับเรามันชอบงับ งับ งับจัง(ว่ะ)

ให้อาหารก็ต้องนั่งด้วย เพื่อจะได้ดูปฏิกิริยาเค้า ลองดึงชามข้าวไม่มีขู่ จับหยิบของๆเค้าก็ไม่มีแยกเขี้ยว เราก็ลำพองใจทำบ้างไม่ทำบ้างในช่วงแรก (เพราะไม่รู้ว่ามันจะมีผลอะไรตามมา)

การนอนของลูกสุนัขวัย 2 เดือน จะนอนเยอะมาก นอนได้ตลอด ช่วงละประมาณ 2 ชั่วโมง แล้วก็ตื่น ตื่นมาก็ฉี่ แล้วก็เล่น "ไล่งับ" แล้วก็กลับมานอน ในตอนกลางวันที่เค้าตื่นนอนเค้าจะปวดฉี่ทุกครั้ง การฉี่ของหมาวัยเด็กเค้าจะยืน 4 ขา 2 ขาหลังจะย่อลงเล็กน้อย แม้กระทั่งตอนกลางคืน เวลานอน 3 ทุ่ม เค้าจะหลับ 2 ชั่วโมงถึง 2 ชั่วโมงครึ่ง ตื่นมาฉี่อีกแล้ว คิดดูวันหนึ่งเราต้องตื่นกลางดึก หลายหนมากช่วงนั้นเราไม่ไหวต้องให้เจ้านายตื่นมาสลับกันบ้าง ซึ่งจะรบกวนเค้าบ่อยมากก็ไม่ได้ (เออ..แล้วเราหาเรื่องใส่ตัวทำไมเนี่ย ?) เวลาที่เจ้าตัวยุ่งมาเรียก เค้าจะไม่มาเห่านะ จะเดินมาที่ข้างเตียง ส่งเสียง ... หรือไม่ก็ยกขามาสะกิด พอเราลุกเค้าจะเดินไปนั่งรอที่ประตู ทุกครั้งที่เค้าออกไปฉี่ เค้าไม่ได้เข้ามาทันทีหรอก ต้องเล่นสักพัก เดินสำรวจดูอะไรของเค้าก็ไม่รู้ แรกๆ เราก็ออกไปเป็นเพื่อน พอเค้าเห็นว่าเราออกไปด้วยเลยคิดไปว่าเราจะมาเล่นด้วย ก็ไม่ได้นอนกันพอดีกว่าพี่แกจะหมดฤทธิ์(คึก)นานอยู่เหมือนกัน พอเห็นเค้าแข็งแรงดีแล้วคืนต่อมาเราปล่อยเค้าไปฉี่ แล้วเราก็มานอนรอที่โซฟา พอเค้าจะเข้าบ้านก็จะมาเคาะประตูมุ้งลวด เราก็จับเช็ดเท้า (โดนงับมืออีกแล้ว) แล้วเค้าก็จะมานอนต่อ ช่วงนั้นจะเป็นแบบนี้ทุกคืน คืนละหลายๆ รอบ แต่อารมณ์นั้นทำไมเราไม่โกรธ ไม่รู้สึกว่าเหนื่อยจนต้องบ่นว่าเหนื่อย ไม่รู้สึกรังเกียจเวลาที่เค้าเข้ามาคลอเคลียด้วย บางครั้งยามดึกเรานอนไม่หลับ แต่ต้องนอนนิ่งๆเพื่อที่จะไม่ให้กวนเค้า เค้าจะหูไวมาก แค่ขยับตัวเบาๆเค้าก็ยกหัวมาดูแล้วว่าเราจะไปไหน ทำอะไร และเราก็ได้มีโอกาสนอนดูพฤติกรรมของเค้าไปพลาง เวลาเค้านอนยามดึก ถึงจะหมาเด็กเค้าก็ไม่ได้หลับตลอดหรอกนะ ประมาณ ตี 2-3 เค้าจะตื่นมาแทะกระดูกยาง เกาๆอะไรของเค้าไปเรื่อย เลียขน(เพื่ออะไรอันนี้เราไม่รู้) แต่สิ่งหนึ่งทีเค้าปฏิบัติมาตลอดคือ เค้าจะไม่กวนเราเหมือนเค้ารู้ว่าเวลานี้เจ้านายต้องพักผ่อนไม่ใช่เวลาเล่น นอกเสียจากว่ามีเสียงผิดปกติ เค้าจะลุกเดิน เอียงคอมอง หูจะหันไปทิศทางของเสียงนั้น บางครั้งจะมีเห่าในลำคอบ้าง จนเค้าแน่ใจแล้วว่าไม่มีอะไรผิดปกติเค้าก็จะนอนต่อไปจนถึง ตี 5.30 น. ก็จะตื่นอีกครั้ง ...

เวลาดึก เราจะใกล้ชิดเจ้าตัวยุ่งมากกว่าเวลาอื่น เพราะเจ้านายจะไม่ค่อยจะลุกมาทำธุระให้เจ้าตัวยุ่ง (อันนี้เราเข้าใจ ว่าเพราะอะไร) เราไม่ทำแล้วใครจะทำล่ะรอผีบ้านผีเรือนก็ใช่ที่ .. เอาวะลุกก็ลุก ... จำได้ว่าเดือนนั้นเราโทรมมาก ขอบตาดำ หน้าตาอิดโรยจนที่บ้าน(แม่)ทัก เพื่อนที่ทำงานก็ถาม แต่เราก็ไม่เข้าใจนะเราทำได้อย่างไง ไม่บ่นไม่ท้อใจ เรากลับมองว่าถ้าเราไม่ทำแล้วใครจะทำให้เจ้าตัวยุ่ง เรามีหน้าที่เพิ่มมาอีกเรื่องแล้ว และเป็นหน้าที่ ที่เราเลือกเอาเค้ามาเอง (รับผิดชอบจ๊ะ รับผิดชอบยายน้อยหน่า)

ตกเย็นเรากับอยากจะกลับบ้าน(ทำไม งงตัวเองจริงๆ) ซึ่งมีแต่เรื่องยุ่งยากรอเราอยู่ที่บ้าน แต่เราก็อยากกลับ ห่วงว่าวันนี้เค้าจะเป็นอย่างไงบ้าง เหงาหรือเปล่า ซนมากมั๊ย โดนเด็กแถวบ้านแกล้งหรือเปล่า สารพัดที่จะคิดเกี่ยวกับเค้า พอมาถึงบ้านเห็นเค้าดีใจ กระโดดยื่นขาหน้ามาให้เราเหมือนเราจะหลุดลอยไปจากเค้า ร้อง..อย่างน่าสงสารไอ้เราต้องรีบไขประตูเข้าบ้านให้เค้าได้เลียๆ กระโดดเกาะ แสดงอาการดีใจแบบสุดๆ ว่า"ผมไม่โดนทิ้งแล้ว" อิอิอิ เค้าเป็นแบบที่เราไม่เคยได้กับใครหรือสัตว์ใดมาก่อน แต่พอเค้าหายดีใจสถานการณ์ก็เข้าสู่ภาวะปกติ คราวนี้เค้าก็เป็นไอ้ตัวแสบของเราอีกแล้ว อารมณ์ช่วงนั้น มันบอกไม่ถูกสับสนกับตัวเองบางครั้งอยากจะบอกกับเจ้านาย ว่าเราไม่เอาแล้วก็ไม่กล้าพูด แต่พอเค้าโดนเจ้านายดุ เราก็สงสาร เวลาที่เค้าโดนดุเราไม่ได้โอ๋เค้านะ เพระหมาที่โดนดุนั้นแปลว่าเค้าทำผิด และเมื่อผิดต้องไม่ให้ใครโอ๋เดี๋ยวเค้าได้ใจ จะกลายเป็นหมาดื้อ และเค้าไม่เชื่อฟังคำสั่ง

เอ๊ะ .. นี่เรารู้สึกอย่างงัยกับเจ้าตัวยุ่งกันแน่ ...


หน้า: (หน้าก่อน)   1  2  3  4  5  (ต่อไป)