คงเป็นเรื่องราวในอดีตที่ผ่านมา ที่ทำให้หัวโต มีแต่คนที่เกลียดมากกว่าคนที่รัก แม่กี๋พอเดาได้จากสายตาและน้ำเสียงของคนแถวนั้น เมื่อรู้ว่าหัวโตได้เลื่อนขั้น ขึ้นเป็นหมามีปลอกคอ เทียบชั้นเท่ากับ หมาบ้านตัวอื่นๆ บ่ายวันหนึ่ง แม่ค้าขายปาท่องโก๋ ที่พักอยู่ห้องแถว ปากซอย ตระโกนข้ามรั้วทักทาย เมื่อเห็นแม่กี๋กำลังอาบน้ำให้หัวโต คล้ายจะยินดีที่หัวโตได้รับการเลี้ยงดูที่ดีขึ้น แต่มาถึงบางอ้อ เมื่อแอบไปรู้ความลับว่า แม่ค้าคนนี้เป็นคู่กรณีเก่าแก่ แกเกลียดหัวโตเข้ากระดูกดำ รอยแผลเย็บจากเขี้ยวที่ขา เป็นพยานหลักฐาน ที่ฝังใจแกมานาน เรื่องนี้แม่กี๋จะขยายความภายหลัง เพื่อความเป็นธรรมของคนและหมา นอกจากชาวบ้านชาวแฟลตแล้ว หัวโตยังมีคดีความกับหมาอีกหลายเขต เท่าที่ประมวลได้ ได้แก่ เจ้าแซมและเจ้าบอส มาเฟียฝรั่ง บ้านตรงกันข้าม ; เจ้าเตี้ยสุดหล่อ นักเลง คุมแฟลต ; แม่หมีอ้วนดำ เจ๊ใหญ่ ตลาดสด ; เจ้าบูธ หมาไทยหลังอาน อันธพาล ห้องแถวปากซอย; ไข่ตุ๋น ลาบราดอร์ หมาขี้อ้อน ชาวแฟลต ; จัมโบ้ โกลเด้น หมาขี้เล่นหลังบ้าน แต่ละตัวที่หัวโตเลือกเป็นศัตรู ล้วนแล้วแต่ชั้นแนวหน้าระดับหัวกะทิ ไม่หมาเจ้าถิ่น ก็หมายอดดวงใจของเจ้าของ ทั้งนั้น เจ้าแซมและเจ้าบอส สองพ่อลูก พันธุ์เยอรมันเชพเพอดชาวกรุง เจ้าของเล่าว่า เอามาเลี้ยงตั้งแต่ตัวเล็กๆ แกรักเหมือนลูก แต่ข้อจำกัดเรื่องการโยกย้าย ที่ทำงานและบ้านพัก เลยทำให้ไม่สามารถย้ายตามมาอยู่ด้วย เจ้าสองตัวจึงต้องถูกเลี้ยงอยู่ที่บ้านในกรุงเทพ ซึ่งเป็นอาคารพาณิชย์ ไม่เจอะเจอหมาที่ไหนเป็นเวลานาน ระยะหลังๆเจ้าแซม กล้ามเนื้อขาหลังชักอ่อนแรง เพราะไม่ได้วิ่งออกกำลังกาย ความจำเป็นตามธรรมชาติของสุนัขพันธุ์นี้ แกจึงตัดสินใจเอามาเลี้ยงที่บ้านมหาชัย ที่พอจะมีบริเวณหน้าบ้านให้วิ่งเล่นกันบ้าง การมาของสองพ่อลูก ไม่พ้นสายตาที่แหลมคมของเจ้าสุดหล่อ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งหัวโต ที่นอนจดจ้องอยู่มุมหนึ่ง ในบ้านหลังตรงกันข้าม สำหรับหมา การมาอยู่ใหม่ คือ การล่วงล้ำเข้ามาอยู่ในเขตแดน จึงไม่แปลกเลยที่หมาจรจัดเหล่านั้น จะออกอาการหวงอาณาเขต โดยที่ไม่เกรงกลัวเจ้าหมาแปลกหน้า ที่มีขนาดใหญ่กว่าหลายเท่า ในสายตาของหัวโต เจ้าสองตัว เป็นหมาแปลกหน้าและหน้าแปลก ซึ่งไม่รู้ว่าจะเป็นที่หน้าตา กลิ่นหรือดวงชะตาเป็นอริกัน หัวโตถึงได้เกลียดเจ้าหมาฝรั่ง นัยน์ตาสีพิลึกนั่นเสียจริงๆ ประกาศตัวเป็นศัตรู ตั้งแต่แรกพบ พร้อมกับเปิดศึก วิ่งเข้าไปเห่ากรรโชก กวนอารมณ์ แบบเหยี่ยวถลาลม โฉบหนีและโฉบหนี โดยมีเจ้าสุดหล่อผสมโรงด้วย ไม่ต้องถามว่าเจ้าสองตัวพ่อลูก จะโกรธสักเพียงไร แต่ที่เห็นๆมันได้กากบาท หมายหัวหมาเจ้าถิ่นสองตัว ไว้ในสมองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และวันที่รอคอยก็มาถึง เจ้าของปล่อย ให้ทั้งคู่ออกมาขับถ่ายนอกบ้าน โดยไม่มีโซ่ล่าม เหล่าหมาจรจัดพากันเห่ากันเกรียวกราว ได้เรื่องอย่างที่คิด พอได้อิสระสองพ่อลูก กระจายกำลัง วิ่งเข้าไล่กัดหมาจรจัดทั้งฝูง โชคร้าย!! ที่มีเหยื่อตัวหนึ่งหนีไม่ทัน มันถูกกัดเข้าจมเขี้ยว ได้ข่าวว่าไม่รอด....ตายสนิท ตัวอื่นๆพากันวิ่งหนีกระเจิงไปคนละทิศละทาง ส่วนหัวโตหนีเอาตัวรอดเป็นยอดดี วิ่งกระโจนเข้าในบ้านทันที บทเรียนที่หมาเรียนรู้ได้โดยสัญชาตญาณ นับตั้งแต่เกิดเรื่อง ไม่มีตัวไหนกล้าเข้าไปตอแย ยกเว้นหัวโต ที่ยังดื้อรั้นมั่นใจในตัวเอง ตามแบบฉบับหมาบางแก้ว ดังนั้นในช่วงที่แม่กี๋ไม่อยู่ หัวโตจึงถูกกัดนับครั้งไม่ถ้วน เย็บแล้วเย็บอีก ยังดีที่เพื่อนบ้านชอบพอกัน เขาเข้ามาช่วยแยก กันหมาของเขาออกไป มิเช่นนั้นมีหวังเหลือแต่ชื่อ ไม่ได้เอามาลือ ถึงอำเภอท่ายางเป็นแน่ แต่ก็ขยาดอยู่เหมือนกัน เพราะเห็นจำเสียงรถและเสียงเปิดปิดประตู ของบ้านตรงข้ามได้อย่างแม่นยำ พอได้ยินเสียงแว่วๆ ไม่ว่าจะกำลังหลับหรือตื่น จะได้ยินเสียงหัวโตเห่าโวยวาย คล้ายส่งเป็นสัญญาณเตือนภัยให้เหล่าหมาๆ ส่งเสียงขานรับกันไปเป็นทอดๆ แต่พอเห็นเจ้าสองตัวอยู่ในเขตรั้ว หัวโตก็วิ่งรี่ออกไปเห่าอยู่ริมรั้วเหมือนเดิม แม่กี๋ต้องเอาไปล่ามโซ่ไว้ที่โรงรถ ที่เดิมที่เคยชอบนอน เพราะการไปยั่วยุที่รั้ว หมาตัวไหนจะไม่โกรธและผูกใจเจ็บ เมื่อหลุดออกมานอกบ้าน มันถึงได้ตรงไปไล่ขย้ำเหยื่อไม่เลือกหน้า ไม่ใช่เฉพาะบริเวณแฟลต แต่ยังล่วงล้ำเขตแดนไปถึงตลาดสด ทั้งหมาทั้งคนต้องหลบเข้าซอกซอยกันให้วุ่น ต้องนับว่าเจ้าสองตัว เป็นหมาผู้ทรงอิทธิพล ที่ก่อให้เกิดความหวาดหวั่นในหมู่หมาจรจัด บริเวณหน้าบ้านเจ้าสองตัวกลายเป็น มาเฟียโซน ที่ไม่ว่าคนหรือหมา พากันเดินเลี่ยงไปไกล ใครจะไปรู้ได้ว่า วันใดวันหนึ่ง เจ้าสองตัวอาจจะกระโดดข้ามรั้วไม้ ที่สูงเพียงแค่หนึ่งเมตรเศษๆเท่านั้น หัวโตนอนให้ล่ามโซ่ได้ไม่นาน ก็แผลงฤทธิ์ ร้องส่งเสียงดัง รบกวนเพื่อนบ้าน แถมประชดด้วยการตระกายตัวถังรถ กัดกันโคลน กุดหลุดออกทั้งสองข้าง และที่ทำให้แม่กี๋โกรธก็คือ เวลาเรียกออกมากินข้าว ทำเป็นโมโหโกรธา พร้อมกับขู่ตั้งท่าจะกัด.. แม่กี๋เลยเล่นบทนางมารร้าย ปลดโซ่ ไล่หัวโตออกจากบ้าน จะกัดแม่ใช่มั๊ย!! ออกไปอยู่ที่อื่นเลย อย่ามาให้เห็นหน้าอีกนะ หัวโตหางตก วิ่งหายไปทางห้องแถว ปากซอย แม่กี๋รู้ว่าหัวโตจะไปที่ไหน ที่หมายก็คือบ้านของเพื่อนร่วมงานพ่อจ๋า คนที่คุ้นเคยเข้านอกออกในบ้านได้ เขามักซื้อปีกไก่ย่างมาฝากเป็นประจำ จนหัวโตติดใจ วิ่งตามไปเฝ้าเขาที่ทำงานบ่อยๆ เวลาแม่กี๋ไม่อยู่หัวโตจะไปสิงสถิตอยู่ที่ห้องแถว เพราะเขาให้อาหารและให้เข้าไปนอนในบ้าน เล่นกับลูกๆ จนบางครั้งพ่อจ๋าต้องเดินไปตามกลับบ้านบ่อยๆ ที่ห้องแถวปากซอย เป็นย่านชุมชนคนรักหมา แต่ละห้องเลี้ยงหมาทั้งพันธุ์ใหญ่พันธุ์เล็ก หนึ่งในนั้นคือ เจ้าบูธ หมาไทยหลังอาน สีแดงเข้ม ขนเรียบมัน เห็นอานเล็กเป็นแนวชัดเจน แต่หุ่นดันตัวหนาขาสั้น เจ้าบูธดุขึ้นชื่อ กัดไม่เลี้ยงทั้งคนทั้งหมา ที่บังเอิญเดินผ่านเขตแดน เวลากัดจะสะบัดหัวไปมา ถ้าได้งับแล้วขากรรไกรค้าง อย่าหวังว่าจะปล่อยง่ายๆ เจ้าบูธเป็นลูกของนังแดง สาวกสาวของเจ้าสุดหล่อ แม่นี่ !! ตั้งท้องหัวปีท้ายปี ไม่เคยมีเว้นวรรค ออกลูกที7-8ตัว ตัวผอมจนตากลวงโบ๋ แต่ลูกของมันเป็นที่ต้องการของตลาด ออกมากี่คอกกี่คอก คนจองเอาไปเลี้ยงเกลี้ยงคอก เพราะลูกๆของนังแดง สวยและดุไม่ผิดหวังสักตัว ตอนหลัง นังแดงเลยถูกสาวโรงงานใจบุญ เอาไปทำหมัน เพื่อชีวิตที่ดีของนังแดง อุปสรรคของการอยู่ที่ห้องแถวของหัวโต ไม่พ้นเรื่องทะเลาะกับหมาชาวบ้าน หัวโตกับเจ้าบูธ เปรียบเสมือนขมิ้นกับปูน เจ้าบูธจะดิ่งเข้ากัดหัวโตทันทีที่เห็น บางทีวิ่งมากัดถึงหน้าแฟลต นิสัยแบบนี้ จะไม่ให้เรียกว่า อันธพาล แล้วจะให้เรียกว่ากระไรกัน? เมื่อเผชิญหน้ากับเจ้าบูธ หัวโตหมาแก่หอบสังขารขึ้นเวทีด้วยใจรัก แต่สไตล์การต่อสู้ เป็นแนวมวยปล้ำ ที่ไร้พิษสง กรรมการแทงว่าเป็นมวยหมดรูป เอาลำตัวเข้ารับเขี้ยวคู่ต่อสู้ตลอดเวลา กัดไม่เข้า น้ำลายท่วมเวที ได้แต่ตระเบ็งเสียงหนวกหู หวังข่มขวัญ ที่มันก็ไม่ค่อยจะได้ผลสักเท่าไร กรรมการเลยจับแพ้อย่างเป็นเอกฉันท์.... ไม่ต้องนับ ไม่ต้องน๊อค ไม่มีการรวมคะแนน แต่ชื่นชมว่าชกได้อย่างสมศักดิ์ศรี ไม่ไล่ไม่เลิก นิสัยดันทุรังแบบนี้ ไม่รู้ว่าเอาชีวิตรอด มาถึงอายุปูนนี้ได้อย่างไร? ยังไม่หมดเรื่อง หัวโตนอนอยู่ในบ้านเขานาน จนพาลนึกว่าเป็นบ้านของตัวเอง เที่ยวแยกเขี้ยวยิงฟัน ข่มขู่แขกที่มาเยี่ยมเยียน เด็กๆที่มาเล่นในบ้าน และแล้ววันหนึ่งหัวโตก็งับมือพี่ชายเจ้าของบ้านเข้าให้ แต่ที่ให้อภัยไม่ได้จริงๆ คือดันไปมีเรื่องกับแม่ยายที่เคารพ..... มันก็เลยจบกัน ในที่สุดหัวโตต้องซมซาน กลับมาหาแม่กี๋อีกตามเคย แต่อย่าหวังว่าจะได้รับการอภัยโทษง่ายๆ สมควรต้องดัดนิสัยให้หลาบจำ ปราบนิสัยขู่เจ้าของ ต้องให้เลิกขู่อย่างถาวร และจำให้มั่นว่า รักแม่ ต้องไม่ดุกับแม่ แม่กี๋ตีหน้ายักษ์ ดุว่าสารพัด ห้ามเข้าเขตบ้าน ให้เรียนรู้ว่า หัวโตต้องเคารพและยำเกรงเจ้าของ หาไม่แล้ว!! อยู่ด้วยกันไม่ได้ ทำอยู่แบบนี้หลายครั้ง เพราะมั่นใจว่าความรักและผูกพันกันตั้งแต่เริ่มต้น ถ้าหัวโตรักและยอมรับแม่กี๋ให้เป็น นายเดียว อย่างจริงใจ นักเลงหัวโตต้องไม่คืนคำ หากเป็นได้เช่นนั้น หัวโตจะไม่มีทางหนีจากนายคนเดียวคนนี้ไปที่ไหนอีกเลย....
|