รักลูกให้ถูกทาง...ระเบียงความคิด พิชิตใจลูกรัก
โดย กี๋ ปากอ่าว - Monday, 20 February 2006, 09:04PM
 
การดูแลลูกสุนัขในวัยเด็ก ส่วนใหญ่แม่กี๋จะใส่ใจเรื่อง สุขภาพมาเป็นอันดับหนึ่ง เป็นการเตรียมความพร้อม บนพื้นฐานที่มั่นคง จนถึงวัยที่ต้องการการฝึกฝน อบรมบ่มนิสัยให้อยู่ร่วมในสังคมอย่างเป็นสุข...
ตอบ: รักลูกให้ถูกทาง...ระเบียงความคิด พิชิตใจลูกรัก
โดย กี๋ ปากอ่าว - Monday, 20 February 2006, 09:08PM
 

เต๋าเต้ย....บางแก้วพลัดถิ่นซุกซนไปตามวัย กระถางต้นไม้ที่เชิงบันได กลายเป็นกระสอบทราย เป้านิ่งที่เต๋าเต้ยใช้เป็นที่ระบายอารมณ์ยามเหงาและหงุดหงิด  ดินในกระถางถูกย้ายออกมาอยู่ข้างนอก ลำต้นและใบถูกซ้อมจนสะบักสะบอม  รวมถึงรองเท้าสิ่งของที่วางไว้ในรัศมีโซ่  ยิ่งเห็นตำตาว่าแม่กี๋ขับรถออกไปนอกบ้าน เต๋าเต้ยจะมองตาม ตาไม่กระพริบ ส่งเสียงร้องโยเยเหมือนเด็กน้อยที่ร้องไห้ตามแม่  แม่กี๋คิดว่าเต๋าเต้ยกำลังกลัวการถูกทอดทิ้ง การเดินทางมาไกลหลายร้อยลี้  มีเพียงแม่กี๋คนเดียว ที่เต๋าเต้ยหวังจะฝากผีฝากใคร่ให้ดูแลและปกป้องคุ้มภัย จู่ๆแม่กี๋ก็นั่งเจ้าตัวใหญ่สี่ขา หายลับไปกับตา นานแสนนานจนพาลโกรธสิ่งของและคนรอบข้าง  เพราะฉะนั้นพอกลับถึงบ้านจึงมีรายงานด่วน เรื่องความประพฤติของเต๋าเต้ย ในช่วงที่แม่กี๋ไม่อยู่บ้าน เริ่มด้วยการร้องเสียงดังรบกวนไม่ยอมหยุด วาดลวดลายล้มชามคว่ำขัน กัดแทะเสา บันไดปูน ราวบันไดสแตนเลส  ทิ้งรอยเขี้ยวขีดข่วน ทำลายทรัพย์สินของโรงงานเสียหาย แถมยังหัวแข็งไม่เชื่อฟังคำเตือนของผู้อาวุโสในบ้าน 

คุณป้าของแม่กี๋บรรยายคำร้องว่า “ป้าอุตส่าห์เตือนดีๆ   ก็แยกเขี้ยวปั้นหน้า   เต๋าเต้ยสู้ป้านะ พอเงื้อมือขู่จะตี ยิ่งตาขวางจนตาเข ทำเสียงขึ้นจมูกกระฟัดกระเฟียด แต่ป้าไม่ได้ถือสาหาความหรอก ป้าบอกว่าเดี๋ยวจะไปฟ้องแม่” จริงดั่งว่าแกไม่เคยเคืองเจ้าอ้วนตัวร้าย แกเลือกที่จะเป็นมิตรกับเต๋าเต้ยมากกว่าเป็นศัตรู เพราะกว่าแกจะผูกมิตรกับเต๋าเต้ยได้ไม่ใช่เรื่องหมูๆนี่นา!! คนในบ้านที่ได้ชื่อว่าเป็นเพื่อนกับเต๋าเต้ย  มันดูเท่มาก ที่สามารถชนะใจเป็นพันธมิตรกับนักเลงโต  ดังนั้นคนทั้งบ้านจึงยอมจำนนปล่อยให้เต๋าเต้ยอาละวาด ฟาดหัวฟาดหางจนเหนื่อยและสลบไปเอง  

นับแต่นั้นมาคนในบ้านต่างประจักษ์ว่า  เต๋าเต้ยเชื่อฟังแม่กี๋เพียงคนเดียวเท่านั้น เจ้าอ้วนตัวร้ายมอบตำแหน่งอันทรงเกียรติ์ ให้แม่กี๋เป็น “หนึ่งเดียวในดวงใจ” โดยสมบูรณ์   ดั่งสมญานามที่ว่า...บางแก้ว “สุนัขนายเดียว” ตำแหน่งที่เสมือนเครื่องพันธนาการระหว่างเราทั้งสอง เตือนใจให้ตระหนักว่า   แม่กี๋มีใครได้ตั้งหลายคนในชีวิต แต่เต๋าเต้ยมีเพียงแม่กี๋เพียงคนเดียวในโลกใบเล็กใบนี้

 ด้วยเหตุนี้เวลาแม่กี๋ไม่อยู่บ้าน พอเต๋าเต้ยเริ่มแผลงฤทธิ์ ทุกคนในบ้านจะงัดเอาจุดอ่อน มาใช้เป็นไม้ตาย ด้วยการขู่ว่า “แม่มาแล้ว แม่มาแล้ว” เท่านั้นเอง ได้ผลชะงัก เต๋าเต้ยหยุดการกระทำใดๆ หางตกหันมองไปรอบๆอย่างหวั่นใจ บางครั้งก็จริงบางครั้งก็หลอก ก็พี่ๆเค้าชอบหยอกหมาแสบ!! อันที่จริงแม่กี๋ไม่ค่อยเห็นด้วย เรื่องการขู่หรือการทำให้เด็กๆ ลูกเต้า เกิดความกลัวด้วยการใช้ ชื่อคน สัตว์หรือคำนามใดๆ  อย่างการขู่เด็กว่า.. ตุ๊กแกจะกินตับ ผีจะมาหลอก จะมีคนจับเอาขาย ถ้าดื้อลุงป้า น้าอา คนใดคนหนึ่งจะดุและตี  และยังพวกแมลงสาป จิ้งจก แมงมุมฯลฯ  เหล่านี้ฝังในใจให้เด็กเกลียดและกลัว ไปจนโตอย่างไม่มีเหตุผล  เหยื่อบางคนโดนเด็กๆกลัวโดยเจ้าตัวยังไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ แบบยกกองเลยก็มี.......กองยอดฮิต อย่างเช่น กองบัญชาการตำรวจแห่งชาติ ...เป็นต้น

แม่กี๋เคยสงสัยว่า ทำไมลุงยามที่ป้อมหน้าหมู่บ้าน หน้าตาแกก็ดูใจดี ไม่มีพิษภัย  แต่เวลาแกเดินเข้าไปในสนามเด็กเล่นของหมู่บ้าน เด็กๆพากันวิ่งหนี หลบสายตาแกวูบวาบ บางคนร้องไห้วิ่งหนีไปหาแม่ ให้รู้สึกคันปากยุบยิบ ต้องแกล้งเดินเลียบๆเคียงๆเข้าไปถามแม่ค้าขายลูกชิ้นปิ้งข้างสนามฯ ให้ช่วยเกาเสียหน่อย!! ได้ความว่า คุณ..แม่ๆที่พาลูกๆมาเล่นที่สนามฯ  พอเด็กซุกซนหรือแกล้งเพื่อน แย่งของกัน จนสุดปัญญาที่จะทานไหว คุณแม่จะชี้ไปที่ลุงยามพร้อมกับพูดสำทับว่า..จะให้ลุงยามจับตัว....ไปให้ตำรวจ แบบนี้เรียกว่าโดนสองเด้ง..เกลียดทั้งยาม กลัวทั้งตำรวจ ยกเว้นพ่อค้าขายไอศกรีมที่ขู่ให้กลัวอย่างไรก็ไร้ผล เพราะเด็กๆให้ความนิยม  เรตติ้งดีไม่มีตก  มานานทุกยุคทุกสมัย เด็กเห็นเมื่อไรกลายเป็นพระเอกเฉินหลง วิ่งสู้ฟัดรถไอศกรีมทุกครั้งไป แต่สำหรับเต๋าเต้ยในวัยเด็กเมื่อได้ยินคำพูดที่ว่า “แม่มาแล้ว”    เต๋าเต้ยจะหยุดการกระทำ     เพราะ“แม่” คือคนที่ต้องยำเกรง ก็เต๋าเต้ย เคยถูกแม่ดุเสียงดัง และ แม่ก็ตีเจ็บด้วย    หมาเด็กตัวนี้ยังไม่เข้าใจที่มาที่ไปว่า ทำไมต้องดุเสียงดัง? และทำไมต้องเจ็บตัว?

เต๋าเต้ยยังคงเล่นและดื้อดึงไปตามประสาหมาเด็ก แต่เรื่องตามประสาของลูกหมา  นอกจากทำให้ของเสียหายแล้ว ยัง เป็นที่มาของนิสัย  มารยาทและการเชื่อฟังคำสั่งในอนาคตข้างหน้า หากปล่อยปละละเลย ใจอ่อนอนุโลม ยกโทษให้เพราะความสงสาร โดยปลอบใจตัวเองว่า แล้วค่อยสอนกันวันหลัง ผลัดดวันประกันพรุ่ง  ลูกหมาจะเติบโตขึ้นมา แบบไร้ทิศทางเป็นหมาขาดวินัย ไม่รู้จักกฎระเบียบและ การอยู่ร่วมกันในสังคมคนและหมา  เป็นหมานิสัยเสียอย่างถาวร เข้าตำราลูกรักพ่อแม่ แต่เป็นลูกชังของผู้พบเห็น คำพังเพยที่ว่า ไม้อ่อนดัดง่าย ไม้แก่ดัดยาก หรือ กว่าจะเข้าโรงเรียนอนุบาล ก็สายเสียแล้ว เหมือนชื่อหนังสือพ๊อคเก็ตบุ๊คเล่มหนึ่ง ที่ เคยตีพิมพ์ให้สอนลูกน้อยตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดา  แง่คิดทั้งสองเรื่องนี้ สามารถนำมาใช้เตือนสติ  สำหรับการเลี้ยงลูกคนและเลี้ยงลูกสุนัข  เพราะการฝึกหรือสอนสั่งในวัยเด็กนั้น เด็กจะเริ่มคิดและจดจำได้ดี นอกจากนั้นยังเสริมสร้างความเข้าใจ ประสานรัก ถักใยสายสัมพันธ์ ระหว่างน้องหมากับเจ้าของให้ยืนยง แม่กี๋จึงเริ่มสอนเต๋าเต้ยตั้งแต่ยังไม่รู้เดียงสา แม้นจะไม่เข้าใจครบถ้วนกระบวนความ แต่มั่นใจว่าวันหนึ่งเจ้าตัวน้อยจะเข้าใจแม่  หากการสอนสั่งนั้นถ่ายทอดออกมาจากหัวใจ ที่ปรุงแต่งด้วยความรัก ความเอื้ออาทร และความอดทน ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค

แม้นว่าแม่กี๋จะไม่อยากเป็นคนที่น่ากลัวในความรู้สึกของลูก  แต่ก็ยึดถือคติที่ว่า รักวัวให้ผูกรักลูกให้สั่งสอน ควรต้องรู้จักกฎระเบียบตั้งแต่ยังเล็ก แม่กี๋เริ่มสอนให้เต๋าเต้ย เรียนรู้ว่าพฤติกรรมใดๆ ที่ทำให้แม่กี๋ดุเสียงดังและต้องถูกลงโทษ  เพราะฉะนั้นเวลาเห็นกำลังกัดสิ่งของ ขุดคุ้ย คว่ำชามข้าว เล่นขันน้ำ ร้องเสียงดังแบบเอาแต่ใจตัวเอง เช่น ร้องโหวกเหวกทั้งที่กินอิ่ม ขับถ่ายเรียบร้อย สดชื่นดีไม่มีเจ็บไข้ แม่กี๋จะดุเสียงดังและชี้หน้าเป็นเชิงตักเตือน  หรือถ้ามีหลักฐานการกัด จะเอาของที่กัดมาให้ดมใกล้ๆ และตีปากหรือตีขาหน้าที่ใช้กระทำความผิดทันที แต่ไม่ได้รุนแรงถึงขนาด เลาะฟันลูกออกมาทำลูกเต๋า หรือเอากระดูกขามาทำเป็นไม้ตีพริก น้ำหนักการตีแต่ละครั้ง ขอแค่น้อยนิดสะกิดใจให้รู้ว่านี่คือการถูกลงโทษ  แต่ธรรมชาติของลูกหมา ที่กำลังซนอยากรู้อยากเห็น พอเผลอก็ทำอีก ยิ่งเจ้าเล่ห์แบบบางแก้วด้วยแล้ว แอบทำลับหลังแล้วนั่งทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้   กรณีที่ไม่เห็นกับตา เวลาเก็บกวาดแม่กี๋จะตั้งคำถามว่า “ใครทำชี้หรือชูของที่ถูกกระทำ มองไปที่ผู้กระทำผิด เต๋าเต้ยแสดงความหวาดกลัว   ด้วยการหลบสายตา เดินถอยหนี หางซุกเข้าไปใต้ลำตัว และหูลู่ไปข้างหลัง 

การฝึกสอนด้วยการดุและใช้บทลงโทษอาจได้ผลดี เรื่องการหยุดพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม ทำให้กลัวไม่กล้าทำ แต่สิ่งที่ตามมาคือช่องว่างระหว่างแม่กี๋กับเต๋าเต้ย  ความกลัวที่ไม่ใช่ความสัมพันธ์ที่ถูกต้อง ในความหมายของความรักระหว่างสมาชิกในครอบครัว  มันเป็นความรักที่ติดลบ เกิดขึ้นได้ทุกเวลาถ้าการแสดงออกต่อกันหลงทิศผิดทาง  แม่กี๋เคยเห็นหมาที่เจ้าของเลี้ยงด้วยลำแข้ง คือถ้าขัดคำสั่งก็จะโดนหน้าแข้งที่ชายโครง เจ้าตูบกลัวจนลนลาน บรรยากาศในบ้านเหมือนอยู่ในแดนรบ  หวาดวิตกระมัดระวังตัวอยู่ตลอดเวลา แม่กี๋ยังแอบชื่นชมน้ำใจหมาที่รักษาความเป็นหมา เพราะมันยังคงจงรักภักดี ซื่อสัตย์และรักเจ้าของไม่เสื่อมคลาย แต่ไม่มีสักครั้งที่เจ้าหมาคู่ลำแข้ง จะวิ่งเล่นอย่างร่าเริงหรือวิ่งกระดิกหางเข้าหาเมื่อเจ้านายของมันกลับบ้าน กลับเป็นเรื่องของหน้าที่ๆจะรีบเดินเข้ากรงก่อนจะถูกลงโทษ อาจเป็นวิธีหนึ่งของการเลี้ยงดู ที่ใช้พระเดชมากกว่าพระคุณ และคนเท่านั้นที่มีสิทธิเลือก

 อำนาจ..การบงการชีวิตหมาที่ได้มาจากการทารุณกรรม เป็นบาปของคนและเป็นกรรมของหมา   ดุลยพินิจในการเลี้ยงดูของเจ้าของ ที่ส่วนใหญ่ผลการตัดสินใจขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง อย่างเช่น สายพันธุ์สุนัขและวัตถุประสงค์ในการเลี้ยง การเลี้ยงไว้ใช้งานอย่างเช่น  ล่าสัตว์ ลากล้อเลื่อน นำทางคนพิการ  บำบัดผู้ป่วยโรคร้าย  คืนชีวิตชีวาให้ผู้สูงอายุ และที่ฮิตติดชาร์ต คือการเลี้ยงไว้เป็นเพื่อน หรือ ดุจสมาชิกในครอบครัว แต่ละวัตถุประสงค์ในการเลี้ยง ภาพความสัมพันธ์ระหว่างคนกับหมา  ล้วนต่างกันทั้งการปฏิบัติต่อกันและความรู้สึกแนบแน่นทางใจ แม่กี๋เลี้ยงเต๋าเต้ยเสมือนสมาชิกในครอบครัว สรรพนามระหว่างเราที่ใช้สื่อเข้าใจกันคือ พ่อ แม่ และลูก ทำให้แม่กี๋ตั้งคำถามกับตัวเองว่า วิธีที่กำลังใช้ฝึกสอนเต๋าเต้ยนั้น มันถูกทางแล้วหรือ?

แม่กี๋อาจประสบผลสำเร็จในการออกคำสั่ง  หากแต่ล้มเหลวด้านความสัมพันธ์อย่างไม่เป็นท่า เต๋าเต้ยเริ่มลังเลที่จะเดินเข้าหา สายตาที่เต็มไปด้วยความหวาดระแวง เตรียมพร้อมเต็มที่ ที่จะสู้ และแสดงความก้าวร้าวทุกขณะ  ทำให้แม่กี๋ต้องถอยหลังกลับไปหนึ่งก้าว เพื่อปรับความสัมพันธ์กันใหม่ โดยพยายามให้ความใกล้ชิดกับเต๋าเต้ยมากขึ้น  การกอดรัดและอุ้มเดินเล่นภายในบ้าน เพื่อดึงเอาความไว้วางใจที่หายไปให้กลับคืนมา  การอาบน้ำและแปรงขนทำให้เราได้สัมผัสกันอย่างใกล้ชิด เช็ดหูเช็ดตา ทำตัวเหมือนแม่สุนัขที่เลียทำความสะอาดให้ลูกของมัน  ความสะอาดกาย สบายผิว สบายขน ทำให้เต๋าเต้ยรู้สึกผ่อนคลาย ชอบอยู่ใกล้ๆแม่กี๋  และต่างคุ้นเคยกลิ่นกายของกันและกันมากขึ้น   

การป้อนอาหารให้กินบนมือหรือหยิบอาหารในชามยื่นให้กิน เป็นการฝึกให้เต๋าเต้ยเรียนรู้ว่า มือของแม่กี๋เป็นมือที่จะนำของมาให้ ไม่ใช่จะมาแย่งอะไรจากลูก หากทำเสียงขู่ต้องรีบเตือน ก็มิตรแท้มันต้องแชร์กันได้ทุกเรื่อง  บางทีเห็นนั่งน้ำลายไหลอยากกินอาหารในมืออย่างเช่น ข้าวเหนียวหมูปิ้งร้อนๆ แม่กี๋จะเคี้ยวและคายอาหารจากปากให้กิน คล้ายพฤติกรรมของหมาป่าที่สำรอกอาหาร หรือ การเก็บอาหารไว้ในท้อง เพื่อขย้อนอาหารกลับออกมาให้ลูกสุนัข  แต่มักไม่ค่อยเห็นในสุนัขบ้าน  จึงกลายเป็นว่าแม่กี๋ได้สวมบทแม่หมาป่าบรรพบุรุษรุ่นเก๋าโดยไม่ได้เจตนา และผลที่ได้คือเต๋าเต้ยชอบที่จะรอกินเหยื่อที่แม่กี๋ล่ามาให้เป็นอาหาร  กินอย่างรวดเร็ว เจริญอาหารมากกว่ามื้อปกติ

เวลาแม่กี๋ออกนอกบ้าน จะลดความเครียดของลูก ด้วยการไปให้ลา มาให้บอก “แม่ไปข้างนอกนะเดี๋ยวแม่มา เต๋าเต้ยอยู่บ้านนะ” กลับถึงบ้านจะรีบเข้าไปลูบหัว และเล่นด้วยสักพักให้หายคิดถึง เป็นการรายงานตัวว่าแม่กลับบ้านแล้ว   แม่กี๋ปฏิบัติเช่นนี้มาตลอดจนถึงทุกวันนี้ เหตุผลเดียวคือ เห็นใจหมารอ. เอาใจหมามาใส่ใจเรา  เข้าใจความรู้สึกแย่ๆที่ต้องรอคอยใครสักคนให้กลับมาหา  แววเสียงเพลงลูกทุ่งของ นักร้องดังในอดีต  “ความทรมานคือการรอคอย แม้นจะเพียงนิดหน่อย การคอยก็ทรมาน คิดถึงทุกลมหายใจ เหตุไฉนถึงไม่มาหา....”  ความคิดถึงนั่นเองที่ทำให้เต๋าเต้ยหงุดหงิด สังเกตว่าถ้าออกนอกบ้านยิ่งนานเท่าใด เต๋าเต้ยก็จะสร้างวีรกรรม ทิ้งผลงานชิ้นเอกให้กุมขมับ ด้วยการประชดคำสั่ง ทำลายข้าวของ เล่นน้ำคว่ำถัง แถมกัดซ้ำจนแตกยับเยิน   จนปัจจุบันนี้ วันใดหากพ่อจ๋าแม่กี๋กลับบ้านผิดเวลา ทิ้งให้เต๋าเต้ยอยู่บ้านนานๆ และยิ่งไม่มีคนมาจูงไปเที่ยวนอกบ้านคลายเครียดในช่วงเย็น แม่กี๋จะเห็นเต๋าเต้ยคาบของมากัดแทะ ทิ้งไว้กลางลานบ้าน เช่น ผ้าเช็ดมือที่วางไว้บนโต๊ะในครัว  กระสอบที่ปูไว้ให้นอน รองเท้าแตะที่ไม่เคยแตะมานานยังไม่รอดพ้น น้ำกินในถังแห้งขอดและขุ่นติดก้นถัง สายยางที่ต่อกับก๊อกน้ำเป็นรอยเขี้ยวหลายรู  เป็นอันรู้กันว่าเพราะเต๋าเต้ยหงุดหงิด ที่ถูกทิ้งให้อยู่บ้านนานจนเบรคแตก

ความผูกพันที่แน่นเฟ้น มันกลับกลายเป็นปัญหา เมื่อแม่กี๋ต้องกลับบ้านมหาชัย ขณะที่เต๋าเต้ยต้องอยู่ที่เชียงใหม่ต่ออีกสักระยะเพื่อรอให้โตกว่านี้  จะได้ไม่เป็นภาระให้พ่อจ๋ามากนัก เวลาที่แม่กี๋อาจต้องมาอยู่เชียงใหม่กับลูกๆตัวจริงนานเป็นแรมเดือน  แม่กี๋จึงต้องสอนให้เต๋าเต้ยรู้จักการยอมรับให้คนอื่นดูแลบ้าง ตัวสำรองที่ได้รับการคัดเลือกคือ “พี่หล้า” พี่เลี้ยงของปลาทู เพราะพี่หล้าเป็นเด็กสาวชาวดอยที่รักหมาสุดชีวิต เธอเก็บหมาจรจัดท้องโตขาเป๋จากวัดแห่งหนึ่ง ในวันที่เธอไปทอดผ้าป่าต่างจังหวัดมาเลี้ยงดูแลอย่างดี จนออกลูกหลายตัว เธอแจกจ่ายให้เพื่อนๆคนงานที่ใจเดียวกัน  และเก็บเอาไว้เลี้ยงเอง แม่กี๋ไว้ใจเธอ คิดว่าเธอจะใช้ความพยายามผนวกกับใจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความเมตตา ดูแลหมาดื้อและดุอย่างเต๋าเต้ยได้ แม่กี๋เคยเห็นหมาตรอมใจ ไม่ยอมกินข้าว นอนรอเจ้าของวันแล้ววันเล่า จนเฉาตาย ดังนั้นแม่กี๋จำต้องวางแผนระยะยาว ให้เต๋าเต้ย สามารถอยู่กับคนอื่นให้ได้โดยที่ไม่มีแม่กี๋ ในเมื่อวิถีการเป็นอยู่ มันบังคับให้เป็นเช่นนี้ ที่ทำได้คือตั้งรับและปรับตัว หาทางออกที่ดีที่สุดสำหรับลูก พี่หล้าเริ่มเข้ามาทำทุกอย่างแทน ตั้งแต่ พาไปหาหมอ ให้อาหาร อาบน้ำแปรงขน ชวนเล่นโดยมีปลาทูเป็นตัวหลอกล่อ จนถึงวันที่แม่กี๋ต้องทิ้งเต๋าเต้ยไว้กับพี่หล้าและปลาทู  ความกล้าหาญและจิตใจที่เข้มแข็งของหมาพันธุ์บางแก้ว ช่วยปลอบใจแม่กี๋และสร้างความเชื่อมั่นว่า เต๋าเต้ยจะสามารถปรับตัว และอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้......จนถึงวันที่แม่กี๋กลับมารับตัวกลับบ้านมหาชัย


ตอบ: รักลูกให้ถูกทาง...ระเบียงความคิด พิชิตใจลูกรัก
โดย ออสติน ทับแก้ว - Monday, 20 February 2006, 09:19PM
 

อ่านแล้วรับรู้ได้ถึงความรู้สึกที่เรียกว่าความผูกพันเลยค่ะ

แพรเองก็เพิ่งรับสมาชิกใหม่ตัวน้อยเข้ามาอยู่ที่บ้านได้ไม่นาน แถมยังเป็นตัวแรกอีกต่างหาก ขนาดแค่ไม่นานยังรู้สึกผูกพันเลย

ไปไหนก็คิดถึงแล้วก็เป็นห่วงตลอด

^^*

ตอบ: รักลูกให้ถูกทาง...ระเบียงความคิด พิชิตใจลูกรัก
โดย กี๋ ปากอ่าว - Monday, 20 February 2006, 09:36PM
 
คุณแพรคะ...แม่กี๋คิดว่า คุณแพรก้าวผ่านประตูชัยของ...ความรู้สึกที่เรียกว่าความผูกพันแล้วนะคะ...ยินดีด้วยค่ะ
ตอบ: รักลูกให้ถูกทาง...ระเบียงความคิด พิชิตใจลูกรัก
โดย ยศชัย ชัยพรหมมา - Tuesday, 21 February 2006, 11:56AM
 

สวัสดีครับคุณกี๋

ได้อ่านกระทู้ใหม่ของคุณกี๋ อ่านแล้วรู้สึกดีครับ มองเห็ฯภาพตัวเองอยู่ในเรื่องราวของคุณกี๋ในบางครั้ง ชอบสไตล์การเล่าของคุณกี๋ครับ เท่าที่ติดตามมา ไม่ว่าจะเป็นการเล่าเรื่องราวหรือการตอบกระทู้ การเล่าเรื่องราวสนุกสอดแทรกสาระน่าสนใจ เล่นสำนวนให้น่าขบคิด ฯลฯ ทำให้น่าติดตาม การตอบกระทู้ สุภาพน่ารัก มีข้อความยียวนแต่ไม่เสียดสี อ่านไปขำไปไม่ซีเรียส สบายใจเมื่ออ่าน

ฟ้ามุ่ยตอนนี้หายดีแล้วครับวิ่งเล่นเป็นลิงเลย น้องฟ้ามุ่ยไม่เคยทำนาแต่มีป่ะป๋าเป็นชาวนาคนหนึ่งป่ะป๋าเคยทำนามาตั้งแต่เด็ก แต่ตอนนี้ไม่มีนาให้ทำแล้วป่ะป๋าเลยต้องมาจับปากกาเป็นมนุษย์เงินเดือนอยู่ในออฟฟิต อย่างนี้น้องฟ้ามุ่ยพอมีคุณสมบัติสาวชาวนาอยู่หรือป่าว เอ...อ่านแล้วทะแม่งๆ.. หนุ่มนาเกลือ สาวนาข้าว

ฟ้ามุ่ยวัย 3 เดือนกว่าๆ ไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องทำลายข้าวของซักเท่าไหร่ เข้ากับบรรดาเพื่อนบ้านได้ดี(ยกเว้นเด็ก แบบว่าเห็นต้องวิ่งตามไปเห่าแต่ไม่ทำอะไรวิ่งตามแบบระแวง)ดีจนทำให้ผมสงสัยว่าหมาตัวนี้ลืมเจ้าของแล้วหรือ ฟ้ามุ่ยจะมีปัญหาเรื่องความดื้อจากความซนจนบางทีผมฉุนมาก ลงโทษเป็นบางครั้ง โดยรวมๆแล้วก็ยังไม่ค่อยมีอะไรหนักหนาเท่าไหร่ แต่ผมกังวลเรื่องความดุครับตอนนี้ดูแล้วไม่มีแววความดุเลย แต่ไม่รู้ว่าอนาคตจะออกลวดลายตอนโตหรือเปล่า

ตอบ: รักลูกให้ถูกทาง...ระเบียงความคิด พิชิตใจลูกรัก
โดย จิตรใส สิระชัยนันท์ - Tuesday, 21 February 2006, 12:53PM
 

แม่กี๋ครับ.....แม่ผมอ่านแล้วยิ้มน้อยยิ้มใหญ่  คล้ายๆ กับว่าเคยผ่านเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน  แต่แม่บอกว่าผมเนี่ยวีรกรรมน้อยกว่าน้องเต๋าเตยเยอะเลย  ผมล่ะหน้าบานซะ.....ตังครับ

ตอบ: รักลูกให้ถูกทาง...ระเบียงความคิด พิชิตใจลูกรัก
โดย พายุ วงศ์วายุ - Tuesday, 21 February 2006, 01:27PM
 
เมื่อตอนที่พายุอายุเท่าๆกับน้องเต๋าเต้ยตอนที่น้องเต๋าเต้ยไปเป็นหนุ่มดอยเต่าน่ะ พายุก็มีวีรกรรมน้อยกว่าน้องเต๋าเต้ยครับ... ตอนนั้นน่ะ พายุ จ๋อง จา ตายยยย... อาโกวสั่งซ้ายหัน-ขวาหันได้ตามสบายเลยครับ... ผิดกับตอนนี้ ซึ่งพายุเป็นตัวกำหนดให้อาโกวคอยซ้ายหัน-ขวาหันตามการเคลื่อนไหวของพายุ... คือว่าอาโกวต้องคอยระแวดระวังไม่ให้พายุไปแง่งใครเข้าน่ะครับ

ตอบ: รักลูกให้ถูกทาง...ระเบียงความคิด พิชิตใจลูกรัก
โดย กี๋ ปากอ่าว - Tuesday, 21 February 2006, 03:03PM
 
สวัสดีค่ะ น้องฟ้ามุ่ย พี่ข้าวตัง พี่พายุและน้องน้ำมนต์... ที่เต๋าเต้ยมีวีรกรรมเยอะไปหน่อย เพราะหลงเงาเข้าใจว่าตัวเองเป็นหมาเจ๋ง ตั้งแต่เป็นเด็กชายจนกลายเป็นนายเต๋าเต้ย  ชีวิตวิ่งทางเรียบตรงยังกะบนมอเตอร์เวย์ เห่าคนๆก็กลัว เห่าหมาหมาก็หนี เกรงใจแม่กี๋อยู่นางเดียว ไม่เคยมีใครดุว่า ไม่เคยโดนคนหรือหมารังแก เลยวางตัวเป็นต่อมาตลอด ถ้ามีโอกาสว่าจะพาไปลงสนามที่กระทรวงสาธารณะสุข จะได้รู้เสียทีว่า ชีวิตนี้เหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือหมู่ยังมีจ่า เหนือหมาบางแก้วขาใหญ่ยังมีหมาบางแก้วขายักษ์..ฮิๆ
ตอบ: รักลูกให้ถูกทาง...ระเบียงความคิด พิชิตใจลูกรัก
โดย king f. - Tuesday, 21 February 2006, 03:51PM
 

สวัสดีค่ะแม่กี๋ แม่ฟูฟูอ่านเรื่องเต๋าเต้ยแล้ว ชอบใจมากเลย  เพราะเหมือนชีวิตฟูฟูมากเลย วีรกรรมพอฯกับเต๋าเต้ยเผลอฯเยอะกว่าเต๋าเต้ย เพราะฟูฟูไม่ได้นอนในกรง อิสระเต็มที่ ตื่นตอนเช้าขึ้นมาต้องเจอวีรกรรมของลูกสาว(ฟูฟู)และตอนไปเที่ยวข้างนอกพอกลับมาต้องเจอวีรกรรมอีก ถังขยะก็เปิดได้ ตู้รองเท้าก็เปิดได้ รถ 2 คันเป็นรอยข่วนหมด ขาโต๊ะเก้าอี้ไม่เว้น ต้นไม้ก็ไม่ได้ปลูกกัน ลืมอะไรก่อนจะขึ้นนอนตอนเช้ามาฟูฟูเก็บให้หมด แต่ฟูฟูกลัวพ่ออยู่คนเดียวและรักพ่อมากที่สุด แต่ทุกคนในบ้านก็รักฟูฟูโดยเฉพาะพ่อ แม้ไปต่างประเทศก็ยังต้องโทรมาคุยกับฟูฟูเลย ฟูฟูก็จะฟังแล้วเอียงหูซ้ายหูขวาและมองไปที่หน้าบ้านว่าพ่อมารึเปล่า หลังจากที่พ่อกลับมาจากทำงานฟูฟูจะต้องให้พ่อกอดและอุ้มกันจะไม่ยอมให้ลูก(คน)ได้กอดก่อน

แค่นี้ก่อนนะค่ะ ยังมีอีกเยอะเลย แล้วจะมาเล่าให้แม่กี๋ฟังอีก


ตอบ: รักลูกให้ถูกทาง...ระเบียงความคิด พิชิตใจลูกรัก
โดย กี๋ ปากอ่าว - Tuesday, 21 February 2006, 05:43PM
 

คุณแม่ฟูฟูคะ จริงๆด้วย!! หากลูกรักใคร เค้ามักจะกลัวคนๆนั้นมากที่สุด เค้าไม่อยากเห็นท่าทางที่เราโกรธ  หน้าบึ้ง ตาดุ เสียงเข้ม เหมือนคนที่ไม่รักหมา

ลูกอยากเห็นเรามีท่าทาง น้ำเสียงที่แสดงว่ารักเค้าอยู่เสมอ เค้าจึงจะไม่ขัดคำสั่งหรือแหกกฎ ที่เคยเรียนรู้ว่าจะทำให้เราโกรธ แบบนี้แหละที่เรียกว่าใจถึงใจ แค่มองตาก็เข้าใจ ไม่ต้องใช้บทลงโทษใดๆอีกแล้ว เพราะผม เพราะหนู คิดเป็น ทำเป็น แล้วครับ..ค่ะ


ตอบ: รักลูกให้ถูกทาง...ระเบียงความคิด พิชิตใจลูกรัก
โดย กี๋ ปากอ่าว - Wednesday, 22 February 2006, 10:16AM
 

การจากกันขณะที่เต๋าเต้ยยังอยู่ในวัยเด็ก มันออกจะโหดร้ายไปนิด ถ้าคิดไปเปรียบเทียบกับมนุษย์  เรื่องเศร้าที่ทารกน้อยต้องพรากจากอกแม่ แต่ที่จริงแล้ว เต๋าเต้ยถูกพรากจากแม่หมาตั้งแต่อายุได้ 45 วัน   นั่นต่างหากที่เป็นการพลัดพรากครั้งแรกอย่างแท้จริง แม่กี๋ยังจำเสียงหอนและครางเบาๆนั้นได้   ความสัมพันธ์ระยะสั้นๆเพียงสองเดือนระหว่าง แม่กี๋กับเต๋าเต้ย ยังเร็วเกินไปที่จะบอกว่า เต๋าเต้ย รู้สึกโหยหาอาวรณ์ กินไม่ได้นอนไม่หลับ 

แม่กี๋คิดว่าสำหรับลูกหมาตัวน้อย  ความรู้สึกเช่นนั้นต้องใช้เวลาอยู่ด้วยกันอีกนาน  เต๋าเต้ย ณ. เวลานั้นต้องการเพียงใครสักคนที่คอยดูแล ให้อาหาร และเป็นเพื่อนเล่น ในสมองน้อยๆมีแต่เรื่องกิน นอน เล่น   แต่หากแม่กี๋ทิ้งห่างไปนาน เต๋าเต้ยจึงอาจเปลี่ยนใจ ไปรับรักพี่หล้าได้ไม่ยากเลย แม่กี๋คงกลายเป็นเพียง..แค่คนรู้จักของเต๋าเต้ยเท่านั้น

ที่แท้ยังมีอีกเรื่องหนึ่ง ที่รอการเอาใจใส่ เพราะแม่กี๋กำลังลืมนึกถึงจิตใจของลูกอีกตัวหนึ่ง ที่กำลังรอแม่กี๋กลับบ้านอยู่ที่มหาชัย  หัวโต..เคยผจญกับความลำบาก ไร้เจ้าของคอยปกป้องมานาน เมื่อชีวิตกลับมามีเจ้านายคนใหม่อีกครั้ง หัวโตจึงหวังให้แม่กี๋เป็นที่พึ่งสุดท้าย ในวัยที่ใกล้จะอับแสง ช่วงเวลาประมาณแปดเดือนที่อยู่ด้วยกัน แม่กี๋รู้สึกได้ถึงความรักและหวงแหน อาลัยอาวรณ์ยามที่ต้องจากกัน  

เมื่อกลับถึงบ้านหัวโตจะส่งเสียงต้อนรับ วิ่งเข้ามาหา ใช้หน้าและลำตัวเบียดเข้าใกล้ เป็นการขอให้ลูบหัวทักทาย เมื่อพูดคุยด้วยจะตอบรับด้วยการยกขาหน้า ขวาที ซ้ายที ขึ้นมาวางไว้บนมือ  แลบลิ้นยิ้มแฉ่งอย่างดีใจ

เกือบร่วมสองเดือนที่มาอยู่เชียงใหม่  แม่กี๋โทรศัพท์คุยกับพ่อจ๋า ถามไถ่ความเป็นอยู่ของหัวโตอยู่เสมอ ได้รับคำตอบว่าสบายดี......พอกลับถึงบ้านมหาชัย แม่กี๋จึงรู้ว่าการจากไปนานครั้งนี้ มีผลทั้งร่างกายและจิตใจของหัวโตอย่างมาก

แต่ก่อนที่จะเข้าสู่เรื่องราว หลังกลับมาจากเชียงใหม่ แม่กี๋ขอเล่าย้อนกลับไปถึง วันแรกที่แม่กี๋ได้พบและรู้จักกับหัวโต เป็นเรื่องราวตอนที่หนึ่งและตอนที่สองของหัวโตหมาแก่ ส่วนตอนที่สามแม่กี๋ได้เผยแพร่ ให้อ่านกันแล้ว ที่กระทู้แรกของ รักลูกให้ถูกทาง.....เพราะมีตัวละครบางตัวที่แม่อาจต้องพาดพิงถึง....ขออภัยที่ต้องเล่าเรื่องราวกล่าวย้อน เลียนแบบหนังไตรภาคอย่างภาพยนตร์อมตะ  “Star War”


ตอบ: รักลูกให้ถูกทาง...ระเบียงความคิด พิชิตใจลูกรัก
โดย กี๋ ปากอ่าว - Wednesday, 22 February 2006, 10:21AM
 

ความเอ๋ยความผูกพันที่นับวันทวีคูณ...เริ่มต้นขึ้นเมื่อสามปีก่อน ตอนย้ายไปอยู่ที่มหาชัย อาทิตย์แรกที่เดินเข้าไปที่โรงรถ จะเห็นเงาตระคุ่มๆ วิ่งโย่งๆหายไปในความมืด พยายามเพ่งมองเพื่อ หาคำตอบว่ามันคือตัวอะไร?  หรือจะเป็นการทักทายผู้ย้ายมาอยู่ใหม่!! จินตนาการตามประสามนุษย์ขี้ระแวง แฝงกลัวผีนิดๆ หากที่เห็นเป็นอย่างที่คิด   ผีชนิดนี้น่าเกียจมากกว่าน่ากลัว  เนื้อตัวกระรุ่งกระริ่ง  แถมขี้ขลาดกลัวคน มีใจขนาดเท่าหัวมด เพราะแค่ได้ยินเสียงฝีเท้าคนเดินห่างๆ  ก็โกยแนบหายไปในทันที  

คิดอีกที อันที่จริงไม่น่าแปลกใจนัก หากจะมีผู้บุกรุกเจ้าถิ่นเข้ามาเยี่ยมเยือนบ้าง เพราะบริเวณบ้านพัก และแฟลตใกล้ๆ มีหมาแมวจรจัด ทั้งพันธุ์ไทยพันธุ์ทาง พากันมายึดใต้ถุนแฟลต ลานจอดรถ บ้านพักซึ่งไม่มีรั้วรอบขอบชิด เป็นที่พักอาศัย จากหลักฐานที่ปรากฏให้เห็น  ทุกเช้าบริเวณพื้นกระเบื้องหน้าบ้าน จะมีรอยเท้าเล็กๆเปื้อนโคลน วิ่งผ่านไปมาหน้าบ้าน ให้ต้องเช็ดถูตลอดทั้งวัน ชวนให้ขุ่นข้องใจยิ่งนัก ก็เช็ดยังไม่ทันแห้งสนิท เดินหันหลังเข้าบ้าน พอกลับออกมาอีกที มันมาอีกแล้ว? รอยเท้าเจ้าเก่า กลับมาประทับตราเช่นเดิม ทิ้งร่องรอยเป็นลักษณะ วิ่งทแยงมุมจากมุมหนึ่งไปยังอีกมุมหนึ่ง ทำมุมสี่สิบห้าองศา ไม่มีวอกแวกออกนอกเส้นทาง 

กรี๊ดสลบ จบกัน!!!.. หน้าบ้านฉันกลายเป็นบายพาส ทางลัดที่เจ้าถิ่นใช้วิ่งผ่าหมากเป็นประจำ  อย่างนี้ต้องเรียกร้อง สิทธิของความเป็นเจ้าบ้าน จะให้เจ้าถิ่นมาวิ่งทับเส้นทาง เป็นเรื่องที่ยอมความกันไม่ได้ ต้องแอบซุ่มจับผิด หาตัวการมารับผิดชอบ  เจ้าตัวไหนที่ไม่ยอมวิ่ง ไปตามถนนคอนกรีตนอกบ้าน แถมเอาบาทาจุ่มโคลน มาวิ่งเลอะเทอะ   โดยที่ไม่มีความเกรงอกเกรงใจ คนที่ทั้งกวาดทั้งถูพื้น ไว้สะอาดเอี่ยมทุกเช้าเย็น

หลังจากแอบมองหมาข้างบ้าน อาทิตย์ต่อมาก็จับได้ว่า เป็นเจ้าหมาตัวเตี้ย ไม่ปรากฏเผ่าพันธุ์  ชาวแฟลตเรียกเจ้าเตี้ยว่า “สุดหล่อ.” ไม่รู้จรจัดประเภทไหน ตัวอ้วนกลมเป็นท่อพีวีซี ขาเล็กและสั้น ความเตี้ยประมาณได้จากการวิ่ง จะได้ยินเสียงเล็บกระทบพื้นถี่ๆและ ดังรัวเร็วๆ รูปหล่อบาดใจด้วยขี้เรื้อนบนเรือนร่าง ทีมีทั้งชนิดเปียกชนิดแห้ง อยู่ทั่วตัวทุกตารางนิ้ว ตั้งตัวเป็นขาใหญ่คุมแก๊งค์เหล่าหมาไทยสาวๆหน้าแฟลต มีงานประจำคือวิ่งเชิดหน้า ขอเน้นว่า เริ่ด เชิด หยิ่ง ตามรับตามส่งตำรวจนายหนึ่ง ไปที่ทำงาน เช้า กลางวัน เย็น สามรอบต่อวัน เสมือนประกาศให้รู้ทั่วกันว่า นี่แหละ นายฉันนะพี่น้อง!!

ส่วนอีกตัวหนึ่ง ชาวแฟลตตั้งฉายาว่า “จอมโหด” ลักษณะเด่น  คือหัวกะโหลกใหญ่ ผอมเหลือแต่หนังหุ้มกระดูก เนื้อตัวปะๆผุๆ  โครงร่างสูงใหญ่แปลกตาไปจากหมาไทยตัวอื่นๆ ทั้งเนื้อทั้งตัวเป็นขี้เรื้อนหลากชนิด ไม่น้อยหน้าเจ้าสุดหล่อ เลี้ยงเห็บหมัดตามตัว ตาทั้งสองข้างมีน้ำตาไหลเป็นคราบดำ  ขนหยาบกระด้าง มีเหลืออยู่เพียงประปราย เดินเซๆปัดๆเป๋ๆ คล้ายคนหมดเรี่ยวแรง หน้าตามีแต่รอยเขี้ยว ทั้งรอยแผลเป็น แผลเก่าและแผลใหม่นับไม่ถ้วน   แสดงถึงการผ่านสนามประลองมาอย่างโชกโชน ตัวนี้นอกจากจะฝากรอยเท้าเลอะๆไว้หน้าบ้านแล้ว ยังอาจหาญมานอนอยู่ใตัท้องรถ เหยียบจมูกเจ้าของบ้าน ถือสิทธิครอบครองเป็นที่ซ่อนตัว แต่ที่น่าสังเกตมันไม่ได้อยู่ในแก๊งค์เจ้าสุดหล่อ  และยังเป็นศัตรูตัวฉกาจคู่กัดกันอีกด้วย

ดังนั้นจอมโหด จะถูกจ้องรุมทำร้าย ทุกครั้งที่เดินออกมาจากที่ซ่อนตัว เพื่อออกมากินอาหารของสาวโรงงานใจบุญ ที่หอบเศษอาหารจากโรงงาน สลับกับอาหารเม็ดราคาประหยัด ที่เธอเมตตาเจียดเงิน ซื้อมาเลี้ยงดูหมาจรจัดฝูงนี้ เป็นประจำทุกคืน มานานหลายปีแล้ว  เจ้าสุดหล่อและสาวกสาวจะพากันล้อมเห่า ตั้งด่านสกัด แบบสำนวนไทยที่ว่า “หมาหมู่” แต่ไม่มีสักตัวที่กล้าเข้าไปใกล้ประชิดตัว เพราะจอมโหดไม่ใช่หมู ที่จะให้เคี้ยวได้ง่ายๆ  มันตั้งท่าท้าสู้ไม่ถอย ฉายรัศมีนักเลงเก่าลายคราม น่าเกรงขาม แม้นสังขารที่ร่วงโรย จะลบเหลี่ยมนักเลงไปจนเกือบหมดสิ้นแล้วก็ตาม

เพื่อนบ้านที่เดินผ่านไปมา จะคอยเตือนไม่ให้เข้าใกล้ ดุจดั่งว่าจอมโหดเป็นตัวอันตราย  และแนะนำให้ไล่จอมโหดไปอยู่เสียที่อื่น เพราะเมื่อมันนอนตรงไหน เห็บหมัดจะไต่เข้าทางประตูบ้านเต็มไปหมด อีกทั้งกลิ่นเหม็นสาบ หน้าตาอัปลักษณ์ มีนิสัยหวาดระแวง ก้าวร้าวและดุ  ด้วยเหตุนี้ ทุกๆวันจะชินหูชินตากับเสียงชาวแฟลตตระโกนเสียงดัง ขับไล่ ด่าทอ พอสิ้นเสียงจะเห็นจอมโหด เดินหนีโซเซลงมาจากแฟลต ยืนเก้ๆกังๆ ที่ลานจอดรถหน้าแฟลตอย่างอ่อนแรง แล้วเดินเลี่ยงหลบเจ้าสุดหล่อและสาวกสาว ที่วางแนวหวงอาณาเขตของพวกมัน

แห่งเดียวที่ปลอดภัย ไม่มีเสียงขับไล่ คือที่ใต้ท้องรถ ภายในโรงรถของบ้านผู้ย้ายมาอยู่ใหม่ มันตัดสินใจยึดที่แห่งนี้ เป็นที่นอนประจำ ใช้เป็นที่หลบซ่อนตัวถาวร นอนนานตลอดทั้งวัน โดยที่มันไม่รู้เลยว่า มันกลายเป็นผีโทรมๆในสายตาของเจ้าของบ้าน ที่วิ่งเข้าออกหลอกหลอน..... ถึงคราวแล้วที่ต้องตัดสินใจว่าจะขับไล่ผีตัวนี้หรือยินดีต้อนรับดีหนอ..


ตอบ: รักลูกให้ถูกทาง...ระเบียงความคิด พิชิตใจลูกรัก
โดย ยศชัย ชัยพรหมมา - Wednesday, 22 February 2006, 10:21AM
 

อยากอ่านวิธีพิชิตใจพี่เต๋าเต้ย ของแม่กี๋จังเลย น้องฟ้ามุ่ยต้องรีบฝึกอ่านหนังสือเสียแล้ว


ตอบ: รักลูกให้ถูกทาง...ระเบียงความคิด พิชิตใจลูกรัก
โดย กี๋ ปากอ่าว - Wednesday, 22 February 2006, 10:39AM
 

น้องฟ้ามุ่ยขา...บัดดี้ของน้อง มีขนสีน้ำตาล ช่วงล่างสั้น โหลดเตี้ย ลักษณะเหมือน "เจ้าสุดหล่อ" คู่ปรับเก่าของปู่หัวโตเลยนะ แต่หูที่กางเหมือนเรด้าและหน้าตาเจ้าความคิด กวนอารมณ์ขัน ดูแล้วมาดฮากว่าเยอะค้า

ตอบ: รักลูกให้ถูกทาง...ระเบียงความคิด พิชิตใจลูกรัก
โดย ยศชัย ชัยพรหมมา - Wednesday, 22 February 2006, 12:01PM
 

วันนี้มีความยินดีนำเสนอ ไมโล ทายาทเจ้าสุดหล่อ(หรือเปล่า) คู่หู คู่ป่วน จอมโวยวายของน้องฟ้ามุ่ย เห่าได้หอนได้ทุกเหตุการณ์ เสียงเห่าแสนสะท้านลูกหนี้กระเจิงแต่พอเห็นต้นเสียงแล้วขำกลิ่งเมื่อกี้เสียงแกจริงๆหรือไมโล ระบบบรรจุของกระเพาะเป็นเลิศ ขนาดการบรรจุไม่สามารถระบุได้ บรรจุอาหารที่กินได้ ได้ทุกรูปแบบ ทุกยี่ห้อ ไม่เลือกเวลา ไม่เลือกสถานที่ ไม่จำกัดปริมาณ หน่วยก้านมาดดีจนเคยมีคนบอกว่า "เนี่ย ถ้าเป็นหมูคงขายได้ราคางาม" เคยบอกว่าจะพาไปอยู่ สันป่าตอง แถบนั้นเขานิยมบริโภคสุนัข ถึงกับตรอมใจไม่กินข้าวจนเหลือแต่หนังกับกระดูก เลยถูกฉีดยาเสีย 2 เข็ม ร้องโวยวาย เอ๋งๆไม่ยอมหยุด ในที่สุดก็กลับมากินข้าว หน้าตาเหมือนหมาแก่ขี้สงสัยแต่อายุแค่ 5 เดือน ขี้กลัวสุดๆ เคยถูกหมาเจ้าถิ่นไล่กวด วิ่งหนีแทบไม่ทันกลัวจนอุจจาระกระจายเห็นคาตา ฮาจนแทบจะกระจายตาม ยังทำหน้าตาบ้องแบ้ว นี่จะห่วงดีหรือเปล่า จึงขอฝากหมาหน้าตาดี หุ่นดี ขำดี มาให้ได้ขำกันพอดีๆ นะคร้าบบบบ....


ตอบ: รักลูกให้ถูกทาง...ระเบียงความคิด พิชิตใจลูกรัก
โดย กี๋ ปากอ่าว - Wednesday, 22 February 2006, 06:06PM
 
น้องไมโลครับ...มาอยู่กับพี่เต๋าเต้ยเถอะครับ พี่จะดูแลไม่ให้ใครมาทำให้น้องกลัวกระจายขนาดนั้นอีก มาอยู่กับพี่ แม่กี๋เค้าเลี้ยงข้าวฟรีไม่อั้น น้ำฟรียกลัง แถมมีที่พักโตยครับ อยู่ห้องเดียวกับพี่เต๋าเต้ยก็ได้ มันเป็นห้องคู่ครับน้อง..
ตอบ: รักลูกให้ถูกทาง...ระเบียงความคิด พิชิตใจลูกรัก
โดย กี๋ ปากอ่าว - Wednesday, 22 February 2006, 06:27PM
 

งั้นพี่เต๋าเต้ย..เตรียมเปิดที่พักรอเลยนะครับ แม่กี๋เค้าเพิ่งถอยออกมาใหม่ป้ายแดง เมื่ออาทิตย์ที่แล้วนี่เอง

พี่ก็เข้าๆออกๆ เวลา คนส่งของ ช่างซ่อม เพื่อนๆญาติๆของพ่อกับแม่มาที่บ้าน และ อื่นๆ เท่าที่จำเป็นเท่านั้นเอง ตกลงใจอย่างไร รีบส่งอีแมวตอบมานะครับ


ตอบ: รักลูกให้ถูกทาง...ระเบียงความคิด พิชิตใจลูกรัก
โดย กี๋ ปากอ่าว - Wednesday, 22 February 2006, 06:44PM
 

สืบเนื่องมาจากรูปนี้ครับพี่น้อง!!! แม่กี๋ไปดูคอนเสริต์..วงดนตรีเพื่อชีวิต ที่งานเทศกาลของดีอำเภอท่ายางเมื่อปีกลาย ไปรับมุขรถตำรวจที่เค้าจอดไว้....... บริการนักเลงในบริเวณงาน ปีนี้แม่กี๋เค้าว่าตำรวจจะเชิญตัวผม ให้ไปนั่งเป็นเพื่อนนักเลง รักษาความสงบ ภายในที่พักด้วยครับ... พี่ตัง พี่พายุ สนป่าว?


ตอบ: รักลูกให้ถูกทาง...ระเบียงความคิด พิชิตใจลูกรัก
โดย จิตรใส สิระชัยนันท์ - Thursday, 23 February 2006, 12:56PM
 

อยากไปเหมือนกันแหละน้องเต๋าเต้ย  แต่.....นักเลง     พี่ตังเกรงว่าถ้าพี่ไปเดี๋ยว

นักเลงวงแตก  กัดฟัน    พี่พายุล่ะครับมีความเห็นว่าไง หรือเราจะไปป่วนน้องเต๋าเต้ย

กะปู่หัวโตกันดี

ตอบ: รักลูกให้ถูกทาง...ระเบียงความคิด พิชิตใจลูกรัก
โดย พายุ วงศ์วายุ - Thursday, 23 February 2006, 02:25PM
 
พี่ข้าวตังครับ มันเก๊าะน่าสนใจยู๊... แต่อาโกวคงไม่ยอมให้พายุไปเหยียบถิ่นนักเลงหรอกครับ... อาโกวบอกว่าแค่พายุกร่างไปกร่างมาอยู่ที่บ้าน อาโกวก็อิ่มอกอิ่มใจพอแล้วครับ... แล้วอาโกวก็อนุญาตให้พายุเปิดบ้านต้อนรับเพื่อนๆ ได้ครับ... (แน่จริง มาเร้ยยยย... 555...)


ตอบ: รักลูกให้ถูกทาง...ระเบียงความคิด พิชิตใจลูกรัก
โดย กี๋ ปากอ่าว - Thursday, 23 February 2006, 02:35PM
 
....อยากรู้จัง ถ้าเหล่าสิงห์เหนือเสือใต้ กะ คุณชาย(ภาค)กลางและผู้บ่าวอีสาน มาเจ๊อะกัน อะไรจะเกิดขึ้น แม่กี๋ว่าฉี่ท่วมจอแน่เลย..ก็แย่งกันครอบครองอาณาเขตไงคะ
ตอบ: รักลูกให้ถูกทาง...ระเบียงความคิด พิชิตใจลูกรัก
โดย กี๋ ปากอ่าว - Thursday, 23 February 2006, 02:44PM
 

หัวโตหมาแก่  Episode Two.   

ตอน: มือปราบปีศาจเตี้ย                                    .      .

                                         "ป๊าๆเห็นหรือเปล่า หมาตัวไหนวิ่งผ่านหน้าบ้าน     พื้นเลอะไปหมดเลย เพิ่งเช็ดยังไม่แห้งเลยนะเนี่ย  "   เป็นเสียงการสนทนาดังมาจากในบ้าน ด้วนน้ำเสียงติดตลกมากกว่าจะเห็นเป็นเรื่องจริงจัง  “ ตอนแปดโมงเช้าไอ้ตัวเตี้ย เมื่อห้านาทีก่อน ไอ้ตัวหัวโต “

ไอ้เตี้ย..เป็นชื่อที่เราชอบเรียกมันมากกว่า ชื่อ "สุดหล่อ"   เพราะทำให้มองเห็นภาพเตี้ยๆ ของหมาตัวอ้วนสีน้ำตาล ขาสั้นวิ่งซอยเท้าถี่ๆได้ดี มันคงวิ่งไปส่งนายของมันไปทำงาน ตรงตามเวลาราชการ เสียงนาฬิกาบอกเวลาเคารพธงชาติ 

ไอ้ตัวหัวโตก็คือ จอมโหด ที่ถูกเรียกตามหัวกะโหลก ที่ดูโตกว่าลำตัวอย่างเห็นได้ชัด พอประทับรอยบาทาไว้  ก็หายหัวโตๆ  เดินดิ่งไปที่โรงรถตามเคย เดินไปดูทีไร เห็นมันกำลังมุดออกมาจากใต้ท้องรถ หันมามองหน้าส่งสายตาละห้อย ก่อนจะเดินออกจากบ้านไป 

วินาทีนั้นความคิดแรก ที่ผุดขึ้นมาก็คือ  "ไม่เลวชื่อ หัวโต เหมาะเสียจริง หมาอะไรตัวลีบผอม แต่หัวโตเบ้อเร่อ ต่อไปถ้ามีเศษอาหารที่เหลือ จะ เอาให้เจ้านี่กิน ดีกว่าเอาไปทิ้ง” มันเป็นความคิดแรก ของคนที่กำลังคิดอยากรับเลี้ยงหมาจรจัดข้างถนน นับตั้งแต่วันนั้น ข้างโรงรถจะปูกระดาษหนังสือพิมพ์ วางเศษอาหารไว้ให้ทุกเย็น

หัวโตกินหมดแทบไม่เหลือซาก และกลับเข้าไปนอนนิ่งอยู่ใต้ท้องรถ ไม่มุดออกมาหรือเดินหนีไปไหน ทำแบบนี้เป็นกิจวัตรทุกวัน

แล้ววันหนึ่งหัวโตก็มุดออกมายืนจังก้ามองหน้านิ่ง ไม่กระดิกหาง ทำหน้าซึมเศร้า ไร้อารมณ์เช่นเคย ลองเรียกชื่อ “หัวโต หัวโต หัวโต" เพื่อทำความรู้จัก หัวโตไม่มีทีท่าว่าจะสื่อสารใดๆ 

ยิ่งมองตาเศร้าๆคู่นั้น ก็ยิ่งนึกสงสารและรู้สึกถูกชะตาเจ้าหมาตัวนี้ จึงพยายามผูกมิตรด้วยการชวนคุยต่อ " หิวเหรอ "  ได้ผลมันสบตาคล้ายจะตั้งคำถาม ขยับหูเอียงคอ แต่พอเดินเข้าไปใกล้  หัวโตถอยหนีอย่างหวาดๆ ระวังภัย " อยู่ด้วยกันนะ แม่ไม่ทำร้ายหัวโตหรอก "  หัวโตยังคงเมินเฉย แต่ไม่แสดงอาการดุร้ายใดๆ นึกดีใจที่หัวโตเริ่มมีปฏิกิริยาตอบสนอง ความรู้สึกบอกตัวเองว่า หมาตัวนี้มีแววตาซื่อสัตย์ รู้คุณคนที่ให้อาหารและกำลังเปิดใจยอมรับมิตรผู้มาใหม่

สองวันต่อมาเวลาออกไปให้อาหาร หัวโตจะออกมายืนรอ  แกล้งเดินเฉียดเข้าไปใกล้ๆ ไม่มีอาการหวาดระแวง และไม่เดินหนี   แบบนี้ต้องตบรางวัลพิเศษ หยิบคุ๊กกี้มายื่นให้ แต่หัวโตไม่ยอมกินจากมือ ต้องวางบนพื้นหัวโตถึงจะค่อยๆกินช้าๆ ไม่น่าเชื่อว่าหมาที่บางวันอิ่ม บางวันอด ต้องแก่งแย่งอาหารเพื่อความอยู่รอด  จะยังเหลือมารยาทดีๆ ไม่ตะกละมูมมาม

อาหารหัวโตเปลี่ยนจากเศษอาหาร เป็นข้าวสวย คลุกหมู ไก่ ปลาแล้วแต่สะดวก  เมื่อได้กินอาหารและขนมเต็มอิ่มทุกวัน หน้าตาจึงดูสดชื่นและมีเรี่ยวแรง เดินกระปรี้กระเปร่า วิ่งเข้าออกบริเวณบ้านตัวปลิว กล้าออกมาปรากฏตัว นอนขวางหน้าประตูบ้าน ทำตัวเป็นสมาชิกในบ้านอย่างเต็มตัว อุปโลกน์ตัวเองเป็นยามเฝ้าประตูบ้าน  ตกกลางคืนขึ้นไปนอนบนโต๊ะหินหน้าบ้าน ชะเง้อดูคนและหมาแปลกหน้าที่ผ่านไปมา ไม่ให้เข้ามาในบริเวณบ้าน  คนที่มาหาต้องยืนเรียกห่างๆ ไม่กล้าเข้าใกล้บริเวณบ้าน เมื่อเห็นหัวโตยืนเห่ากรรโชก ท่าทางเอาเรื่อง

เวลานั่งเล่นที่โต๊ะหินหน้าบ้าน จะเข้ามาหมอบใกล้ๆ พอเรียกชื่อ จะรีบลุกขึ้นยืนมองหน้า..ส่งสายตา " เรียกผมทำไม? “เป็นเพื่อนเดินไปจ่ายตลาด และเอาขยะไปทิ้ง โดยเดินตามติดไม่ให้คลาดสายตา คอยระวังไม่ให้หมาตัวไหนเดินเกะกะเส้นทาง

รวมทั้งแก้งค์ไอ้เตี้ยที่ทำตัวเป็นนักเลงเจ้าถิ่น คอยเห่าเสียงดังเวลาเดินผ่าน หัวโตวิ่งนำหน้าพร้อมกับส่งเสียงขู่ไล่ดังลั่น ทำมุมร้อยแปดสิบองศา  จนทั้งหัวหน้าและสาวกสาว ต่างเลี่ยงหลบเข้ามุมกันเป็นแถว

ตั้งแต่หัวโตเข้ามาอยู่ร่วมชายคาบ้าน ผลพลอยได้อีกเรื่องหนึ่งก็คือ หน้าบ้านไม่มีรอยเท้าเล็กๆของไอ้เตี้ย มันไม่วิ่งตัดผ่านหน้าบ้านอีกเลย มีอยู่บ้างที่เผลอวิ่งเข้ามาครึ่งทาง เจอหัวโตยืนขวางอยู่หน้าบ้าน มันจะติดดิสเบรคเปลี่ยนทิศ วิ่งอ้อมออกไปทางถนนนอกบ้าน  เหลือแต่รอยเท้าบู้บี้ของหัวโต ที่ยังเดินขาหลังปัดไปปัดมา ตามบุคลิกประจำตัว

หนึ่งเดือนกับความสัมพันธ์ฉันท์มิตร แม้นจะยังไม่เคยสัมผัสเนื้อตัวเพราะรูปลักษณ์ที่ยับยู่ยี่ และหวั่นใจเรื่องที่หัวโตห่างจากการฉีดวัคซีนมานาน อาจนำโรคมาสู่คนได้...จึงเก็บเอาไปครุ่นคิดหาทาง สร้างความหวังใหม่ให้หัวโต

อันดับแรกต้องอาบน้ำ อันดับสองต้องฉีดยารักษาขี้เรื้อน กำจัดเห็บหมัด และอันดับสามฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า และนั่นคือการเริ่มต้นของตัดสินใจเลี้ยงหัวโตเป็นหมาตัวแรก หลังจากเลิกเลี้ยงหมามานานนับยี่สิบปี  เหตุผลที่นึกได้เวลานั้น คือความสงสารหมาไร้ญาติขาดมิตร ที่ต้องสู้ชีวิตอย่างโดดเดี่ยว ผนวกกับหัวโตสนองคุณด้วยการเป็นหมาแสนรู้  แสดงความรักและห่วงใย คอยระแวดระวังภัย ทั้งนอกบ้านและในบ้าน  แถมยังเป็น..มือปราบเจ้าปีศาจเตี้ยจอมรุกราน..แต่ลึกซึ้งไปกว่านั้น เพราะเราทั้งคู่ต่างเริ่มเกิดความรักและผูกพันกันโดยไม่รู้ตัว..

เรื่องราวสองตอน เป็นที่มาของหัวโตหมาแก่ตั้งแต่แรกเริ่ม  ต่อเนื่องถึงตอนที่สาม...ที่แม่กี๋ร่ายคาถา..แปลงร่างเจ้าอสูรกายเฒ่า  จนกลายเป็นสมาชิกบางแก้วตัวแรกของบ้าน


ตอบ: รักลูกให้ถูกทาง...ระเบียงความคิด พิชิตใจลูกรัก
โดย กี๋ ปากอ่าว - Thursday, 23 February 2006, 03:35PM
 

อีกสักหนกับ.......

หัวโตหมาแก่  Episode Three 

ตอน: ร่ายคาถา..แปลงร่างอสูรกายเฒ่า

   “ภาพเมื่อวันวานยังคงชัดเจน เหมือนเพิ่งผ่านมาได้ไม่นาน หัวใจพองโตเมื่อนึกถึงวันแห่งความสุข.”

..แต่หัวโตไม่ใช่หมาโชคดีที่จะมีมโนภาพดีๆอย่างนั้น ชีวิตโทรมๆที่ไร้ค่า  ชีวิตหนึ่งที่ถูกทอดทิ้งเร่ร่อน ไร้หัวนอนปลายเท้ามานานนับสิบปี  อดีตร้าวรานที่หมายังต้องเบือนหน้าหนี เมื่อคิดถึงความทุกข์ยาก อดยาก โรคร้ายรุมเร้า ถูกทารุณกรรมด้วยมือเท้ามนุษย์ การดิ้นรนต่อสู้กับศัตรูรอบข้างเพื่อมีชีวิตอยู่รอด สำหรับหัวโตแล้วชีวิตช่วงเวลานั้นมันนานชั่วกัลป์ มีลมหายใจอยู่เพื่อรอวันสิ้นสุดเท่านั้น                          .

........การเปลี่ยนแปลงชีวิตใหม่ได้เริ่มขึ้น แผนการแปลงร่างอสูรกายเฒ่า อย่างแรกจัดเตรียมอุปกรณ์สำคัญคือโซ่และที่รัดปาก ตามด้วยถุงมือยาง แชมพูอาบน้ำสุนัข เข็มฉีดยาสองเข็ม ที่บรรจุยารักษาขี้เรื้อนและวัคซีนจากคลินิกรักษาสัตว์ ที่ต้องทั้งล่ามโซ่และรัดปากเพื่อสกัดกั้นการขัดขืน การต่อสู้และการจู่โจมที่อาจเกิดขึ้นได้ทุกขณะเนื่องจาก เวลาที่เราทำความรู้จักคุ้นเคยกันมันแค่หนึ่งเดือน ไม่อาจสร้างความมั่นใจได้ว่า หัวโตจะเชื่อใจและยอมปฏิบัติตามแต่โดยดี โดยเฉพาะเรื่องเก่าๆที่ไม่ได้เล่ามานานหลายปี....เช่น การล่ามโซ่ การถูกรัดปาก การอาบน้ำและการถูกฉีดยา เรื่องแย่ๆที่หมาเมินทั้งนั้น

เริ่มต้นที่ใส่ถุงมือยางป้องกันขี้เรื้อน ล่ามโซ่กับรั้ว ซึ่งติดกับก๊อกน้ำใส่สายยางพร้อมหัวฉีดน้ำระยะไกล และร่ายคาถา " หัวโตแม่จะอาบน้ำให้ลูก แม่จะรัดปากลูก ไม่เจ็บหรอก ไม่เจ็บจริงๆ อย่ากัดแม่นะ นะ นะ..โม " ทำใจดูสู้หมาชูที่รัดปาก ค่อยๆใส่มันที่ปากและอ้อมไปใส่ล๊อคที่คอ หัวโตมองตามไม่แสดงอาการขัดขืน แต่พอหันหลังเดินมาหยิบสายยาง หัวโตใช้ขาหน้าตระกุยที่รัดปากและเอาออกจนได้ พอเอาออกได้ก็นั่งนิ่งมองหน้า มีคำถามมากมายในสายตาคู่นั้น ไม่รัดก็ไม่รัดแต่ต้องอาบน้ำถ้าจะอยู่ร่วมชายคาเดียวกัน จับหัวฉีดน้ำยิงระยะไกล น้ำเป็นฝอยกระจายไปที่ทั่วทั้งตัว...โอ้ง..โอ้ง..โอ้ง..โอ๊ง!!!!  เสียงหัวโตร้องเสียงหลง ดังโหยหวนไปทั่วบริเวณ  หันมองไปรอบๆตัว เห็นชาวแฟลตแต่ละชั้น ออกมายืนออกันที่ระเบียง เพื่อมองหาเจ้าของต้นเสียง

ตายแล้วแม่เจ้า..เรื่องฉาวเสียแล้ว อุตสาห์ซุ่มทำเงียบๆแล้วเชียว ปิดน้ำเดินเข้าไปหาหัวโต ไม่สนใจสายตานับสิบคู่ที่จ้องมองลงมาอย่างฉงนใจแกมสมเพช  " แม่อาบน้ำให้นะ ไม่ต้องร้อง " ร่ายคาถาสำทับอีกครั้ง หัวโตหยุดร้องนั่งนิ่ง ยอมให้ใส่แชมพู อาบน้ำและเช็ดตัวจนแห้ง ขนที่มีประปรายหยาบกระด้างฟูขึ้นเล็กน้อย   หัวโตสะบัดขนหลายครั้งอย่างแช่มชื่น ดวงตามีประกายแห่งความสุขกว่าทุกวัน ลำดับต่อไปเป็นเรื่องของการรักษา หยิบเข็มฉีดยาตรวจเช็คดูว่ายาพุ่งออกจากปลายเข็ม พร้อมทำท่าทางทะมัดทะแมงเลียนแบบคุณหมอ แต่แท้ที่จริงลังเลที่จะจิ้มเข็มเข้าไปในเนื้อสิ่งมีชีวิต เป็นความรู้สึกที่ยากจะบรรยาย  สัตว์แพทย์สอนให้ดึงหนังที่คอด้านหลังขึ้น และแทงเข็มค่อยๆปล่อยยา ส่วนวัคซีนต้องฉีดเข้าที่กล้ามเนื้อบริเวณขาหลัง หัวโตร้องเบาๆแต่ให้ความร่วมมือไม่ดิ้นแม้นแต่น้อย หัวโตมีหนังที่หนามากคล้ายหนังหมูป่า ต้องกดแรงๆกว่าจะผ่านเข้าหนังชั้นนอก  ต่อจากนั้นเรานั่งเล่นและคุยกันพักใหญ่ หัวโตได้รับคำชมไปหลายกระบุง หัวโตเข้ามาคลอเคลียใกล้ๆอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน                                 

สี่สัปดาห์หลังจากอาบน้ำและฉีดยารักษาขี้เรื้อน หัวโตเลื่อนชั้น เปลี่ยนจากข้าวสวย มาเป็นอาหารเม็ดคลุกปีกไก่ย่างของโปรด ร้านรถเข็นเจ้าประจำที่เคยไปนั่งขอกินฟรีเลี้ยงชีพมาหลายปี สลับกับไส้กรอกรมควัน  อุ่นร้อนๆหอมกรุ่นจากเตาไมโครเวฟ ช่วงบ่ายมีอาหารว่างเป็นไส้กรอกชุบแป้งทอด  หัวโตอร่อยกับการกินทุกอย่าง ชอบนอนให้แปรงขน ใส่อาหารขนจนนุ่มฟู  แม่ค้าที่ตลาดจำหัวโตไม่ได้ ต้องย้อนอดีตแต่หนหลัง หัวโตเป็นลูกค้าเจ้าประจำ ที่มานั่งน้ำลายยืดขอกินฟรีบ่อยๆ เวลาเดินซื้อของในตลาด จะนั่งรออยู่ห่างๆ หากช้าจะส่งเสียงเรียกร้องความสนใจ เพราะในตลาดมีแม่หมี หมาตัวเมียสีดำตัวล่ำบึกคุมพื้นที่ เป็นเกาเหลาไม่กินเส้นกันชอบออกมาขู่ไล่ เมื่อเป็นถิ่นเค้าเราต้องยอมความ หัวโตยอมล่าถอยกลับบ้าน

อาการหวงเจ้าของเห็นชัดขึ้นทุกวัน แขกมาบ้านหรือยืนคุยกับใคร หัวโตแสดงความไม่พอใจ ทั้งเห่าทั้งขู่จนแขกต่างยอมลากลับ ผลของการรักษายอดเยี่ยม อาการที่ผิวหนังดีขึ้นในเวลาอันรวดเร็ว นึกขอบคุณคุณหมอมาจนทุกวันนี้ เพราะขนที่ขึ้นใหม่สีขาวแซมลายน้ำตาลทองหนาสองชั้น  หางเป็นพวงสีขาวล้วน โน้มมาจรดหลัง ขาหน้ามีขนขึ้นเป็นแนว ขาหลังที่ก้นสองข้างมีขนสีขาวยาวฟู ที่คอมีขนเป็นแผงเหมือนสิงโต หูเล็กมีขนทั้งที่รูหูและหลังใบหู  ขาหน้าใหญ่แข็งแรง....... !! ...........

" ป๊า..สงสัยหัวโตเป็นหมาบางแก้ว "  ดูเหมือนจะเป็นการปลื้มแต่เพียงผู้เดียว เป็นสมมุติฐานที่เลื่อนลอย ต้องหาแหล่งข้อมูลเพื่อใช้อ้างอิง เดินร้านหนังสือหลายแห่ง เลือกหนังสือชื่อ  " บางแก้ว "  เริ่มศึกษาประวัติความเป็นมา ลักษณะเฉพาะตัวที่สังเกตได้ อีกอย่างหนึ่งคือ บางแก้วชอบเล่นน้ำ และเอาเท้าลงไปแหย่ในน้ำก่อนกิน หรือลงไปลุยตระกุยน้ำเล่น  แอบเข้าเหลี่ยมมุมสังเกตพฤติกรรมหัวโต ใช่แล้วหัวโตคือบางแก้ว...นอกจากจะชอบเล่นน้ำแล้ว ยังหวงของ หวงเจ้าของ หวงบ้าน ไม่ชอบคนแปลกหน้า ซุกซ่อนของกิน 

ท้ายที่สุด...คือการประเมินจากสายตาของคนอื่นที่เข้ามาทักทาย " พี่ๆ พี่เลี้ยงบางแก้วนี่ครับ บางแก้วแก่แล้วนะพี่ " ดูยังไงถึงรู้ว่าหมาแก่ ไม่ยากเลย...เปิดปากดูฟัน แถวบนและแถวล่างนั้น เหงือกจ๋าฟันลาก่อน ส่วนเขี้ยวบิ่นและหักชำรุด ตาด้านขวาขุ่นมัว ซึ่งพอพาไปตรวจที่คลินิก หมอยืนยันว่าตาข้างซ้ายบอดสนิท  ข้างขวาเห็นเลือนลาง   สภาพทั่วไปอายุไม่ต่ำกว่าสิบปี  

เมื่อตัดสินใจว่าจะร่วมหัวจมท้ายกัน ต้องมีการเช็คประวัติกันเสียหน่อย สวมบทแม่มดร่ายมนต์คาถา แปลงร่างเจ้าอสูรกายเฒ่า จนกลายเป็นบางแก้วขนาดจัมโบ้  ตอนนี้ชักอยากเป็นสายลับนักสืบ สาวไส้ที่ไปที่มาของหมาบางแก้วแก่ผู้อาภัพ......ที่ถูกเจ้านายคนแรกของมันทอดทิ้ง                                                     


ตอบ: รักลูกให้ถูกทาง...ระเบียงความคิด พิชิตใจลูกรัก
โดย กี๋ ปากอ่าว - Saturday, 25 February 2006, 10:16PM
 

  การเดินทางขึ้นเหนือล่องใต้ของแม่กี๋  ทำให้การรักษาหัวโตและการหาเบาะแส เกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของหัวโต ไม่ค่อยประติดประต่อ หยุดชะงักไปเป็นช่วงๆ  สองสัปดาห์  หนึ่งเดือน บางครั้งนานจนถึงสองเดือน

เรื่องภูมิหลังของหัวโต แม่กี๋ยังสามารถชะลอความอยากรู้อยากเห็น เก็บเอาไว้ซักถามกันวันหลัง  ค่อยหาโอกาส ย่องขึ้นไปเดินเล่นบนแฟลต สักสองสามรอบ ก็คงจะพอเก็บข้อมูลมาเล่าสู่กันอ่านได้ไม่ยาก

แต่เรื่องการรักษาโรคประจำตัวของหัวโต   ซึ่งแต่ละโรค  หมักหมมในตัวมานาน จะรักษาให้หายขาดนั้นยากกว่า ยิ่งหัวโตอายุมาก  การฟื้นตัวจึงเป็นไปอย่างช้าๆ  และมักกลับมาเป็นซ้ำซากหลายครั้ง

“โรคผิวหนัง ...จอมมารร้าย” การรักษาขี้เรื้อนของหัวโต ต้องเข้มข้น หมอจะฉีดยาติดต่อกันสี่อาทิตย์ และหนึ่งเข็มทุกๆหนึ่งเดือน หลังจากนั้น ผิวหนังหัวโตจะเริ่มดีขึ้น กลิ่นเหม็นพิลึก ที่มีประจำกายมานานหายไป และเตรียมรับขวัญชื่นชม ขนใหม่ที่จะงอกขึ้นมาแทนที่   

ของแถมอีกเรื่องก็คือรังแค เวลาแปรงขนจะเห็นเป็นขี้ไคล ขาวบ้าง น้ำตาลบ้าง หลุดออกมาจากผิวหนัง คล้ายการตกสะเก็ดของผิว จากแผลและผิวหนังที่แห้ง หมอแนะนำให้อัดฉีดด้วยอาหารเสริม ที่มีส่วนผสมของกรดโอเมก้า-6 โอเมก้า-3 ถ้าทำทุกอย่างตรงตามแผน รับรองหัวโตไม่เกิดปัญหาเรื่องผิวหนัง กลับมามีขนที่ ขาวฟู สวยงาม

ต่อจากนั้นก็แค่หมั่นตรวจตรา  สำรวจด้วยตา และจมูก คอยดูว่าหัวโตจะหมุนซ้ายหมุนขวา ออกอาการคัน คุยแคะแกะเกา  มีกลิ่นที่ผิดปกติอีกหรือไม่?   อย่างเช่น บริเวณหางของหัวโต เป็นจุดพึงระวัง ที่แม่กี๋ใช้ประเมินการกลับมาของขี้เรื้อน 

ตั้งแต่เริ่มรักษา หางเป็นจุดที่มีกลิ่นเหม็นมากที่สุด   ถ้าเปิดดูจะเห็นแผลเรื้อรังด้านใน   ดังนั้นหากวันใด เริ่มได้กลิ่นไม่ชอบมาพากล แสดงว่าขี้เรื้อนกำลังกลับมาคุกคามหัวโตอีกครั้ง  ถ้าไม่ได้รับยาควบคุมอาการ  มันก็จะลามไปบริเวณอื่น และต้องรักษาวนเวียนไม่มีวันจบสิ้น

  ที่เป็นเช่นนั้น เพราะเจ้าขี้เรื้อน  มันพร้อมที่จะกลับมา เคาะประตูบ้านได้ทุกเมื่อ  ยาที่ฉีดเข้าไปที่ผิวหนังทุกเดือน เป็นเสมือนหน่วยรักษาความปลอดภัย ที่ไปไล่ตีหัวพวกมันให้งงงวย  อ่อนแรงไปชั่วระยะหนึ่ง 

หมอเคยบรรยายถึงเจ้าตัวขี้เรื้อนว่า มันเป็นตัวที่หน้าตาเหมือนเอเลี่ยน มีหนวดสองเส้นดิ้นกระดุกกระดิก ไม่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่า ต้องส่องดูด้วยกล้องจุลทรรศน์ ซึ่งแม่กี๋ก็ไม่อยากเผชิญหน้ากับมันสักเท่าไร  มันยกพวกมาตั้งรกรากอยู่บริเวณผิวหนังสุนัข  และถ้ามันลงหลักปักฐานเป็นเวลานาน ก็เป็นการยากที่จะไปขับไล่รื้อถอน   ดังนั้นหากยาหมดฤทธิ์  มันก็จะมีโอกาสกลับมาฟื้นตัว และขยายเผ่าพันธุ์วางไข่  เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จำนวนมากมายมหาศาล

“โรคตา...  ดวงตาที่หมองหม่น ” อวัยวะที่หัวโตมีความบกพร่อง อันเนื่องมาจากอายุที่มากขึ้น โรคผิวหนัง พยาธิ และการขาดอาหาร อาการภายนอก ที่ทำให้หัวโตหมดหล่อ และเสียบุคลิกเป็นครั้งคราว ได้แก่ ตาทั้งสองข้างมีน้ำตาไหลเอ่อ ตาแดง มีขี้ตามากผิดปกติ ชอบใช้ขาหน้าเกาตา เดินชนเสา สะดุดของบนพื้น ขึ้น- ลง ขั้นบันไดไม่ถนัด ก้าวพลาด หาชามข้าวไม่พบ ต้องขยับชาม และยื่นเข้าไปใกล้ๆจมูก เหล่านี้แสดงถึงความผิดปกติในการมองเห็นของหัวโต

ยังมีสาเหตุอื่นๆ  ของโรคเกี่ยวกับตาของสุนัข  ที่พบได้เช่น เกิดจาก อุบัติเหตุ การรับรังสี ติดเชื้อตั้งแต่อยู่ในครรภ์ ภาวะความดันในลูกตาสูง  การขาดวิตามินเอ   หมาบางตัวเกิดการอักเสบที่ตา เนื่องจากบาดแผลที่หนังตา โดยเฉพาะหมาบางแก้วที่ดุและชอบกัดกันเป็นประจำ  

  เพื่อนบ้านของแม่กี๋ที่ท่ายาง เอาลูกหมาบางแก้วคอกเดียวกันมาเลี้ยงสองตัว  กัดกันได้ทุกวัน  จนกระทั้งวันหนึ่ง เจ้าของสังเกตเห็น ลูกหมา ตาแดงและหนังตาบวม จึงพาไปหาหมอ  หมอจับใส่ลำโพงป้องกันไม่ให้เกา ในเบื้องต้นรักษาด้วยการหยอดตาและให้กินยาแก้อักเสบ ทั้งกินทั้งหยอดเกือบสองเดือน  ยังไม่ยอมหายบวม หมอเลยลองดึงขนตาที่คาดว่า อาจจะเข้าไปเขี่ยนัยน์ตาออก แต่อาการก็ยังเป็นๆหายๆอย่างเดิม

สุดท้ายหมอฟันธงว่าที่ไม่หายเพราะ  ลูกหมาซุกซน เล่นน้ำ คลุกฝุ่น พอระคายเคืองก็เกาด้วยเท้าที่สกปรก หากปล่อยให้ติดเชื้อเรื้อรัง เชื้อจะเข้าสู่แก้วตา และอาจทำให้ตาบอดได้ จึงให้ไปนอนที่คลินิก รับตัวไว้เป็นหมาป่วยใน..  หมอจับโกนขนรอบๆตา และเย็บหนังตาปิดไว้หนึ่งอาทิตย์ เพื่อรักษาและป้องกัน “แก้วตา” คราวนี้หมอรักษาถูกทาง ลูกหมาหยุดเกา หยุดบวม จนครบกำหนดเปิดตา เจ้าหมาน้อยกลับมามีดวงตาที่ใสแจ๋ว มองโลกได้สดใสอีกครั้ง

 ครั้งแรกที่หัวโตไปตรวจตาที่คลินิก หมอพบว่า ตาข้างซ้ายบอดสนิท เพราะเสื่อมตามวัย  มีขี้เรื้อนรอบๆขอบตา หมอได้ขูดผิวบริเวณขอบตาเอาไปส่องกล้อง เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง   หมอจัดยาหยอดตา ยาถ่ายพยาธิมาให้ และบอกว่าอาจมีสาเหตุมาจากขี้เรื้อนที่ขอบตา อาการเพียงแค่ทุเลาลงบ้าง

แม่กี๋กลับไปปรึกษาหมออีกครั้ง บังเอิญวันที่ไปพบหมอ มีเจ้าของหมาพันธุ์เชาเชา  นำหมามาผ่าตา รักษาอาการหนังตาม้วนเข้ามากเกินไป สาเหตุจากเนื้อขอบหนังตามาก จึงดันขนตาม้วนเข้าใน ขนตาจะเขี่ยนัยน์ตา ทำให้เคืองตาและน้ำตาไหลง่าย  หมอต้องตัดเก็บเย็บหนังตาใหม่ให้เรียบร้อย เป็นการรักษาแบบเบ็ดเสร็จ  โรคตาชนิดนี้ พบได้ในหมาอีกหลายๆพันธุ์  เช่น ชิวาวา ดัชชุน ลาบราดอร์และโกลเด้นรีทรีฟเวอร์  ร็อตไวเลอร์   พุดเดิล   ปักกิ่ง  ฯลฯ

หัวโตถูกแนะนำให้กรีดตาเช่นกัน แต่แม่กี๋ไม่อยากเสี่ยงกับตาที่เหลือเพียงข้างเดียว จึงขอรักษาไปตามอาการ คือหมั่นเช็ดรักษาตาให้สะอาด  และหยอดตาเฉพาะเวลาที่มีน้ำตาไหลและขี้ตามาก  เพราะการใช้ยาหยอดตาระยะเวลานาน อาจมีผลข้างเคียง ทำให้เกิดความผิดปกติของตา การสร้างน้ำหล่อเลี้ยงตาลดลง สาเหตุของโรคตาแห้ง   ดังนั้นโรคตาจึงยังอยู่คู่หัวโตมาจนถึงทุกวันนี้ 

“รอบทวารเปื่อย...แดงแจ๋เหมือนก้นลิง” แม่กี๋ไม่รู้ว่าควรจัดมันเข้าไปอยู่ในหมวดโรคใดดี หมออธิบายว่า มันเป็นการอักเสบของต่อมรอบๆรูทวาร เริ่มจากเป็นแผลแดงๆ มีกลิ่นแรง ขนร่วงเป็นวงกว้าง หัวโตมีขนที่ก้นเยอะมาก ดังนั้นจึงมักมีนปัญหาเวลาขับถ่าย บางครั้งมีอุจจาระติด ต้องคอยฉีดน้ำล้าง จนในที่สุด แม่กี๋ต้องเป็นกรูมมิ่งเถื่อนจำเป็น จับกรรไกรตัดขนรอบๆรูทวาร ให้เตียนโล่งเพื่อง่ายต่อการดูแลความสะอาด

การรักษาต้องฉีดยาแก้อักเสบ เพื่อช่วยให้ต่อมน้ำเหลืองทำงานเป็นปกติเร็วขึ้น กินยาแก้อักเสบ ควบคู่ไปด้วย และใช้ยา “เนกาซันท์” พ่นโรยแผล ยาชนิดนี้อยู่ทนนาน ทำให้แผลแห้งเร็วและไม่มีกลิ่นเหม็น หายได้ภายในสามถึงสี่วัน

โรคเหล่านั้นกำเริบทุกครั้ง ที่แม่กี๋ไปอยู่เชียงใหม่นานๆ กลับบ้านมหาชัยทุกครั้ง จะต้องเปิดแนวรบ กับขนที่ร่วงขนาดหนัก  หลุดเป็นกำมือ บ้างก็ม้วนตัว เป็นก้อนโตอยู่บนพื้น ตามซอกมุม จนแทบจะเอาไป ยัดหมอนข้างแทนนุ่น  หางและก้นมีกลิ่นเหม็นมาก  ตาแฉะ น้ำตาไหลและมีขี้ตา  บางครั้งมีแผลที่หน้า ที่ลำตัว เพราะไปมีเรื่องกับเจ้าแซมกะเจ้าบอส คู่กัดตลอดกาล

พ่อจ๋าได้แต่ขอให้น้านักการประจำพื้นที่ ที่พอจะเข้ากับหัวโตได้ พาไปเย็บแผล ส่วนด้านอื่นๆแม่กี๋ต้องกลับมาจัดการเอง  เพราะไม่มีใครกล้ายุ่งกับหัวโตนัก ชื่อ จอมโหด  ที่ชาวแฟลตตั้งให้ เป็นเครื่องหมายรับประกันคุณภาพได้เป็นอย่างดี

คงพอจินตนาการงานสร้าง ภาพของสภาพร่างกายภายนอกของหัวโต เมื่อแม่กี๋กลับจากเชียงใหม่ นอกจากนั้น ยังมีเรื่องของสภาพจิตใจในช่วงที่ หัวโตขาดคนที่เคยดูแล ใครจะอธิบายให้หัวโตเข้าใจได้บ้าง ว่านายคนใหม่คนนั้นหายไปไหน?


ตอบ: รักลูกให้ถูกทาง...ระเบียงความคิด พิชิตใจลูกรัก
โดย จิตรใส สิระชัยนันท์ - Saturday, 25 February 2006, 11:34PM
 

ปู่หัวโตน่าสงสารจังเลยครับ  สารพัดโรคจริงๆ ส่วนหนึ่งคงมาจากที่ครั้งหนึ่งปู่ต้องเป็นสุนัขจรมาก่อน

ในร่างกายของปู่คงเต็มไปด้วยยาประเภทสเตรียรอยด์แน่ๆ เลย  เพราะผมก็มีน้องชายเป็นสุนัขจร

แม่ได้น้องชายผมมาจากเว็ปพันทิป   ตอนนั้นเม่าอายุประมาณ 3เดือน  น้องถูกรถชนสมอง

กระทบกระเทือน   ตอนที่รับมาใหม่ๆ น้องทานข้าว-น้ำเองไม่ได้  ต้องป้อน  แล้วน้องจะเอ๋อๆ

ชอบวิ่งวนๆ ตอนนี้เค้าอายุขวบกว่าๆ แล้ว  ทานข้าวเองได้แต่น้ำยังคงต้องป้อนกันอยู่

น้องมีปัญหาคล้ายๆ ปู่หัวโตเลยครับ  แนวทางการรักษาก็คล้ายๆ กัน  แต่ตอนนี้มีปัญหาที่

รอบๆ ตาเค้าจะขนร่วง  ขอบตาแดง และมีน้ำตาไหล  คุณหมอก็บอกว่าอาจจะเป็นขี้เรื้อน

แต่ก่อนหน้านี้ขูดผิวหนังไปตรวจก็ไม่มีเจ้าเอเลี่ยน  แต่คุณหมอบอกว่า  บางทีตรวจ

แล้วไม่มีตัวแต่ก็อาจจะเป็นได้  ก็โดนฉีดยาสเตียรอยด์ เพื่อลดคันเพราะเค้าเกาเสียจนตามผิวหนัง

เลือดซิปๆ เลย  ตอนนี้ก็ยังเกาอยู่แต่ลดน้อยลง  แม่บอกว่าไม่อยากให้น้องต้องทานยาเยอะๆ

เลยคิดว่ารักษาไปตามอาการน่าจะดีกว่า  แม่กี๋พอจะแนะนำวิธีดูแลรักษาให้แม่ผมจิดหนึ่งได้มั๊ยครับ

แม่กี๋ครับ    ตังขอแนะนำให้รู้จัก...ข้าวเม่า...คร๊าบ น้องมาอยู่กับครอบครัวผมได้ปีหนึ่งแล้วครับ

 


ตอบ: รักลูกให้ถูกทาง...ระเบียงความคิด พิชิตใจลูกรัก
โดย กี๋ ปากอ่าว - Sunday, 26 February 2006, 09:34AM
 

สวัสดีค่ะคุณแม่น้องโอ๊ต พี่ข้าวตังและน้องใหม่..ข้าวเม่า ได้อ่านเรื่องราวของน้องเม่าแล้ว ชื่นใจที่คุณแม่มีความกรุณา รับอุปถัมภ์น้องเม่า

หมาน้อยผู้บอบช้ำ อุบัติเหตุมีผลต่อประสาทการควบคุมอวัยวะอื่นๆ และโรคตาบางชนิดด้วยนะคะ
คำแนะนำเรื่องการดูแลตาตามอาการ แม่กี๋ถือคติ "ไม่คันไม่เกา" ดังนั้นจึงพยายามแก้ไข สาเหตุที่ทำให้หัวโตเกาตา ถ้าเห็นตาแดง ขอบตา

มีแผล รีบหาหมอกินยา ต้องช่วยทำให้หายอย่างเร็วไว ข้อบังคับคือต้องถ่ายยาเดือนละครั้ง เพื่อป้องปรามโรคผิวหนัง ที่มีสาเหตุจากพยาธิ

และขี้เรื้อน
หมาบางแก้วผู้รักความสะอาด ชอบใช้ขาหน้าเช็ดตาบ่อยๆ แม่กี๋ช่วยเช็ดน้ำตา และขี้ตาบ่อยๆ เพื่อลดความรำคาญจากขี้ตาที่แห้งกรัง หรือ

ตาฟางเพราะมีขี้ตาบดบังวิสัยทัศน์ เวลาใช้กระดาษทิชชูเช็ด กระดาษเป็นคราบดำปี๋ แสดงว่าอุ้งตีนมีแต่ฝุ่นดิน พอมีแผลถลอกจากการเกา ก็

เลยติดเชื้อ เรื้อรังกระจายไปรอบๆขอบตาได้ง่าย
แม่กี๋เห็นรูปหมาบางแก้วตัวหนึ่ง ที่กระทู้ รวมพล บางแก้ว แดนตะวัน รอบๆตาและจมูกเป็นแผลเรื้อรัง มันรบกวนคุณภาพชีวิตน้องหมานะคะ

ที่ต้องอยู่กับ แผลที่ แสบ ตึงและคันยุบยิบทั้งวันทั้งคืน
คุณแม่เล่าเรื่องน้องเม่าเข้ามาอีกนะคะ กับพี่ตังเข้าได้ดีหรือ? และอยากเห็นรูปในปัจจุบันของสองพี่น้องด้วยค่ะ


ตอบ: รักลูกให้ถูกทาง...ระเบียงความคิด พิชิตใจลูกรัก
โดย พายุ วงศ์วายุ - Monday, 27 February 2006, 09:37AM
 
พวกโกวๆของพายุและน้องน้ำมนต์ขอคารวะคุณแม่กี๋และคุณแม่โอ๊ตคนละ 1 จอกครับ... ชื่อน่ากินจังเลย "ข้าวเม่า"... หูของน้องข้าวเม่ากินขาดหูของน้องน้ำมนต์เลยครับ... ตอนนี้น้องน้ำมนต์กำลังมีปัญหาเรื่องหูครับ น้องน้ำมนต์คันหู น้องก็เลยเกาๆๆๆๆ จนเป็นแผลที่หูด้านในครับ... อาโกวต้องคอยทำความสะอาดใบหูด้านในและในรูหูให้... แต่น้องน้ำมนต์ไม่ค่อยจะยอมอยู่นิ่งๆให้อาโกวทำความสะอาดหรอกครับ น้องน้ำมนต์คอยลุกหนีไปซุกอยู่ตามซอก กะว่าอาโกวจะได้จู่โจมไม่ถึงน่ะครับ

น้องน้ำมนต์ยังคงเป็น "บังอรเอาแต่นอน" ไม่เปลี่ยนแปลงครับ... อาโกวจะพาไปหาคุณหมออยู่แหม็บๆนี่แล้ว มัวแต่นอนหลับไม่รู้นอนคู้ไม่เห็นอยู่นั่นแหละ...

ตอบ: รักลูกให้ถูกทาง...ระเบียงความคิด พิชิตใจลูกรัก
โดย กี๋ ปากอ่าว - Monday, 27 February 2006, 11:00AM
 

น้องน้ำมนต์มีหมอนข้างด้วย!!  เก๋ไก๋จริงๆ อาโกวช่างหาของเล่นให้น้องน้ำมนต์ ไม่ซ้ำแบบใครเน๊อะ ห่มผ้ากอดหมอน บังอรนอนรอสบายแต้ๆ

เรื่องคันหู เต๋าเต้ยเพิ่งถูกแม่กี๋จับเช็ดรูหู เพราะเธอเกาหูจน ขนข้างรูหูข้างหนึ่ง หายไปเป็นวงเล็กๆ เดินหูเอียงไม่เท่เลย หาเห็บตามใบหูก็ไม่พบ สังเกตว่าเอาเท้าควักเข้าไปในรูหู เปิดดูเห็นขี้หูดำๆ เหนียวหนึบ

แม่กี๋เลยซื้อโลชั่นเช็ดหูจากห้าง ยี่ห้อ SLEEKY ที่ปลอดแอลกอฮอล ใช้Cotton Budsจุ่มน้ำยา เช็ดขี้หูและชุบสำลีเช็ดใบหู แม่กี๋ไม่กล้าแหย่เข้าไปลึก แค่ซอกซอยตรงหูชั้นนอกเท่านั้น

เต๋าเต้ยหวงขี้ และขี้หวงสมบัติตามเคย พยายามหันมาดู หันมาดม ว่าแม่กี๋กำลังแอบขโมยอะไรออกไปจากหูของเต๋าเต้ย แม่กี๋เลยเอาให้ดมและบอกว่า นี่ไงขี้หูเต๋าเต้ยหยะแหย๋งเหม็นจัง!!! ตอนนี้เลิกเกาแล้วล่ะค่ะ

น้องน้ำมนต์หมอว่าเป็นอะไรคะ? แม่กี๋เคยอ่านเรื่องของสมาชิกท่านหนึ่ง ที่ลูกแกเป็นเชื้อราในหู เกาแบบเต๋าเต้ยและน้องน้ำมนต์นี่ล่ะค่ะ หยอดหู กินยาฆ่าเชื้อ ไม่นานก็หาย..หยุดเกาๆ...หยุดคันๆ..ค้า


ตอบ: รักลูกให้ถูกทาง...ระเบียงความคิด พิชิตใจลูกรัก
โดย ยศชัย ชัยพรหมมา - Monday, 27 February 2006, 11:45AM
 

สวัสดีค่ะ แม่กี๋ปู่หัวโตเป็นบางแก้วโชคดีที่น่าสงสารจังเลย มาเจอนายที่ดีแล้ว แต่ยังต้องต่อสู่กับสังขารที่ร่วงโรยอีก แต่ตอนนี้น้องฟ้ามุ่ยเริ่มโชคร้ายแล้วค่ะ ป่ะป๊าจะจับอาบน้ำแล้ว ม่ายยย...เอาๆ ม่ายยยย.....อาบ...


ตอบ: รักลูกให้ถูกทาง...ระเบียงความคิด พิชิตใจลูกรัก
โดย กี๋ ปากอ่าว - Monday, 27 February 2006, 12:08PM
 

น้องฟ้ามุ่ยเจ้า.....พอหายก็ซนหยดเลยนะเจ้าคะ ดูขาหน้าทั้งสองข้างจิ ไปลุยตี้หน่ายมา? ยังมาทำหน้าทะเล้นอีก น้องสาวพี่เต๋าเต้ยนางนี้ สงสัยโตขึ้น..เป็นสาวแก่นแก้วแหง๋ๆ


ตอบ: รักลูกให้ถูกทาง...ระเบียงความคิด พิชิตใจลูกรัก
โดย กี๋ ปากอ่าว - Monday, 27 February 2006, 06:37PM
 

คงเป็นเรื่องราวในอดีตที่ผ่านมา  ที่ทำให้หัวโต มีแต่คนที่เกลียดมากกว่าคนที่รัก แม่กี๋พอเดาได้จากสายตาและน้ำเสียงของคนแถวนั้น เมื่อรู้ว่าหัวโตได้เลื่อนขั้น ขึ้นเป็นหมามีปลอกคอ เทียบชั้นเท่ากับ หมาบ้านตัวอื่นๆ

บ่ายวันหนึ่ง แม่ค้าขายปาท่องโก๋ ที่พักอยู่ห้องแถว ปากซอย ตระโกนข้ามรั้วทักทาย เมื่อเห็นแม่กี๋กำลังอาบน้ำให้หัวโต  คล้ายจะยินดีที่หัวโตได้รับการเลี้ยงดูที่ดีขึ้น แต่มาถึงบางอ้อ  เมื่อแอบไปรู้ความลับว่า แม่ค้าคนนี้เป็นคู่กรณีเก่าแก่ แกเกลียดหัวโตเข้ากระดูกดำ รอยแผลเย็บจากเขี้ยวที่ขา เป็นพยานหลักฐาน ที่ฝังใจแกมานาน เรื่องนี้แม่กี๋จะขยายความภายหลัง เพื่อความเป็นธรรมของคนและหมา

นอกจากชาวบ้านชาวแฟลตแล้ว หัวโตยังมีคดีความกับหมาอีกหลายเขต เท่าที่ประมวลได้ ได้แก่ เจ้าแซมและเจ้าบอส  มาเฟียฝรั่ง บ้านตรงกันข้าม  ; เจ้าเตี้ยสุดหล่อ นักเลง คุมแฟลต ; แม่หมีอ้วนดำ เจ๊ใหญ่ ตลาดสด ; เจ้าบูธ หมาไทยหลังอาน อันธพาล ห้องแถวปากซอย; ไข่ตุ๋น ลาบราดอร์ หมาขี้อ้อน ชาวแฟลต ; จัมโบ้ โกลเด้น หมาขี้เล่นหลังบ้าน   แต่ละตัวที่หัวโตเลือกเป็นศัตรู ล้วนแล้วแต่ชั้นแนวหน้าระดับหัวกะทิ ไม่หมาเจ้าถิ่น ก็หมายอดดวงใจของเจ้าของ ทั้งนั้น

“เจ้าแซมและเจ้าบอส” สองพ่อลูก พันธุ์เยอรมันเชพเพอดชาวกรุง เจ้าของเล่าว่า เอามาเลี้ยงตั้งแต่ตัวเล็กๆ แกรักเหมือนลูก แต่ข้อจำกัดเรื่องการโยกย้าย ที่ทำงานและบ้านพัก เลยทำให้ไม่สามารถย้ายตามมาอยู่ด้วย   เจ้าสองตัวจึงต้องถูกเลี้ยงอยู่ที่บ้านในกรุงเทพ ซึ่งเป็นอาคารพาณิชย์ ไม่เจอะเจอหมาที่ไหนเป็นเวลานาน ระยะหลังๆเจ้าแซม กล้ามเนื้อขาหลังชักอ่อนแรง เพราะไม่ได้วิ่งออกกำลังกาย ความจำเป็นตามธรรมชาติของสุนัขพันธุ์นี้ แกจึงตัดสินใจเอามาเลี้ยงที่บ้านมหาชัย ที่พอจะมีบริเวณหน้าบ้านให้วิ่งเล่นกันบ้าง   

การมาของสองพ่อลูก ไม่พ้นสายตาที่แหลมคมของเจ้าสุดหล่อ  และโดยเฉพาะอย่างยิ่งหัวโต ที่นอนจดจ้องอยู่มุมหนึ่ง ในบ้านหลังตรงกันข้าม  สำหรับหมา การมาอยู่ใหม่ คือ การล่วงล้ำเข้ามาอยู่ในเขตแดน  จึงไม่แปลกเลยที่หมาจรจัดเหล่านั้น จะออกอาการหวงอาณาเขต โดยที่ไม่เกรงกลัวเจ้าหมาแปลกหน้า ที่มีขนาดใหญ่กว่าหลายเท่า

ในสายตาของหัวโต เจ้าสองตัว เป็นหมาแปลกหน้าและหน้าแปลก ซึ่งไม่รู้ว่าจะเป็นที่หน้าตา กลิ่นหรือดวงชะตาเป็นอริกัน หัวโตถึงได้เกลียดเจ้าหมาฝรั่ง นัยน์ตาสีพิลึกนั่นเสียจริงๆ   ประกาศตัวเป็นศัตรู ตั้งแต่แรกพบ พร้อมกับเปิดศึก วิ่งเข้าไปเห่ากรรโชก กวนอารมณ์ แบบเหยี่ยวถลาลม โฉบหนีและโฉบหนี  โดยมีเจ้าสุดหล่อผสมโรงด้วย ไม่ต้องถามว่าเจ้าสองตัวพ่อลูก จะโกรธสักเพียงไร  แต่ที่เห็นๆมันได้กากบาท หมายหัวหมาเจ้าถิ่นสองตัว ไว้ในสมองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

และวันที่รอคอยก็มาถึง เจ้าของปล่อย ให้ทั้งคู่ออกมาขับถ่ายนอกบ้าน โดยไม่มีโซ่ล่าม  เหล่าหมาจรจัดพากันเห่ากันเกรียวกราว ได้เรื่องอย่างที่คิด พอได้อิสระสองพ่อลูก กระจายกำลัง วิ่งเข้าไล่กัดหมาจรจัดทั้งฝูง โชคร้าย!! ที่มีเหยื่อตัวหนึ่งหนีไม่ทัน มันถูกกัดเข้าจมเขี้ยว ได้ข่าวว่าไม่รอด....ตายสนิท ตัวอื่นๆพากันวิ่งหนีกระเจิงไปคนละทิศละทาง ส่วนหัวโตหนีเอาตัวรอดเป็นยอดดี  วิ่งกระโจนเข้าในบ้านทันที

บทเรียนที่หมาเรียนรู้ได้โดยสัญชาตญาณ นับตั้งแต่เกิดเรื่อง ไม่มีตัวไหนกล้าเข้าไปตอแย ยกเว้นหัวโต  ที่ยังดื้อรั้นมั่นใจในตัวเอง ตามแบบฉบับหมาบางแก้ว ดังนั้นในช่วงที่แม่กี๋ไม่อยู่ หัวโตจึงถูกกัดนับครั้งไม่ถ้วน เย็บแล้วเย็บอีก ยังดีที่เพื่อนบ้านชอบพอกัน เขาเข้ามาช่วยแยก กันหมาของเขาออกไป มิเช่นนั้นมีหวังเหลือแต่ชื่อ ไม่ได้เอามาลือ ถึงอำเภอท่ายางเป็นแน่

แต่ก็ขยาดอยู่เหมือนกัน เพราะเห็นจำเสียงรถและเสียงเปิดปิดประตู ของบ้านตรงข้ามได้อย่างแม่นยำ พอได้ยินเสียงแว่วๆ ไม่ว่าจะกำลังหลับหรือตื่น   จะได้ยินเสียงหัวโตเห่าโวยวาย  คล้ายส่งเป็นสัญญาณเตือนภัยให้เหล่าหมาๆ ส่งเสียงขานรับกันไปเป็นทอดๆ

 แต่พอเห็นเจ้าสองตัวอยู่ในเขตรั้ว หัวโตก็วิ่งรี่ออกไปเห่าอยู่ริมรั้วเหมือนเดิม  แม่กี๋ต้องเอาไปล่ามโซ่ไว้ที่โรงรถ ที่เดิมที่เคยชอบนอน  เพราะการไปยั่วยุที่รั้ว หมาตัวไหนจะไม่โกรธและผูกใจเจ็บ เมื่อหลุดออกมานอกบ้าน มันถึงได้ตรงไปไล่ขย้ำเหยื่อไม่เลือกหน้า ไม่ใช่เฉพาะบริเวณแฟลต แต่ยังล่วงล้ำเขตแดนไปถึงตลาดสด ทั้งหมาทั้งคนต้องหลบเข้าซอกซอยกันให้วุ่น  

ต้องนับว่าเจ้าสองตัว เป็นหมาผู้ทรงอิทธิพล ที่ก่อให้เกิดความหวาดหวั่นในหมู่หมาจรจัด บริเวณหน้าบ้านเจ้าสองตัวกลายเป็น “มาเฟียโซน” ที่ไม่ว่าคนหรือหมา พากันเดินเลี่ยงไปไกล ใครจะไปรู้ได้ว่า วันใดวันหนึ่ง เจ้าสองตัวอาจจะกระโดดข้ามรั้วไม้ ที่สูงเพียงแค่หนึ่งเมตรเศษๆเท่านั้น

หัวโตนอนให้ล่ามโซ่ได้ไม่นาน ก็แผลงฤทธิ์ ร้องส่งเสียงดัง รบกวนเพื่อนบ้าน แถมประชดด้วยการตระกายตัวถังรถ  กัดกันโคลน กุดหลุดออกทั้งสองข้าง และที่ทำให้แม่กี๋โกรธก็คือ เวลาเรียกออกมากินข้าว ทำเป็นโมโหโกรธา พร้อมกับขู่ตั้งท่าจะกัด.. แม่กี๋เลยเล่นบทนางมารร้าย ปลดโซ่ ไล่หัวโตออกจากบ้าน “จะกัดแม่ใช่มั๊ย!! ออกไปอยู่ที่อื่นเลย อย่ามาให้เห็นหน้าอีกนะ” หัวโตหางตก วิ่งหายไปทางห้องแถว ปากซอย

แม่กี๋รู้ว่าหัวโตจะไปที่ไหน ที่หมายก็คือบ้านของเพื่อนร่วมงานพ่อจ๋า คนที่คุ้นเคยเข้านอกออกในบ้านได้ เขามักซื้อปีกไก่ย่างมาฝากเป็นประจำ จนหัวโตติดใจ วิ่งตามไปเฝ้าเขาที่ทำงานบ่อยๆ  เวลาแม่กี๋ไม่อยู่หัวโตจะไปสิงสถิตอยู่ที่ห้องแถว เพราะเขาให้อาหารและให้เข้าไปนอนในบ้าน เล่นกับลูกๆ  จนบางครั้งพ่อจ๋าต้องเดินไปตามกลับบ้านบ่อยๆ

ที่ห้องแถวปากซอย  เป็นย่านชุมชนคนรักหมา แต่ละห้องเลี้ยงหมาทั้งพันธุ์ใหญ่พันธุ์เล็ก  หนึ่งในนั้นคือ เจ้าบูธ หมาไทยหลังอาน สีแดงเข้ม ขนเรียบมัน เห็นอานเล็กเป็นแนวชัดเจน แต่หุ่นดันตัวหนาขาสั้น เจ้าบูธดุขึ้นชื่อ กัดไม่เลี้ยงทั้งคนทั้งหมา ที่บังเอิญเดินผ่านเขตแดน เวลากัดจะสะบัดหัวไปมา ถ้าได้งับแล้วขากรรไกรค้าง อย่าหวังว่าจะปล่อยง่ายๆ

 เจ้าบูธเป็นลูกของนังแดง สาวกสาวของเจ้าสุดหล่อ แม่นี่ !! ตั้งท้องหัวปีท้ายปี ไม่เคยมีเว้นวรรค ออกลูกที7-8ตัว ตัวผอมจนตากลวงโบ๋ แต่ลูกของมันเป็นที่ต้องการของตลาด ออกมากี่คอกกี่คอก คนจองเอาไปเลี้ยงเกลี้ยงคอก เพราะลูกๆของนังแดง สวยและดุไม่ผิดหวังสักตัว ตอนหลัง นังแดงเลยถูกสาวโรงงานใจบุญ เอาไปทำหมัน เพื่อชีวิตที่ดีของนังแดง

อุปสรรคของการอยู่ที่ห้องแถวของหัวโต  ไม่พ้นเรื่องทะเลาะกับหมาชาวบ้าน หัวโตกับเจ้าบูธ เปรียบเสมือนขมิ้นกับปูน เจ้าบูธจะดิ่งเข้ากัดหัวโตทันทีที่เห็น  บางทีวิ่งมากัดถึงหน้าแฟลต นิสัยแบบนี้ จะไม่ให้เรียกว่า อันธพาล  แล้วจะให้เรียกว่ากระไรกัน?

เมื่อเผชิญหน้ากับเจ้าบูธ หัวโตหมาแก่หอบสังขารขึ้นเวทีด้วยใจรัก แต่สไตล์การต่อสู้ เป็นแนวมวยปล้ำ ที่ไร้พิษสง กรรมการแทงว่าเป็นมวยหมดรูป  เอาลำตัวเข้ารับเขี้ยวคู่ต่อสู้ตลอดเวลา  กัดไม่เข้า น้ำลายท่วมเวที ได้แต่ตระเบ็งเสียงหนวกหู หวังข่มขวัญ  ที่มันก็ไม่ค่อยจะได้ผลสักเท่าไร กรรมการเลยจับแพ้อย่างเป็นเอกฉันท์....  ไม่ต้องนับ ไม่ต้องน๊อค ไม่มีการรวมคะแนน แต่ชื่นชมว่าชกได้อย่างสมศักดิ์ศรี  ไม่ไล่ไม่เลิก นิสัยดันทุรังแบบนี้ ไม่รู้ว่าเอาชีวิตรอด มาถึงอายุปูนนี้ได้อย่างไร?

ยังไม่หมดเรื่อง หัวโตนอนอยู่ในบ้านเขานาน จนพาลนึกว่าเป็นบ้านของตัวเอง เที่ยวแยกเขี้ยวยิงฟัน  ข่มขู่แขกที่มาเยี่ยมเยียน  เด็กๆที่มาเล่นในบ้าน  และแล้ววันหนึ่งหัวโตก็งับมือพี่ชายเจ้าของบ้านเข้าให้ แต่ที่ให้อภัยไม่ได้จริงๆ คือดันไปมีเรื่องกับแม่ยายที่เคารพ..... มันก็เลยจบกัน

ในที่สุดหัวโตต้องซมซาน กลับมาหาแม่กี๋อีกตามเคย  แต่อย่าหวังว่าจะได้รับการอภัยโทษง่ายๆ  สมควรต้องดัดนิสัยให้หลาบจำ ปราบนิสัยขู่เจ้าของ ต้องให้เลิกขู่อย่างถาวร  และจำให้มั่นว่า ”รักแม่ ต้องไม่ดุกับแม่”

แม่กี๋ตีหน้ายักษ์ ดุว่าสารพัด ห้ามเข้าเขตบ้าน ให้เรียนรู้ว่า หัวโตต้องเคารพและยำเกรงเจ้าของ  หาไม่แล้ว!! อยู่ด้วยกันไม่ได้ ทำอยู่แบบนี้หลายครั้ง  เพราะมั่นใจว่าความรักและผูกพันกันตั้งแต่เริ่มต้น ถ้าหัวโตรักและยอมรับแม่กี๋ให้เป็น “นายเดียว” อย่างจริงใจ นักเลงหัวโตต้องไม่คืนคำ หากเป็นได้เช่นนั้น หัวโตจะไม่มีทางหนีจากนายคนเดียวคนนี้ไปที่ไหนอีกเลย....


ตอบ: รักลูกให้ถูกทาง...ระเบียงความคิด พิชิตใจลูกรัก
โดย ยศชัย ชัยพรหมมา - Tuesday, 28 February 2006, 03:59PM
 

"แม่กี๋ตีหน้ายักษ์ ดุว่าสารพัด ห้ามเข้าเขตบ้าน ให้เรียนรู้ว่า หัวโตต้องเคารพและยำเกรงเจ้าของ หาไม่แล้ว!! อยู่ด้วยกันไม่ได้" 5555+ เป็นไงหล่ะเจ้าหัวโตจ๋อยไปเลย จะได้รู้บ้าง ว่าไข๋เป๋นไข๋! อย่างนี้ต้องเปลี่ยนชื่อเป็น "หัวหึ่งหึ่ง" = (หมา+หัวโต+เน่า) อย่างนี้ต้องเอาไปใช้กับฟ้ามุ่ยบ้างจะได้หาย zaaa.....

ตอบ: รักลูกให้ถูกทาง...ระเบียงความคิด พิชิตใจลูกรัก
โดย กี๋ ปากอ่าว - Tuesday, 28 February 2006, 07:15PM
 

หัวโตเป็นหัวหึ่งหึ่ง แม่กี๋เป็นแม่ติ๊ดฉึ่ง= แม่+เต้นไป+รำมา  หาหนทางปราบเจ้าหมาเด็กและเจ้าหมาแก่ บางแก้วจอมลวดลาย ให้หาย zaaa...

คุณพ่อน้องฟ้ามุ่ย..เตรียมซ้อมท่าเต้น ไว้หลายๆจังหวะหน่อยนะคะ กว่าจะโตโอ้โฮ..หลายเดือน โดยเฉพาะ..R0CK ...กะ...รำวง ก็บางครั้งน้องหมาบางแก้วก็แสบ..ซู่ซ่าแบบร๊อคสะเดิด แต่บางทีก็ รื่นเริงเถิดเทิง..แบบรำวงกลองยาว...จ้า


ตอบ: รักลูกให้ถูกทาง...ระเบียงความคิด พิชิตใจลูกรัก
โดย จิตรใส สิระชัยนันท์ - Tuesday, 28 February 2006, 06:18PM
 

เป็นไงล่ะ....นักเลงปู่หัวโต    เจอเจ้าแม่กี๋ (น้องๆ เจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้)เข้าให้   มึนมั๊ยล่ะ  กัดฟัน

ตอบ: รักลูกให้ถูกทาง...ระเบียงความคิด พิชิตใจลูกรัก
โดย กี๋ ปากอ่าว - Thursday, 2 March 2006, 08:48PM
 

แม่กี๋ไม่ได้โกรธเคืองหัวโต จนถึงขั้นจะตัดเป็นตัดตายกัน แต่เมื่อมันเกิดปัญหาของการอยู่ร่วมกัน ก็ต้องเร่งแก้ไขโดยด่วน วิธีหนึ่งในการหาแนวทางแก้ไข  คือการทำความเข้าใจ ค้นหา จุดเริ่มต้นของปัญหา เพื่อให้ทุกอย่างลงตัว ที่แม่กี๋และหัวโตสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุขทั้งสองชีวิต

ต้นเหตุแรก คือ “ผู้อุปการะ= ตัวของแม่กี๋เอง ”   ที่ขาดการเตรียมความพร้อม ที่จริงควรทำความเข้าใจธรรมชาติของหมาจรจัดให้ดีเสียก่อน ก่อนคิดรับอุปการะหัวโต การเลี้ยงหมาจรจัด ไม่ใช่คิดแต่เพียงอยากช่วยเหลือ แต่ต้องเผื่อใจว่าวันข้างหน้าจะต้องเจอกับเหตุการณ์ใดบ้าง?   เพราะหมาจรจัดแต่ละตัวมีประสบการณ์ชีวิตเร่ร่อนหรือการถูกทารุณแตกต่างกัน

“โซเล่” หมาไทยตัวอ้วนวัยสี่เดือน ถูกเพื่อนบ้านเอาน้ำร้อนสาดไล่ เพียงเพราะเขาไม่พอใจ ที่เจ้าตัวน้อย เข้าไปเดินเล่นใกล้ๆร้านค้า เป็นแผลน้ำร้อนลวกเกือบทั้งตัว เจ้าของปล่อยจนแผลติดเชื้อและเน่าเปื่อย ไม่รักษาตัดปัญหา ที่การเอาไปปล่อย ให้พ้นสายตา

จากก่อนนี้ ที่เคยมีเจ้าของคอยดูแล เคยวิ่งเล่นกับเด็กๆอย่างมีความสุข เพียงไม่กี่วัน ชีวิตต้องกลับกลายเป็น หมาข้างถนน หอบสังขารที่บาดเจ็บสาหัส ร่อนเร่หาอาหารและที่ซุกหัวนอน ถ้าโชเล่ยังมีชีวิตอยู่ จะมีพฤติกรรมอย่างไร?

“ไอ่อ้วน” หมาไทยพันธุ์ผสมวัยสามปี เจ้าของรักสุดใจ อยากกินอะไร เจ้าของสรรหามาให้ ฉลาด แสนรู้ สามารถนั่งไหว้ขออาหาร มีนิสัยประจบเก่งเป็นที่หนึ่ง ไม่ว่าเจ้าของจะไปไหน ไอ่อ้วนเดินตาม วิ่งตามรถ จนคนในตลาดใกล้ๆบ้านรู้จักกันทั่ว ส่งเสียงเรียกทักทาย เมื่อไอ่อ้วนเดินผ่านหน้าร้าน

มีอยู่ครั้งหนึ่ง เจ้าของมีเหตุต้องไปนอนที่โรงแรม ห่างจากบ้าน3-4 ก.ม. ไอ่อ้วนตามไปนอนเฝ้าที่ล็อบบี้ จนถึงเช้าเพื่อรอกลับบ้านพร้อมกัน

แต่แล้ววันหนึ่ง ก็เกิดเรื่องขึ้นจนได้ เช้าวันนั้น ไอ่อ้วนวิ่งตามเจ้าของไปตลาดเช่นเคย แต่ครั้งนี้ ไอ่อ้วนหายตัวไปและไม่กลับบ้านอีกเลย

ทิ้งให้เจ้าของทนทุกข์ตามหาอยู่หลายเดือน  สอบถามแม่ค้าในตลาด ไปทุกที่ที่เคยไป จนหมดหวัง ไม่มีใครเห็นแม้นแต่เงา  และไม่มีใครรู้ว่า ไอ่อ้วนหลงทางพลัดที่ มีคนจับตัวไปเลี้ยงหรือเอาไปกิน หรือ เกิดอุบัติเหตุระหว่างทางกลับบ้าน 

ชีวิตต่อแต่นี้ไป ไม่มีนายคนเดิม หรืออาจจะไม่มีนายอีกเลย อาจไม่โหดร้ายเหมือนโดนกระทำทารุณกรรมทางร่างกาย แต่การพรากจากเจ้าของที่รัก ความคิดถึง ความเหงา สภาพแวดล้อมใหม่ๆ จะทำให้เจ้าหมารักนายตัวนี้ มีพฤติกรรมอย่างไร?

การรับอุปการะหมาจรจัด จึงต้องพิจารณาหลายๆด้านประกอบการตัดสินใจ บางคนเลือกรับหมาที่ผ่านการปรับพฤติกรรมจากผู้เชี่ยวชาญแล้ว สามารถลดปัญหา เรื่องดูแลรักษาสุขภาพและพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์ที่ติดตัวมา

เมื่อรับมาแล้ว เกิดมีปัญหา อาจขอคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ อย่างเช่น โรงเรียนฝึกสุนัข หรือ สถานรับเลี้ยงสุนัขบางแห่ง ซึ่งมีผู้ดูแลพฤติกรรมสุนัข ที่สามารถให้คำแนะนำได้ ฉะนั้นการจะตกหลุมรักหมาจรจัด ต้องพร้อมที่จะยอมรับความบกพร่อง..ได้ทั้งทางร่างกายและจิตใจ...

ต้นเหตุที่สอง คือ “ผู้ได้รับการอุปการะ= หัวโต”   ที่มีความเคยชินกับสภาพการดำรงชีวิตในอดีต การต่อสู้เพื่อการอยู่รอด ทำให้หัวโตมีพฤติกรรมที่ส่อไปในทางก้าวร้าว ไม่กลัวใคร เพราะที่ผ่านมาหัวโตได้ใช้ชีวิตแบบหมาไร้นาย ไม่ต้องเชื่อฟังคำสั่งของใคร อยู่นอกกฎระเบียบ การถูกลงโทษโดยคนแปลกหน้า ไม่ได้มีความหมายใดๆ นอกจากการถูกทำร้าย เป็นปมด้านมืดในจิตใจ ที่ส่งผลพอกพูน สู่ความไม่ไว้วางใจในคนและหมารอบข้าง

 ดังนั้นเมื่อแม่กี๋รับหัวโต..หมาจรจัดมาอุปการะ  จึงควรเตรียมพร้อมรับมือกับปัญหา ทุกเรื่องราวที่ติดตัวหัวโตมา ไม่ใช่คิดแต่เพียงการฟื้นฟูสุขภาพทางกาย แต่ต้องสังเกตและทำความเข้าใจบุคลิกภาพที่แท้จริง ที่อาจเป็นได้ทั้งนิสัยของหัวโตเอง หรือ ผลพวงจากการถูกทอดทิ้งและการถูกทารุณกรรม มาเป็นเวลานาน

ช่วงแรกที่รับเลี้ยงหัวโต จนเข้ามาเป็นสมาชิกในบ้าน ขอเรียกช่วงนี้ว่า ช่วงเวลาการปรับตัว แม่กี๋และหัวโต ควรต้องก้าวเดินไปพร้อมๆกัน

โดยเฉพาะ การจัดลำดับหัวหน้าฝูงในบ้าน  ที่แม่กี๋กลับไม่เคยคิดจะทำตั้งแต่แรก ด้วยความสงสาร และไม่แน่ใจว่าหัวโตจะเชื่อฟังคำสั่งหรืออาจจะดุร้าย เนื่องจากไม่ได้เลี้ยงกันมาตั้งแต่เล็กๆ

หัวโตมีนิสัยรักสันโดษ ชอบอยู่ตัวเดียว ไม่ชอบสุงสิงกับคนหรือหมาใดๆ ไม่ผูกมิตร ไม่ต้อนรับแขกคนไหนๆทั้งนั้น แม่กี๋เองยังไม่เคยเห็นหัวโตกระดิกหางหรือ แสดงอาการดีใจเป็นล้นพ้น  อย่างมากก็แค่เดินเข้ามาหา คลอเคลียให้จับตัวลูบหัว เรื่องแค่นี้หัวโตยังเลือกปฏิบัติเฉพาะแต่แม่กี๋เท่านั้น เป็นนิสัยที่ทำให้หัวโตต้องมีชีวิตที่โดดเดี่ยวและ เงียบเหงา

ด้วยความสงสาร แม่กี๋จึงไม่ได้กำหนดกฎระเบียบ ไม่ขัดใจ ให้อภัย ไม่เคยดุหรือลงโทษ จนกลายเป็นโอ๋ และ ขยาดกลัวนิดๆ หัวโตจึงแสดงพฤติกรรมที่ก้าวร้าวออกมา  นั่นแสดงให้เห็นว่าหัวโตยังไม่ได้มอบตำแหน่ง “นาย” หรือ “หัวหน้า” ให้แก่คนในบ้านเดียวกันคนนี้ อย่างจริงใจ!!

และนี่คือเหตุผลที่ แม่กี๋ต้องรับบทโหด แสดงความเด็ดเดี่ยวและความดุที่เหนือกว่า เพื่อสร้างภาพหัวหน้าฝูง ให้หัวโตเรียนรู้ว่า หัวหน้าฝูงคนนี้จะคอยดูแล คอยหาอาหาร รักษาโรค คุ้มครอง ป้องกันภัย ให้ที่พักพิง และบางครั้งอาจไม่ต้องทำตามคำเรียกร้อง หรือถ้าจำเป็นก็ต้องเด็ดขาดเข้มงวดหรือดุดันกันบ้าง  ตลอดจนมีสิทธิในการตัดสินใจว่าจะให้หัวโตทำอะไรและไม่ให้ทำอะไรในบ้าน ต่อสิ่งของและบุคคล

การปรับตัวของหัวโต ต้องใช้เวลาหลายอาทิตย์  ยังมีเผลอตัวขู่บ้าง ซึ่งก็ต้องตักเตือนกันทุกครั้ง มีการเรียกร้องแบบเอาแต่ใจ เช่น ล่ามโซ่หรือขังในห้องหลังบ้าน เพื่อกันไม่ให้ออกไปหาเรื่องเจ็บตัวจากเจ้าแซม หัวโตต่อต้านด้วยการกรีดเสียงร้องไม่หยุด

แต่แม่กี๋ไม่เคยยอมตามใจปล่อยในทันที จะใช้วิธีการเดินไปเตือนและจ้องหน้า หัวโตทำท่าเข้าใจ และหยุดร้องไปพักหนึ่ง เพียงชั่วอึดใจก็บรรเลงเพลงต่อ  ดังนั้นจนแล้วจนรอด หัวโตก็ยังเป็นหมาผู้หวงความเป็นอิสระเสรีเหนืออื่นใด ไม่เคยยอมให้ล่ามโซ่หรือกักขังนานๆ และแม่กี๋ก็ยังเป็นหัวหน้าฝูงที่ไม่ยอมอ่อนข้อ ยอมรับข้อเรียกร้องโดยง่าย

ปัญหาเรื่องการปรับตัวระหว่างแม่ลูก ควรต้องมีเวลาอยู่ด้วยกันให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ค่อยๆปรับพฤติกรรมทีละเล็กทีละน้อย ค่อยเป็นค่อยไป และต้องไม่ลืมว่า “ไม้แก่ดัดยาก”   

แต่มันกลับกลายเป็นปัญหา ที่ต้องรอการแก้ไข เพราะหลังจากที่หัวโตซมซาน กลับมาหาแม่กี๋ครั้งนั้น ได้ไม่นาน ก็มีสมาชิกใหม่เต๋าเต้ย เข้ามาเป็นตัวแปรเพิ่มขึ้น มิหน่ำซ้ำยังต้องยืดเวลาออกไป เมื่อแม่กี๋ต้องเดินทางไปเชียงใหม่กับเต๋าเต้ย อยู่ที่นั้นนานกว่าสองเดือน

เพื่อนบ้านรั้วติดกัน แอบสังเกตหัวโต เมื่อแม่กี๋ไปเชียงใหม่ วันแรกๆหัวโตจะวิ่งเข้าวิ่งออก ระหว่างห้องหลังบ้านกับประตูหน้าบ้าน และร้องคราง ไม่ยอมออกไปไหน นอนเฝ้าอยู่ในห้องทั้งวัน พอพ่อจ๋ากลับบ้าน หัวโตจะออกไปต้อนรับหน้าบ้านทุกเย็น และกลับเข้าไปนอนเงียบๆที่เดิม

วันที่แม่กี๋กลับมาถึงบ้านมหาชัย  หัวโตไม่ได้อยู่ที่บ้านอีกแล้ว พ่อจ๋าบอกว่าเวลาแม่กี๋ไม่อยู่ หัวโตจะหนีไปนอนที่ห้องแถวเหมือนเดิม แม้นจะไม่ได้เข้าไปอยู่ในบ้านเขา แต่หัวโตก็เลือกที่จะนอนหน้าประตูบ้าน วิ่งตามไปส่งเขาที่ทำงาน นอนเฝ้าเขาทั้งวัน

พ่อจ๋าต้องเดินไปตามกลับบ้าน เมื่อเห็นหน้าแม่กี๋ หัวโตดีใจมาก เข้ามานัวเนีย นอนเฝ้าหน้าบ้านสักพัก พอเผลอก็วิ่งกลับไปห้องแถวอีก แม่กี๋ได้แต่มองตามอย่างใจหาย

การจากไปเชียงใหม่นานครั้งนี้ ทำให้หัวโตมีสภาพภายนอก กลับไปทรุดโทรมตามเดิม  เพราะขาดการดูแลความสะอาด และขาดช่วงการรักษาโรคประจำตัวทุกโรค และยังเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งโรคคือ โรคเหงา

“อย่าทิ้งผมไป” หมาที่เป็นสัตว์เลี้ยงในบ้านนั้น มีความต้องการทางสังคมสูงมาก อยากอยู่กับเจ้าของและคนในบ้านมากที่สุด บางตัวไม่สามารถทนกับการอยู่ตามลำพังได้เลย อาจตื่นกลัวพยายามสุดชีวิต เพื่อจะออกไปตามหาเจ้าของ โดยการกัดเคี้ยวขอบประตู หรือขุดใต้ประตู เห่าหรือหอน ทำบ้านยุ่งเหยิง และทำลายข้าวของ บางท่านอาจตั้งข้อสงสัยว่า แล้วที่ผ่านมา ทำไมหัวโตถึงอยู่เองได้ตั้งนมนาน?

แม่กี๋ขอวิเคราะห์จากเรื่องราวที่ผ่านมา แต่ก่อนนี้หัวโตถูกสังคมรังเกียจ ไม่มีคนหรือหมาอยากเข้าใกล้ ตรงกันข้าม หัวโตต้องหนีจากสังคม ไปซุกซ่อนตัวในที่ต่างๆ จนเคยชินกับการต้องอยู่ตามลำพัง

หัวโตไม่ใช่สัตว์เลี้ยงในบ้าน แถมเป็นเกาเหลากับฝูงหมาเจ้าถิ่น จึงไม่มีฝูงของตัวเอง แต่ชีวิตใหม่ได้ทำให้กลับมามีสังคมอีกครั้ง  มีฝูงของตัวเอง ที่ประกอบไปด้วย คนในบ้าน คนที่ห้องแถว   และเวลาแม่กี๋ไม่อยู่ หัวโตยังแอบไปมีสังคมหมาๆ เข้าไปทักทาย คล้ายจะเป็นมิตรกับ ไข่ตุ๋น หมาแฟลต กับจัมโบ้ หมาหลังบ้าน  สองหมาหนุ่มนิสัยดี ที่หัวโตเคยตั้งแง่ ชอบเห่าไล่ไม่ให้เข้าใกล้รั้วบ้าน เพราะความอิจฉาที่เจ้าสองหนุ่มนั่น แอบมาขอขนมแม่กี๋ที่รั้วหน้าบ้านและรั้วหลังบ้านเป็นประจำทุกวัน

โรคเหงาในหมาแก่หัวโต ไม่ได้แสดงออกเหมือนหมาอื่น หัวโตไม่เคยทำลายข้าวของและไม่เคยมีพฤติกรรมเรียกร้องความสนใจ หากแต่หัวโตหนีจากไปอยู่ที่อื่น

 การที่แม่กี๋ไม่อยู่บ้านและปล่อยให้อยู่ตามลำพังหลายๆวัน มันเสมือนการถูกตัดออกจากสังคมคนในบ้าน  พอมีคนเปิดประตูใจต้อนรับ ทำดีด้วยและให้อาหาร  หัวโตจึงติดใจและหนีตามเขาไป ในเวลาไม่นาน

ตอนแรกแม่กี๋ทำใจได้ว่า คงเสียหัวโตให้คนอื่นไปแน่ ที่ทำมาถือว่าเป็นการช่วยหมาตกยาก  ได้โอกาสมีที่พักพิงใหม่ที่มั่นคงอีกครั้ง

แต่พอแม่กี๋กลับมาอยู่บ้าน หัวโตก็กลับมาหาทุกวัน แม่กี๋วางแผนมัดใจอีกหน ด้วยการให้อาหาร ดูแลรักษาโรค จับอาบน้ำ  เล่นกับหัวโตและให้เข้ามานอนในบ้านเหมือนเดิม เพียงไม่กี่วันทุกอย่างก็เข้าสู่ภาวะปกติ เรากลับมาเป็นครอบครัวเดียวกัน

หัวโตเชื่อฟังคำสั่งมากขึ้นเรื่อยๆ เริ่มรู้สถานภาพของตัวเองดีและไม่กล้าล้ำเส้น นั่นหมายความว่า หัวโต ได้ยอมมอบตำแหน่ง  “หัวหน้าฝูง” ให้แม่กี๋อย่างสมบูรณ์

การเชื่อฟังคำสั่งที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของการยอมรับให้เป็นหัวหน้าฝูง อาจเปลี่ยนแปลงได้ ถ้าสถานการณ์รอบด้านเปลี่ยนไปจากเดิม

 ดังนั้นบทบาท “คุณแม่จอมโหด” จึงยังต้องซ้อมบทต่อไปอย่างต่อเนื่อง เพราะถ้าฝีมือการแสดงตกกระป๋อง จนเผยความอ่อนแอของตัวเองให้ลูกเห็น เช่น ยอมความ ใจอ่อน อนุโลม สงสาร ละเว้นการดุหรือทำโทษ เมื่อนั้นแม่กี๋จะก้าวเข้าสู่ยุคแห่งอำนาจเสื่อมโดยไม่รู้ตัว

จะเห็นว่า การพิชิตใจลูกด้วย “อำนาจ” อาจเสื่อมสลายไปได้ในวันหนึ่ง ดังนั้นหากต้องการครองใจลูกอย่างอมตะนิรันดร์กาล แม่กี๋ควรใช้ความรักเป็นกาวใจ สานสายใยความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้น แล้วเมื่อถึงวันนั้น การเชื่อฟังคำสั่งเพราะอำนาจ จะเปลี่ยนเป็นการโอนอ่อนผ่อนตามเพราะอำนาจ.....ความรักและความภักดี


ตอบ: รักลูกให้ถูกทาง...ระเบียงความคิด พิชิตใจลูกรัก
โดย มัตติกา จอมเพ็ชร์ - Thursday, 2 March 2006, 09:46PM
 
ในที่สุดหัวโตจอมโหด  ก็ยินยอมรับแม่กี๋ให้เป็น"หัวหน้าฝูง"  ต้องเป็นผู้ที่ทำให้บางแก้วเอาแต่ใจทั้งหลายยอมรับได้เท่านั้น  แต่ความดื้อรั้นของเจ้าบางแก้วแต่ละตัวก็ย่อมแตกต่าง  นั่นแสดงว่าแม่กี๋  มีความเป็นผู้นำ  และความโหดเข้าขั้นดีอย่างยิ่ง  อย่างนี้สาวหัวอ่อนอย่างนีโมคงไม่บังอาจไปต่อกรกับเต๋าเต้ย  และลุงหัวโตเป็นแน่
ตอบ: รักลูกให้ถูกทาง...ระเบียงความคิด พิชิตใจลูกรัก
โดย กี๋ ปากอ่าว - Thursday, 2 March 2006, 10:39PM
 

คุณแม่สาวนีโมเจ้าขา แม่กี๋สวมบทโหด แต่กริ๊บๆ แอบมีสคลิป..โหด มัน ฮา เว้นวรรคให้ฮักกันนานๆ..แล้วน้า

ว่าแต่สาวน้อยหัวอ่อน...แอบคุณแม่ขา มาดริ้งเบียร์ตราช้างหรือป่าวคะเนี่ย เห็นนอนเคล้ง อยู่ชิดติดลังเบียร์...คือภาพมันฟ้องนะค้า...คิก  คิก


ตอบ: รักลูกให้ถูกทาง...ระเบียงความคิด พิชิตใจลูกรัก
โดย กี๋ ปากอ่าว - Friday, 3 March 2006, 11:26PM
 

อี่ป้อ กะ อี่แม่ และน้องหมาบางแก้วตี้ฮักตั๊งหลาย  ระเบียงความคิดของแม่กี๋ชักจะรกรุงรัง เป็นที่น่าเกรงใจ ผู้มาเยี่ยมเยือน เพราะกว่าจะฝ่าขึ้นมาถึงระเบียงแห่งนี้ ได้จิบความคิด พิชิตใจลูกรัก ต้องเลื่อนลงมา จนตาล้าตาลาย แม่กี๋จึงขออนุญาตย้ายที่เม้าท์ใหม่

แต่ยังอยู่ในขั้นตอนของการตัดสินใจว่า จะเหาะขึ้นไปบนดาดฟ้า หรือจา..มุดลงไปนั่งอู้!!อยู่ในห้องใต้ดินดี...น้อ

ขอลาจ้อ..บ๊าย..บ๋าย ไปติดป้าย...........ปิดชั่วคราว?..เพื่อหาทำเลใหม่....ก่อนค้า

                                                                 ขอแสดงความนับถืออย่างแฮง

                                                                 ลงนาม..แม่กี๋ ท่ายาง เมืองเพชรฯ


ตอบ: รักลูกให้ถูกทาง...ระเบียงความคิด พิชิตใจลูกรัก
โดย ยศชัย ชัยพรหมมา - Thursday, 23 February 2006, 02:29PM
 

เห็นพี่เต๋าเต้ยยิ้มกว้างรอรับ น้องไมโลดีใจอยากไปจริงๆ กะว่าจะขอป่ะป๋าพาน้องฟ้ามุ่ยไปด้วย  เอ๊ะๆๆ...ตาขวากระตู๊กกกก...กรา...ตุกๆๆๆๆๆ


ตอบ: รักลูกให้ถูกทาง...ระเบียงความคิด พิชิตใจลูกรัก โดยวิทยา ขุนสัน
โดย นายวิทยา ขุนสัน - Sunday, 5 March 2006, 12:07AM
  น่าอ่านมากครับ รู้สึกรักมาลี(บางแก้วเพศเมีย 2.5 เดือน)มากๆขึ้นเยอะเลยครับ เห็นน่ารักๆแต่เวลาซนก็เอาเรื่องเหมือนกันเหมือนกับที่เขียนไว้ว่า เวลาเราไม่อยู่บ้านหากผิดเวลา เขาจะทำลายข้าวของ สายไฟ(เรื่องนี้ยังน่ากลัวอยู่ กลัวเวลาเครื่องไฟฟ้าใช้งานจะช๊อตเอาได้ครับ) ผมจะปรับทัศนคติให้รักมาลีมากๆขึ้นครับ ขอบคุณครับ
ตอบ: รักลูกให้ถูกทาง...ระเบียงความคิด พิชิตใจลูกรัก โดยวิทยา ขุนสัน
โดย กี๋ ปากอ่าว - Sunday, 5 March 2006, 04:37PM
 

สวัสดีค่ะ คุณวิทยา ขุนสัน ยินดีอย่างยิ่งนะคะที่ เรื่องราวเล่าสู่กันอ่าน จะทำให้หนูมาลี ได้รับความเห็นใจ ในความซุกซน ด้วยความ...ไร้เดียงสา ในวัย 2.5เดือน

แต่เมื่อน้องหมาโตขึ้นอีกนิด อาจต้องเปลี่ยนความคิดใหม่ เป็นเพราะความ..ร้ายเดียงสา เนื่องจากบางทีรู้ว่า ทำแล้วโดนดุหรือถูกทำโทษ แต่ก็ยังทำอยู่ร่ำไป

อย่าเพิ่งไปกล่าวโทษกันนักหนา เพราะน้องหมาก็มีเหตุผล?

จากหนังสือเกี่ยวกับการศึกษาพฤติกรรมสุนัขอธิบายว่า..

"การที่สุนัขนำข้าวของที่เจ้าของเคยสัมผัส หรือสวมใส่มากองไว้รวมๆกัน เป็นอาการที่พบบ่อยมากที่สุดในสุนัข ที่รู้สึกไม่ปลอดภัย เมื่อถูกทิ้งให้อยู่คนเดียว การมีกลิ่นเจ้าของกระจายอยู่รอบๆตัว เสมือนเกราะป้องกันอย่างนี้ เป็นการเตือนให้ทุกคนรู้ว่า อย่ามายุ่งกับมันจะดีกว่า วัตถุที่ดูดซับได้ดีเช่น ทิชชู จะเก็บกลิ่นเอาไว้ได้มาก รวมถึงรีโมท โทรทัศน์ที่เจ้าของหยิบจับอยู่เสมอและมีช่องว่างระหว่างปุ่มกด ที่มีเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้วหลุดร่วงอยู่ ถ้าของเหล่านี้ยังเล็กเกินไปที่จะเป็นเกราะป้องกันให้มันได้ มันก็จะฉีกกัดออกเป็นชิ้นๆ เพื่อจะเอามากระจายเป็นวงรอบๆตัวให้กว้างขึ้นไปอีก"

มิน่ารองเท้ากี่คู่ กี่คู่ ก็เสร็จน้องหมา!! ยิ่งคู่โปรดยิ่งเป็นเป้าหมาย..ก็เซลล์ผิว บวก กลิ่นหอมๆของนาย มันอบอวลชวนพิศมัยเสียจริงๆ

เพื่อนข้างบ้านเวลาไปทำงาน จะขังหมาไว้สี่ตัว สายไฟเครื่องใช้ไฟฟ้าทุกชนิด ทุกยี่ห้อ กัดกุดเหลือแต่ตอ ดีที่เจ้าของรู้เท่า แต่ห้ามไม่ทัน เลยดึงปลั๊กไฟออกหมดทุกเครื่องฯ จนถึงตอนนี้ดีขึ้นเยอะ ไม่ต้องดึงอีกแล้ว เพราะตอก็ยังไม่เหลืออ่ะ

หวังว่าคุณวิทยาจะได้อ่าน ที่กระทู้แรกของ..รักลูกให้ถูกทาง..เกร็ดความรู้เรื่องลูกรักแล้วนะคะ

เป็นช่วงแรกๆที่เอาบางแก้ววัยทารกมาเลี้ยง ตอนนั้นเต๋าเต้ยอายุเท่าน้องมาลีเลย ถ้ายังไม่ได้อ่าน ลองย้อนไปกระทู้เก่าๆดูนะคะ ตอนนี้รู้สึกว่าจะไปอยู่ในหน้าที่ 2 หรือหน้าที่ 3

โพสต์รูปน้องมาลีมาอวดบ้างนะ คงประมาณ..น้องใบเตย...นี่ล่ะมังคะ


Click to enter http://www.bangkaew.com/elearning3

Bangkaew.net and Bangkaew.org are for sale
See details at https://sedo.com/search/?keyword=bangkaew