หมาบางแก้ว return

หน้า: (หน้าก่อน)  1 ...  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  (ต่อไป)
โดย หมาบางแก้ว return - Saturday, 7 August 2004, 12:05AM
 

ก่อนอื่นต้องขออภัยคุณเพื่อนบางแก้วไว้ก่อนว่า  ไม่ได้มาแย้งความคิดเห็นของคุณเพื่อนบางแก้วนะครับ  เรื่องของน้ำใจผมนับถือจากใจจริง ๆ

สำหรับเจ้าของกระทู้  ในกรณีอย่างนี้  น่าจะติดต่อขอจองซื้อลูกสุนัขจากคุณเพื่อนบางแก้ว(ด้วยความจริงใจ)โดยตรงจะดีกว่ามั้ยครับ(ต้องการเพียง 2 ตัว)  ไม่ควรเหลือเกิน(ขออภัยอย่างสูง)ที่จะผลิตลูกสุนัขบางแก้วแล้วแจกจ่ายให้กับเพื่อนฝูงครับ

ต้องการลูกสุนัข 2 ตัวแต่ถ้าสุนัขอุ้มท้องแล้วเผื่อลูกออกมาเกิน สมมติว่า 8 ตัว  ลูกที่เหลืออยู่ 6 ตัวจะทำอย่างไรดีละครับ

ถ้า 6 ตัวนี้ต้องแจกให้คนรอบตัวอีก   Demand ลูกสุนัขบางแก้วในตลาดการซื้อขายจริงก็คงกระทบกระเทือนอย่างมากครับ  และจะกระทบกันเป็นลูกโซ่ทั้งวงจร

ขออภัยทั้งคุณเพื่อนบางแก้วและเจ้าของกระทู้อีกครั้งครับ

เคารพ


โดย หมาบางแก้ว return - Friday, 6 August 2004, 11:35PM
 

ที่จริงอายุ 7 - 8 เดือนก็เริ่มจะเป็นสุนัขที่โตแล้ว  การเป็นสัดครั้งแรกของสุนัข  อายุโดยเฉลี่ย(เน้นคำว่าเฉลี่ยนะครับ)ก็ประมาณ 7 - 8 เดือน  แต่การเป็นสัดครั้งแรกของสุนัขแต่ละตัวจึงไม่เท่ากัน  มีความแตกต่างจากค่าเฉลี่ยออกไปได้คือ  อาจจะเป็นสัดเร็วกว่านี้หรืออาจเป็นสัดช้ากว่านี้  บางตัวอายุถึง 18 เดือนถึงจะเป็นสัดครั้งแรกครับแปลกใจ

สิ่งสำคัญก็คือต้องหมั่นตรวจสุขภาพเค้าครับ  ในเรื่องระบบสืบพันธุ์ของเค้ามีอะไรผิดปกติไปหรือเปล่า  ถ้าไม่แน่ใจก็ควรรีบพาไปพบสัตวแพทย์   แต่ในความคิดของผมแล้ว  ถ้าไม่มีอะไรผิดปกติ  ก็น่าจะรอจนครบอายุ 1 ปี  ตอนไปทำวัคซีนก็ควรให้คุณหมอช่วยตรวจสุขภาพเค้าไปพร้อมกับทำวัคซีนครับ  เรื่องที่ต้องการทราบ(ทำไมยังไม่เป็นสัดครั้งแรก)ก็ควรบอกคุณหมอ ให้ช่วยวินิจฉัยว่าเป็นเพราะสาเหตุใด  คุณหมอคงให้ความกระจ่างได้มากครับ

การเป็นสัดในช่วงนี้ (7 - 8 เดือน)  ผู้เลี้ยงก็ยังคงทำอะไรเค้าไม่ได้ ก็ควรรอสักระยะหนึ่งดังที่บอกครับ  ช่วงก่อนเป็นสัดและหลังเป็นสัด  พฤติกรรมของเค้าจะเปลี่ยนไปบ้างพอสมควร  ลองสังเกตุเค้าดูนะครับ  แล้วอย่าลืมมาเล่าให้กันอ่านบ้างนะครับ

เคารพ


โดย หมาบางแก้ว return - Wednesday, 4 August 2004, 09:40PM
 

บางแก้วเป็นสัดเลียนแบบกัน  คงไม่ได้เขียนไว้ที่ไหนหรอกครับป้าชัช  มาอ่านก็เลยงง ๆ  แต่ถ้าจะให้เขียนการบ้านข้อที่ 2 ของอาจารย์ท่านละก็ยาวแน่ครับ  ตาโตทำเป็นงานวิจัยได้เลยครับ

เคารพ


โดย หมาบางแก้ว return - Monday, 2 August 2004, 07:17AM
 

.......มีนิยายเกี่ยวกับหมาเรื่องหนึ่งที่น่าสนใจอยู่ว่า  กษัตริย์วงศ์ปาณฑพพระองค์หนึ่ง  ทรงพระนามว่า  พระเจ้ายุธิษเฐียร  ทรงมีเดชมีอำนาจมาก  แผ่พระเดชปกครองไปทั่งชมพูทวีปเป็นเวลาสามสิบหกปี  อยู่มาพระเจ้ายุธิษเฐียรปลงพระชนมายุของพระองค์เอง  เห็นว่าจะอยู่ต่อไปอีกไม่นาน  จึงเสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมเยือนและลาราษฎรทั่วพระราชอาณาจักร  มีพระมเหสีและกษัตริย์ผู้เป็นพระอนุชาอีกสี่พระองค์โดยเสด็จด้วย  ครั้นแล้วกษัตริย์ทั้งหกพระองค์ก็เสด็จขึ้นภูเขาหิมาลัยแต่โดยลำพัง  ตั้งพระทัยว่าจะไปให้ถึงสวรรค์  ข้าราชบริพารทั้งปวงก็ส่งเสด็จเพียงแค่เชิงเขาหิมาลัย  แล้วทูลลากลับพระนคร  แต่ยังมีสุนัขตัวหนึ่งที่พระเจ้ายุธิษเฐียรทรงเลี้ยงไว้  สุนัขตัวนี้หาได้กลับไม่  แต่เดินตามพระเจ้ายุธิษเฐียรขึ้นภูเขาหิมาลัยไป  เนื่องด้วยทางเดินไปสู่สวรรค์นั้นทุรกันดารนัก  พระมเหสีและพระอนุชาอีกสี่พระองค์  มิสามารถทนความลำบากและเหน็ดเหนื่อยได้  ก็ล้มลงสิ้นพระชนม์ไปทีละองค์จนหมด  คงเหลือแต่พระเจ้ายุธิษเฐียรเสด็จพระราชดำเนินต่อไปโดยไม่หยุดยั้ง  และมีหมาตามเสด็จตัวหนึ่ง  ขณะที่เสด็จพระราชดำเนินอยู่นั้น  ปรากฏว่าฟ้าผ่าลงมาเปรี้ยงใหญ่  และพระอินทร์ผู้มีรัศมีอันสว่างก็ปรากฏต่อพระพักตร์พร้อมด้วยราชรถ  แล้วพระอินทร์จึงเชิญเสด็จพระเจ้ายุธิษเฐียรให้ขึ้นรถไปสู่สวรรค์  แต่พระเจ้ายุธิษเฐียรไม่ยอมขึ้นรถพระอินทร์  บอกให้พระอินทร์ไปรับพระมเหสีและพระอนุชามาก่อน  พระอินทร์ก็ตอบว่า  กษัตริย์เหล่านั้นไปคอยพระองค์อยู่บนสวรรค์แล้ว  พระเจ้ายุธิษเฐียรได้ยินพระอินทร์ทูลดังนั้น  ก็ทรงกระทำอย่างที่สุภาพบุรุษผู้คบหมาเป็นมิตรจะพึงกระทำคือเปิดประตูรถพระอินทร์แล้วเชิญให้หมาขึ้นรถก่อน  พระอินทร์เห็นดังนั้นก็ตกใจ  ทูลว่าหมาขึ้นสวรรค์ไม่ได้  เพราะจะทำให้สวรรค์ซวยหมด  ขอให้พระองค์ไล่หมากลับเมืองมนุษย์เสียเถิด  พระเจ้ายุธิษเฐียรก็ดำรัสตอบอย่างที่ผู้รักหมาจะพึงตอบว่า  “ถ้ายังนั้นก็ไม่ขึ้นสวรรค์”  พระอินทร์ผู้ซึ่งไม่เคยเลี้ยงหมา  เพราะเคยเลี้ยงแต่ช้างก็ถามว่า “ทำไม”  พระเจ้ายุธิษเฐียรก็ตอบเป็นคาถาน่าฟังว่า “ หมานั้น  คือผู้ภักดีอย่างยิ่ง  เป็นผู้ซื่อสัตย์ในยามทุกข์  เป็นผู้ให้ความมั่นใจในยามสงสัย  และเป็นผู้ให้ความรักและมิตรภาพในยามที่เหลือแต่ตัวคนเดียว”

        พระอินทร์ฟังดังนั้นก็งง ๆ ไป  แต่ก็ยังยืนกระต่ายขาเดียวว่า  หมาขึ้นสวรรค์ไม่ได้เด็ดขาด  พระเจ้ายุธิษเฐียรจึงตอบว่า  สวรรค์เป็นแดนสุขาวดีสำหรับคนอื่น  แต่สำหรับพระองค์นั้น  ถ้าเอาหมาไปด้วยไม่ได้ก็คงปราศจากความสุข  เพราะจะต้องทรงเป็นห่วงและคิดถึงหมา  ครั้นแล้วก็ทรงอบรมจิตใจพระอินทร์ต่อไปอีกยืดยาวว่าพระองค์เป็นกษัตริย์  และเป็นบุรุษอาชาไนย  การที่จะละทิ้งผู้ที่รักพระองค์นั้นเป็นบาป  พระองค์ไม่เคยละเลยผู้ที่ภักดีในพระองค์หรือเกรงกลัวพระองค์  ไม่เคยละเลยผู้ที่ยึดถือพระองค์เป็นสรณะ  หรือผู้ที่ขอรับพระกรุณา  หรือผู้ที่อ่อนแอ  หรือหมดอำนาจไม่สามารถป้องกันตนเองได้

          พระอินทร์โดนเข้าท่านี้ก็จนใจ  บ่นตุบ ๆ ตับ ๆ อยู่พักใหญ่แล้วก็ยอมแพ้  ชัยชนะเป็นของพระเจ้ายุธิษเฐียร  ผู้ไม่ยอมขึ้นสวรรค์ถ้าหากหมาตามขึ้นไปด้วยไม่ได้  ด้วยฤทธิ์ของพระอินทร์  หมาก็กลายเป็นเทพบุตร  มีรัศมีอันสว่าง  พร้อมที่จะขึ้นสวรรค์กับพระเจ้ายุธิษเฐียรได้   พระเจ้ายุธิษเฐียรจึงยอมเสด็จขึ้นรถ  เขาว่ากันว่า  ดาวหมาที่ขึ้นสว่างในตอนดึกนั้น  คือรัศมีอันสว่างของหมาพระเจ้ายุธิษเฐียร

(คัดจาก “คนรักหมา(ฉบับปรับปรุง)”  หน้า16-18 ม.ร.ว.ศึกฤทธิ์  ปราโมช  เขียน)

นิทานกรีก

               สุนัขใหญ่บนฟ้าเป็นสุนัขที่ซื่อสัตย์ของนายพราน  เพราะติดสอยห้อยตามนายพรานโดยตลอด  นิทานกรีกโบราณกล่าวว่า    

          เมื่อโปรคริส(Procris) ลูกสาวของเธสปีอุส (Thespius)  แต่งงานกับเซฟาลุส (Cephalus)  เธอได้รับของขวัญพิเศษสองอย่าง  อย่างแรกคือลูกดอก  (สมัยนี้คงจะเป็นจรวดนำวิถี)  ซึ่งเมื่อขว้างออกไปแล้วจะวิ่งเข้าหาเป้าอย่างแม่นยำ  ของขวัญอีกอย่างหนึ่งก็คือ  สุนัขฮาวส์ชื่อเลแล็ปส์(Laelaps)  ซึ่งเป็นสุนัขที่ยอดเยี่ยมมาก  เมื่อได้กลิ่นสัตว์ที่กำลังตามล่าก็จะตามกลิ่นไป  แล้วจับสัตว์นั้นได้ทุกครั้ง  โปรคริสจึงรักและหวงแหนของขวัญทั้งสองอย่างนี้มาก  แต่เมื่อเซฟาลุสได้หว่านล้อมเธอจนยอมให้ของทั้งสองไปเพื่อล่าสัตว์   ขณะที่สามีออกป่าส่าสัตว์อยู่หลายวัน  เธอรู้สึกเหงาและคิดถึงเขามาก  ทั้งนี้เพราะโปรคริสรักสามีจนสุดหัวใจ  เธอจึงตัดสินใจออกไปหาสามีในป่าโดยมิได้บอกให้สามีรู้  เธออยากให้สามีตื่นเต้นจึงแอบไปอย่างเงียบ ๆ

                ณ ที่พักสามีในป่า  สุนัขเลแล็ปส์รู้ว่ามีผู้ล่วงล้ำเข้ามา  ก็ส่งเสียงบอกเซฟาลุส  เขาเข้าใจว่าเสียงยอบแยบเหยียบกิ่งไม้แห้งหักเป็นเสียงของสัตว์ป่า  จึงรีบขว้างลูกดอกวิเศษออกไปทันที  ผลก็คือ  โปรคริสอยู่ในความเงียบตลอดกาลเพราะเธอโดนลูกดอกถึงแก่ความตาย  นับว่าเสียชีวิตเพราะสิ่งที่ตนรักแท้ ๆ

                สุนัขเลแล็ปส์เมื่อตายแล้วถูกนำไปขึ้นสวรรค์เป็นสุนัขใหญ่ของนายพรานโอไรออน (Orion)  โดยคอยตะครุบกระต่ายป่า (Lepus)  ซึ่งอยู่ถัดนายพรานไปทางใต้อยู่ทุก ๆ คืนตลอดปี

(คัดจาก “การดูดาวขั้นต้น”  หน้า 97-99  เขียนโดยคุณนิพนธ์  ทรายเพชร  นายกสมาคมดาราศาสตร์ไทย)

 เทพนิยายกรีก

กลุ่มดาวสุนัขใหญ่ (Canis Major = the big dog)          

กลุ่มดาวสุนัขเล็ก  (Canis Minor = the small dog)

               ตามเทพนิยายของกรีกเล่าว่า  กลุ่มดาวทั้งสองนี้เป็นสุนัขล่าเนื้อคู่ใจกำลังเดินตามนายพราน  โดยเฉพาะสุนัขใหญ่นั้นบางนิยายเล่าว่า   แต่เดิมเป็นสุนัขชื่อ เมรา(Mera)  ซึ่งติดตามเจ้าของชื่อ  ไอคาริอุส (Icarius)  ด้วยความภักดีตลอดเวลาแม้ไอคาริอุสจะถูกฆ่าตายแล้ว  เมราก็ยังคงเฝ้าศพอยู่จนตัวตาย  ด้วยความดีแห่งความกตัญญูรู้คุณนี้  เทพยเจ้าจึงให้ปรากฏเป็นเครื่องเตือนใจอยู่ใกล้กับกลุ่มดาวนายพราน

(จาก “นิยายดาว”  หน้า 86  โดยคุณสิงห์โต  ปุกหุก)

                   ในกลุ่มดาวสุนัขใหญ่  จะมีดาวฤกษ์ที่สว่างที่สุดในท้องฟ้า (อันดับความสว่าง-1.45) คือดาวซีรีอัส (Sirius)อยู่ในกลุ่มดาวนี้  พวกคาลเดียเรียกดาวซีรีอัสว่า  ดาวสุนัข  คนไทยเรียกว่าดาวโจรหรือดาวสุนัขนอน  เพราะเมื่อสุนัขหลับโจรก็ขึ้นบ้านได้  การดูดาวซิริอัสนั้นสามารถดูได้ตั้งแต่เดือนสิงหาคม(จวนสว่าง)- เดือนพฤษภาคม  ในช่วงหน้าหนาวจะเป็นเวลาที่เหมาะสมในการดูกลุ่มดาวนี้  จะเห็นขึ้นหัวค่ำของเดือนมกราคมและเดือนธันวาคม  กลุ่มดาวสุนัขใหญ่อยู่บนฟ้านานประมาณ 10 ชั่วโมง  ดาวซิริอัสดวงสว่างที่สุดจะอยู่บนฟ้านาน 11 ชั่วโมง  การติดตามดาวซิริอัสดวงเดียวจะทำได้ง่ายกว่าการติดตามทั้งกลุ่ม  เพราะสามารถมองเห็นดาวซิริอัสได้แม้แต่สภาวะที่มีแสงรบกวนมากอย่างเช่นในกรุงเทพ ฯ

               กลุ่มดาวสุนัขเล็ก (Canis Minor)  จะอยู่ทางทิศใต้ของกลุ่มดาวคนคู่ประกอบด้วยดาวฤกษ์ 2 ดวง  ดวงที่สว่างที่สุดคือ  โปรซิออน  อยู่สูงเป็นมุมเงย 75 องศา  จากขอบฟ้าทิศใต้

               ลองหาแผนที่ดาวสักแผ่นมาลองหมุนดูนะครับ  ถ้ารู้จักกลุ่มดาวนายพราน(Orion)แล้ว  โยงกันให้ดี ๆ เราจะได้สามเหลี่ยมด้านเท่าระหว่าง ดาวเบทาจุส(กลุ่มดาว Orion)   ดาวซิริอัส(กลุ่มดาวสุนัขใหญ่) และดาวโปรซิออน(กลุ่มดาวสุนัขเล็ก)   สว่างกลางท้องฟ้า  ไม่เคยหนีหายจากกันไป  สามเหลี่ยมนี้มีชื่อว่าสามเหลี่ยมหน้าหนาว  จะเห็นได้นานที่สุดในฤดูกาลนี้

(สรุปจาก “การดูดาวขั้นต้น”  เขียนโดยคุณนิพนธ์  ทรายเพชร  นายกสมาคมดาราศาสตร์ไทย)


โดย หมาบางแก้ว return - Monday, 2 August 2004, 07:09AM
  ช่วงเวลาที่ผ่านมา  ได้สัมผัสถึงความเศร้าของผู้เลี้ยงสุนัขบางแก้วหลายคนที่ได้สูญเสียตัวยุ่งประจำบ้านไป  เราคนหนึ่งที่เคยสูญเสียหลายสิ่งหลายอย่างในชีวิตมาอย่างมากมาย  คงไม่มีใจที่เข็มแข็งไปปลอบหรือแสดงความเสียใจให้พวกท่านเหล่านี้ได้ดีพอ  เราจึงเพียงได้แต่หาข้อมูลมาให้พวกท่านที่สูญเสียสุนัขบางแก้วเหล่านี้ ว่าในความคิดของเราแล้วเค้าไปอยู่ที่ไหน  เราจะตามหาพวกเค้าได้อย่างไรในยามที่คิดถึงกันและกัน  แท้จริงแล้ว  คืนในฤดูหนาวเราสามารถมองเห็นเค้าได้ทุกค่ำคืน  เค้าอยู่ไม่ไกลจากพวกเราเลย ลองปล่อยใจและจินตนาการไปถึงพวกเค้าดู  พร้อมกับแหงนหน้าดูกลุ่มดาวสุนัขใหญ่  กลุ่มดาวสุนัขเล็ก  เราจะเห็นดวงดาวที่สุกใสกว่าทุกดวงในคืนนั้น  หมาน้อยที่จากพวกเราไปคงไปรวมกันอยู่ที่นั่นครับ  ที่ดาวแห่งนั้นย่อมมีนิยาย  มีความหมายให้เราได้คิด  เป็นที่อยู่ของสุนัขทุกตัวที่ภักดี   ลองตามมาอ่านนิยายดาว....กันดีมั้ย

หน้า: (หน้าก่อน)  1 ...  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  (ต่อไป)