กี๋ ปากอ่าว

หน้า: (หน้าก่อน)   1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18 ...61   (ต่อไป)
โดย กี๋ ปากอ่าว - Tuesday, 5 September 2006, 07:01PM
 

 แม่กี๋จัดเวลาให้ทั้งสองตัวได้อยู่ร่วมกันในวันแรกที่เต๋าเต้ยกลับมาอยู่บ้านมหาชัย ช่วงหัวค่ำทั้งคู่จึงได้เข้ามาอยู่ในบ้าน โดยมีแม่กี๋คอยนั่งสังเกตว่าหมาสองตัวจะปรับตัวเข้าหากันอย่างไร?  เต๋าเต้ยซึ่งกำลังอยู่ในช่วงพัฒนาทักษะการเข้าสังคมกับหมาอื่น บวกกับประสบการณ์ครั้งล่าสุดกับเพื่อนหมาตัวแรก “ปลาทู..ชิสุห์เพื่อนรักรุ่นเดียวกัน”

ถึงแม้นว่าเต๋าเต้ยจะถูกปลาทูขู่เอาบ้าง เพราะฉุนจัดที่โดนเต๋าเต้ยหยอกแรงไปนิด แต่เต๋าเต้ยก็ยอมลงทุนงอนง้อขอเล่นด้วยกันใหม่ได้ทุกครั้ง เต๋าเต้ยไม่เคยก้าวร้าวเช่น คำรามหรือกัดกับปลาทูเลยแม้นแต่ครั้งเดียว เต๋าเต้ยจะวิ่งวนไปรอบๆโฉบเข้าไปใกล้ๆแล้วถอยหนีออกมา เพื่อยั่วเย้าให้ปลาทูกระโจนเข้าหาและทำเสียงแว้ดๆ และเต๋าเต้ยกลับเห็นว่าการแสดงความดุดันของปลาทูเป็นเรื่องที่น่าขบขัน นับได้ว่าเป็นความสำเร็จครั้งแรกของเต๋าเต้ย ในเรื่องการเรียนรู้เรื่องการเป็นมิตรกับหมาอื่น

 เมื่อได้พบกับหัวโตเกลอเก่าที่เคยเล่นกัน เต๋าเต้ยจำหัวโตได้ในทันที แสดงอาการดีอกดีใจ วิ่งเข้าไปอยู่ใกล้ๆ กระโดดโลดเต้น ชวนเล่นเหมือนเคยปฏิบัติต่อปลาทู  แต่หัวโตหมาที่เต๋าเต้ยกำลังหมายมั่นปั้นมือขอเป็นเพื่อนเล่น มีปฏิกิริยาตอบกลับทางด้านลบ แยกเขี้ยวทำตาลุกวาว เมื่อเต๋าเต้ยเดินผ่านหรือเข้าไปใกล้ๆ หัวโตจะส่งเสียงขู่คำรามดังลั่น พอเผลอเข้าไปถูกเนื้อต้องตัว หัวโตจะมีอาการหงุดหงิดและเข้าจู่โจมงับคอ ยืนคร่อมบนตัวเต๋าเต้ย ซึ่งในขณะนั้นตัวเล็กกว่ามาก ส่วนเต๋าเต้ยก็ไม่ลังเลที่จะตอบโต้ด้วยสัญชาตญาณ “หมาไม่ยอมหมา“เช่นกัน เกิดเหตุการณ์ชุลมุนกันยกใหญ่” ระยะแรกๆแม่กี๋ทำตัวเป็นกรรมการคอยควักใบแดง ไล่ทั้งคู่ออกนอกสังเวียน ซึ่งก็ได้ผลดีแต่พอเวลาล่วงเลยไป เสียงกรรมการกลายเป็นเสียงเชียร์ ยิ่งว่าเหมือนยิ่งยุ....กัดกันมันหยดติ๋งๆๆ โชคดีที่เป็นแค่ “ศึกน้ำลาย ไร้โลหิต”

 ประสบการณ์การเข้าสังคมของเต๋าเต้ยที่ได้รับจากหัวโตจึงเป็นเรื่องที่เลวร้าย เพราะเต๋าเต้ยถูกปฎิเสธการเข้าสังคมจากสมาชิกที่อยู่ในฝูง อาศัยอยู่ในรังและมีจ่าฝูงตัว (คน) เดียวกัน รูปแบบการเข้าสังคมที่เต๋าเต้ยได้ตัวอย่างจากหัวโตคือ การเริ่มต้นทำความรู้จักหมาอื่นด้วยความไม่เป็นมิตร จนถึงทุกวันนี้เต๋าเต้ยไม่เคยกระดิกหางเดินเข้าหาหมาแปลกหน้าหรือหมาเพื่อนบ้าน แต่จะหวาดระแวงและระวังตัว พยายามประสานตาระหว่างทำท่าขู่คุกคาม เหล่านี้แสดงให้เห็นว่าเต๋าเต้ยไม่มีทักษะทางสังคมมากพอที่จะอยู่ใกล้กับหมาตัวอื่น สาเหตุเกิดจากเต๋าเต้ยผูกสัมพันธ์กับหมาตัวอื่นน้อยมาก คือตั้งแต่เล็กจนโตมีแค่หัวโตกับปลาทู และยังมีประสบการณ์การติดต่อที่ไม่ดีกับหัวโตเมื่อตอนยังเป็นหมาเด็ก

ในช่วงเวลานั้นแม่กี๋ก็ยังไม่สิ้นหวัง เพราะวันแรกอาจจะยังไม่เข้าเหลี่ยมเข้ามุมกัน รอเวลาให้หัวโตปรับตัวปรับใจสักสองสามวัน เหตุการณ์อาจคลี่คลายไปในทางที่ดี แม่กี๋ยึดคติที่ว่า “...กว่าจะมีหนึ่งมิตร ต้องชิดใกล้” หากทั้งคู่ได้มีเวลาอยู่ด้วยกันและทำความรู้จักกันตามประสาหมามากขึ้น ผลลัพธ์ของการประลองกำลังเพื่อทดสอบความแข็งแกร่งของกันและกัน จะนำมาซึ่งการจัดลำดับของตัวเองในฝูงได้เอง เมื่อแต่ละตัวรู้สถานภาพของตัวเองและไม่ล้ำเส้นกัน เมื่อนั้นการทะเลาะเบาะแว้งจะลดน้อยลง วันนี้ไม่สำเร็จ วันหน้ายังมีเวลาให้ทั้งคู่ได้ใช้ชีวิตอยู่ในรั้วบ้านเดียวกัน นานจนกระทั่งเป็นมิตรกันได้ในที่สุด แม่กี๋แอบมีความหวังลึกๆในใจ

 แต่แล้วความวัวไม่ทันหาย ความควายก็เข้ามาแทรก เมื่อเต๋าเต้ยกลับมาสร้างเรื่องใหม่ๆ ตบเท้าก้าวเข้ามาอีก นั่นก็คือวีรกรรมในวัยซน ที่สร้างความเสียหายและมีผลกระทบต่อชีวิตประจำวันของหัวโตอย่างไม่มีที่สิ้นสุด มันทำให้หัวโตขุ่นข้องใจเพิ่มมากขึ้น เริ่มตั้งแต่คืนวันแรกที่เข้ามานอนในบ้านด้วยกัน เต๋าเต้ยก็ได้ทำให้หัวโตถูกเนรเทศกระเด็นออกไปนอนนอกบ้านอย่างถาวร

วีรกรรมของเต๋าเต้ยในคืนวันแรกที่บ้านมหาชัย เกิดขึ้นเนื่องจากแม่กี๋เข้าใจผิดคิดว่าเต๋าเต้ยโตพอที่อยู่ภายในบ้านโดยไม่ต้องล่ามโซ่ และคุ้นเคยกับการขับถ่ายในถาดที่ลองด้วยกระดาษหนังสือพิมพ์ มาตลอดระยะเวลาสองเดือนที่อยู่เชียงใหม่ แม่กี๋จึงให้เต๋าเต้ยนอนอย่างอิสระในห้องรับแขกชั้นล่างโดยไม่ได้ล่ามโซ่หรือขังกรงแต่อย่างใด วางถาดปูกระดาษหนังสือพิมพ์เอาไว้และ ปล่อยทิ้งให้อยู่กับหัวโตที่นอนอยู่ตรงมุมสบายส่วนตัวที่เดิมในห้องรับแขกชั้นล่าง  แม่กี๋นอนเอียงหูฟังเสียงการเคลื่อนไหวชั้นล่าง เมื่อไม่ได้ยินเสียงอะไรผิดปกติ แม่กี๋จึงนอนหลับสนิทไปตลอดทั้งคืน



โดย กี๋ ปากอ่าว - Tuesday, 5 September 2006, 06:57PM
 

เซียน..นักรบขี้อิจฉา                               

 

                               การเผชิญหน้ากันดูเหมือนจะไม่ค่อยเป็นเรื่องบันเทิงเริงใจสำหรับหัวโตเลยแม้นแต่น้อยเพราะเต๋าเต้ยคือเจ้าตัวก่อการร้ายที่หัวโตหลงดีใจคิดว่าได้ถูกเนรเทศหลุดออกไปจากนอกวงโคจรของชีวิตหลังจากที่หายหน้าไปนาน  แต่แล้วจู่ๆก็เห็นเต๋าเต้ยหวนกลับมาวิ่งเล่นอยู่ในบ้านอีกครั้ง หัวโตพลันได้กลิ่นไอของความวุ่นวายที่กำลังคืบคลานเข้ามาก่อกวนชีวิต ที่เคยอยู่ตัวเดียวอย่างสงบสุข

นับจากนี้กรรมสิทธิ์ในการครอบครองอาณาเขตในบ้านแต่เพียงผู้เดียวจะต้องถูกแบ่งปัน  เพราะไม่ว่าจะเดิน จะกิน จะนอนที่ไหนในบ้าน เต๋าเต้ยจะกลายเป็นเงาที่ตามหลอกหลอน คอยแย่งชิงพื้นที่ สิ่งของ ขนม ไก่ย่าง ไส้กรอก ทองหยอดของโปรด และที่หัวโตโกรธนักหนาก็คือ เรื่องการเข้ามาแย่งชิงเอาความรักและความสนใจจากแม่กี๋และพ่อจ๋า  เพราะเหตุนี้เองไม่ว่าจะเป็นท่วงท่าหรือพฤติกรรมใดๆของเต๋าเต้ย มันจึงเป็นที่ขัดหูขัดตา หัวโตจึงแสดงตนว่าไม่สมัครสมาน ในการเข้าไปรวมตัวอยู่ในฝูงเดียวกันกับเต๋าเต้ย  ทำไมหัวโตจึงปฎิเสธสมาชิกหมาตัวใหม่ที่ชื่อว่า... เต๋าเต้ย โดยสิ้นเชิง ?

สำหรับความคิดเห็นส่วนตัว แม่กี๋เชื่อว่ามันต้องเป็นเรื่องราวที่ไม่ลงรอยกันในอดีต ที่เกิดขึ้นก่อนเต๋าเต้ยเหินฟ้าไปเชียงใหม่ ความบาดหมางยังคงติดค้างอยู่ในใจของหัวโตไม่สร่างซา แม้นว่าแม่กี๋และพ่อจ๋าจะเอาใจช่วย ด้วยการทำตัวเป็นกองเชียร์ กองกลาง กองหน้า ส่งเสียงกระตุ้นให้หัวโตยอมเล่นกับน้อง  แต่การเชื่อมต่อสายสัมพันธ์มันช่างไร้ผล เพราะหัวโตหมาแก่จอมอาฆาต ไม่ยอมลืมเรื่องเก่าแต่หนหลัง ที่เต๋าเต้ยเคยกล้าเข้าไปปะทะเพื่อแย่งอาหาร ซึ่งถือว่าเป็นการลูบคมนักเลงเฒ่าเข้าอย่างจัง มันเป็นสิ่งที่จี้ใจดำ.....หมาบางแก้ว ที่มีนิสัยขี้หวงของ อาหารและเจ้าของ (หมาที่มี...นิสัยงกที่สุดก็ว่าได้)

เหตุการณ์การทักทายกันที่กลางลานบ้านในวันแรกที่ทั้งสองหวนกลับมาพบกัน แม่กี๋จึงมองเห็นภาพหมาต่างขั้วสองตัวที่ไม่อาจจะเป็นมิตรกันได้ หัวโตวางมาดเป็นนักเลงพี่ใหญ่เจ้าของพื้นที่ เต๋าเต้ยวาดลวดลายนักเลงหน้าใหม่วัยร้ายบริสุทธ์  เจ้าของบุคลิกดื้อรั้นเหลือร้าย ไม่สนใจว่าใครจะใหญ่มาจากไหน ทำตัวเป็นหมามั่น ไม่ชอบให้ใครมาข่มขู่อยู่เหนือกว่า และพร้อมจะสู้ไม่ถอย   บ่งบอกถึงความห้าวของหมาหนุ่มที่ไม่รู้จักความหมายของคำว่า” กลัว” อยู่ในหน่วยความจำ



โดย กี๋ ปากอ่าว - Tuesday, 5 September 2006, 06:51PM
 

แล้ววันนั้นก็มาถึง และนี่คือบทสรุปของเรื่องราวเมื่อครั้งผมกับพี่หัวโตพบกันครั้งหลังสุดครับ

“บางแก้วรุ่นหลาน เหลน หรืออาจจะเป็นโหลน ดัน           ทำตัวเป็นนักเลงรุ่นใหม่ คิดการใหญ่กล้าไปวัดรอยเท้ากับนักเลงรุ่นปู่ ทั้งๆที่ตอนกลับมาใหม่ๆ ยกขาฉี่แบบแมนๆยังทำไม่เป็นด้วยซ้ำ พอเห็นรุ่นใหญ่ยกก็ยกตามบ้าง วางท่าตามอย่างได้ไม่มีผิดเพี้ยน แต่ต่อมาอีกไม่นานเห็นเขายกขาฉี่ตรงจุดใด ไฉนวิ่งรี่เข้าไปฉี่ทับรอยฉี่ของเขาหน้าตาเฉย แล้วแบบนี้จะให้หมาที่ไหนทนได้ มาอยู่ทีหลังจะดังกว่าได้อย่างไร



โดย กี๋ ปากอ่าว - Tuesday, 5 September 2006, 06:48PM
 

                       สวัสดีครับ.....ผม “เต๋าเต้ย” บางแก้วเด็กแนวรุ่นใหม่ แม่กี๋อุ้มผมเข้ามาอยู่ด้วยตั้งแต่อายุหนึ่งเดือนเศษๆ ในวันแรกที่ได้พบกับพี่หัวโต ผมตั้งใจว่าจะเป็นน้องชายหมาที่แสนดี แต่แล้วด้วยความอยากได้ของผู้อื่นมาเป็นของตนเอง ผมเผลอตัวเข้าไปแย่งชิงขนมและปีกไก่ย่างที่เป็นของโปรดของพี่ นับจากวันนั้นพี่ก็ไม่ยอมเล่นกับผมอีกเลย ถึงแม้นว่าผมจะงอนง้อขอคืนดี โดยมีแม่กี๋ช่วยไกล่เกลี่ยให้อีกแรง...คำตอบสุดท้ายจากพี่หัวโต คือ “ไม่”

ชีวิตในวัยเด็กของผม ช่างน่าตื่นเต้นเสียเหลือเกิน ตอนผมอายุได้ประมาณ3 เดือน ผมมีโอกาสได้เหินฟ้าโดย เครื่องบินของสายการบินไทย สู่เมืองเชียงใหม่ สำหรับผมมันคือการผจญภัยไกลสุดขอบฟ้า ผมได้พบกับเพื่อนใหม่ชื่อ “ปลาทู ชิสุห์เพื่อนรัก” และคุณยาย ลุง ป้า น้า อา และพี่ๆหนุ่มสาวชาวโรงงานที่บ้านของแม่กี๋ ที่นั่นผมได้ค้นพบว่า ตัวเองเป็นหมาบางแก้วที่น่าเกรงขาม บางช่วงที่แม่กี๋หายหน้าไปนาน นานจนผมแปลกใจ ผมต้องทนอยู่โดยไม่มีแม่ ผมเรียนรู้สิ่งต่างๆด้วยตัวเอง ผิดบ้างถูกบ้างตามแต่ใจอยากจะทำโดยปราศจากการคุมเข้มและสอนสั่ง

                                   ผมเฝ้ารอวันที่แม่กี๋จะกลับมารับผมกลับบ้านมหาชัย วันที่ผมได้กลับไปเผชิญหน้ากับพี่หัวโตอีกครั้ง ......

 

                                                                                    จาก  เต๋าเต้ย  เด็กแนว

 



โดย กี๋ ปากอ่าว - Tuesday, 5 September 2006, 06:45PM
 

                            ยังจำหมาบางแก้วที่มหาชัยได้มั๊ยครับ ผม “หัวโตหมาแก่” ที่แม่กี๋เก็บเอามาเลี้ยง จากเดิมที่เคยเป็นหมาขี้เรื้อนจรจัด ร่างกายผ่ายผอม อาศัยอยู่แถวใต้ถุนแฟลตใกล้ตลาดสดชั่วคราวที่จังหวัดสมุทรสาคร ถึงแม้นว่าผมจะแก่ไปนิด เกิดนานไปหน่อย แต่เมื่อผมถูกแปลงร่าง ถอดรูป ผมก็กลายเป็นบางแก้วรูปงาม สีขาวสลับน้ำตาลอ่อน ขนปุกปุย และด้วยความสมบรูณ์ล่ำสัน ผมจึงก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งขาใหญ่ประจำลานจอดรถหน้าแฟลต เป็นที่น่ายำเกรงของเหล่าบรรดาหมาไทยเจ้าถิ่นกลุ่มเดิม ที่มีเจ้าเตี้ยสุดหล่อเป็นหัวหน้าแก้งค์ ยกเว้น เจ้ายักษ์แซม หมาเชพเพอดบ้านอยู่ตรงกันข้าม  ที่ผมใช้วิธีไปยืนตะโกนด่าหน้ารั้วบ้านมันทุกเช้าทุกเย็น โชคดีที่มันออกมาฟัดกับผมไม่ได้ ขาใหญ่เลยตกเป็นของผมแต่เพียงผู้เดียว

                           ชีวิตของผมดำเนินต่อไปอย่างเป็นสุข จนอยู่มาวันหนึ่งแม่กี๋กลับบ้านมาพร้อมกับ “เต๋าเต้ย” เจ้าบางแก้วตัวจิ๋วที่หายหน้าไปนานร่วมสองเดือน เหตุการณ์ในบ้านเปลี่ยนแปลงไปหลายอย่าง ผมเริ่มมึนกับชีวิตหลังจากนั้น ช่วยเป็นกำลังใจให้ผมด้วยนะครับ

                                                                    จาก หัวโต จิ๊กโก๋เฒ่า



หน้า: (หน้าก่อน)   1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18 ...61   (ต่อไป)