แม่กี๋จัดเวลาให้ทั้งสองตัวได้อยู่ร่วมกันในวันแรกที่เต๋าเต้ยกลับมาอยู่บ้านมหาชัย ช่วงหัวค่ำทั้งคู่จึงได้เข้ามาอยู่ในบ้าน โดยมีแม่กี๋คอยนั่งสังเกตว่าหมาสองตัวจะปรับตัวเข้าหากันอย่างไร? เต๋าเต้ยซึ่งกำลังอยู่ในช่วงพัฒนาทักษะการเข้าสังคมกับหมาอื่น บวกกับประสบการณ์ครั้งล่าสุดกับเพื่อนหมาตัวแรก ปลาทู..ชิสุห์เพื่อนรักรุ่นเดียวกัน ถึงแม้นว่าเต๋าเต้ยจะถูกปลาทูขู่เอาบ้าง เพราะฉุนจัดที่โดนเต๋าเต้ยหยอกแรงไปนิด แต่เต๋าเต้ยก็ยอมลงทุนงอนง้อขอเล่นด้วยกันใหม่ได้ทุกครั้ง เต๋าเต้ยไม่เคยก้าวร้าวเช่น คำรามหรือกัดกับปลาทูเลยแม้นแต่ครั้งเดียว เต๋าเต้ยจะวิ่งวนไปรอบๆโฉบเข้าไปใกล้ๆแล้วถอยหนีออกมา เพื่อยั่วเย้าให้ปลาทูกระโจนเข้าหาและทำเสียงแว้ดๆ และเต๋าเต้ยกลับเห็นว่าการแสดงความดุดันของปลาทูเป็นเรื่องที่น่าขบขัน นับได้ว่าเป็นความสำเร็จครั้งแรกของเต๋าเต้ย ในเรื่องการเรียนรู้เรื่องการเป็นมิตรกับหมาอื่น เมื่อได้พบกับหัวโตเกลอเก่าที่เคยเล่นกัน เต๋าเต้ยจำหัวโตได้ในทันที แสดงอาการดีอกดีใจ วิ่งเข้าไปอยู่ใกล้ๆ กระโดดโลดเต้น ชวนเล่นเหมือนเคยปฏิบัติต่อปลาทู แต่หัวโตหมาที่เต๋าเต้ยกำลังหมายมั่นปั้นมือขอเป็นเพื่อนเล่น มีปฏิกิริยาตอบกลับทางด้านลบ แยกเขี้ยวทำตาลุกวาว เมื่อเต๋าเต้ยเดินผ่านหรือเข้าไปใกล้ๆ หัวโตจะส่งเสียงขู่คำรามดังลั่น พอเผลอเข้าไปถูกเนื้อต้องตัว หัวโตจะมีอาการหงุดหงิดและเข้าจู่โจมงับคอ ยืนคร่อมบนตัวเต๋าเต้ย ซึ่งในขณะนั้นตัวเล็กกว่ามาก ส่วนเต๋าเต้ยก็ไม่ลังเลที่จะตอบโต้ด้วยสัญชาตญาณ หมาไม่ยอมหมาเช่นกัน เกิดเหตุการณ์ชุลมุนกันยกใหญ่ ระยะแรกๆแม่กี๋ทำตัวเป็นกรรมการคอยควักใบแดง ไล่ทั้งคู่ออกนอกสังเวียน ซึ่งก็ได้ผลดีแต่พอเวลาล่วงเลยไป เสียงกรรมการกลายเป็นเสียงเชียร์ ยิ่งว่าเหมือนยิ่งยุ....กัดกันมันหยดติ๋งๆๆ โชคดีที่เป็นแค่ ศึกน้ำลาย ไร้โลหิต ประสบการณ์การเข้าสังคมของเต๋าเต้ยที่ได้รับจากหัวโตจึงเป็นเรื่องที่เลวร้าย เพราะเต๋าเต้ยถูกปฎิเสธการเข้าสังคมจากสมาชิกที่อยู่ในฝูง อาศัยอยู่ในรังและมีจ่าฝูงตัว (คน) เดียวกัน รูปแบบการเข้าสังคมที่เต๋าเต้ยได้ตัวอย่างจากหัวโตคือ การเริ่มต้นทำความรู้จักหมาอื่นด้วยความไม่เป็นมิตร จนถึงทุกวันนี้เต๋าเต้ยไม่เคยกระดิกหางเดินเข้าหาหมาแปลกหน้าหรือหมาเพื่อนบ้าน แต่จะหวาดระแวงและระวังตัว พยายามประสานตาระหว่างทำท่าขู่คุกคาม เหล่านี้แสดงให้เห็นว่าเต๋าเต้ยไม่มีทักษะทางสังคมมากพอที่จะอยู่ใกล้กับหมาตัวอื่น สาเหตุเกิดจากเต๋าเต้ยผูกสัมพันธ์กับหมาตัวอื่นน้อยมาก คือตั้งแต่เล็กจนโตมีแค่หัวโตกับปลาทู และยังมีประสบการณ์การติดต่อที่ไม่ดีกับหัวโตเมื่อตอนยังเป็นหมาเด็ก ในช่วงเวลานั้นแม่กี๋ก็ยังไม่สิ้นหวัง เพราะวันแรกอาจจะยังไม่เข้าเหลี่ยมเข้ามุมกัน รอเวลาให้หัวโตปรับตัวปรับใจสักสองสามวัน เหตุการณ์อาจคลี่คลายไปในทางที่ดี แม่กี๋ยึดคติที่ว่า ...กว่าจะมีหนึ่งมิตร ต้องชิดใกล้ หากทั้งคู่ได้มีเวลาอยู่ด้วยกันและทำความรู้จักกันตามประสาหมามากขึ้น ผลลัพธ์ของการประลองกำลังเพื่อทดสอบความแข็งแกร่งของกันและกัน จะนำมาซึ่งการจัดลำดับของตัวเองในฝูงได้เอง เมื่อแต่ละตัวรู้สถานภาพของตัวเองและไม่ล้ำเส้นกัน เมื่อนั้นการทะเลาะเบาะแว้งจะลดน้อยลง วันนี้ไม่สำเร็จ วันหน้ายังมีเวลาให้ทั้งคู่ได้ใช้ชีวิตอยู่ในรั้วบ้านเดียวกัน นานจนกระทั่งเป็นมิตรกันได้ในที่สุด แม่กี๋แอบมีความหวังลึกๆในใจ แต่แล้วความวัวไม่ทันหาย ความควายก็เข้ามาแทรก เมื่อเต๋าเต้ยกลับมาสร้างเรื่องใหม่ๆ ตบเท้าก้าวเข้ามาอีก นั่นก็คือวีรกรรมในวัยซน ที่สร้างความเสียหายและมีผลกระทบต่อชีวิตประจำวันของหัวโตอย่างไม่มีที่สิ้นสุด มันทำให้หัวโตขุ่นข้องใจเพิ่มมากขึ้น เริ่มตั้งแต่คืนวันแรกที่เข้ามานอนในบ้านด้วยกัน เต๋าเต้ยก็ได้ทำให้หัวโตถูกเนรเทศกระเด็นออกไปนอนนอกบ้านอย่างถาวร วีรกรรมของเต๋าเต้ยในคืนวันแรกที่บ้านมหาชัย เกิดขึ้นเนื่องจากแม่กี๋เข้าใจผิดคิดว่าเต๋าเต้ยโตพอที่อยู่ภายในบ้านโดยไม่ต้องล่ามโซ่ และคุ้นเคยกับการขับถ่ายในถาดที่ลองด้วยกระดาษหนังสือพิมพ์ มาตลอดระยะเวลาสองเดือนที่อยู่เชียงใหม่ แม่กี๋จึงให้เต๋าเต้ยนอนอย่างอิสระในห้องรับแขกชั้นล่างโดยไม่ได้ล่ามโซ่หรือขังกรงแต่อย่างใด วางถาดปูกระดาษหนังสือพิมพ์เอาไว้และ ปล่อยทิ้งให้อยู่กับหัวโตที่นอนอยู่ตรงมุมสบายส่วนตัวที่เดิมในห้องรับแขกชั้นล่าง แม่กี๋นอนเอียงหูฟังเสียงการเคลื่อนไหวชั้นล่าง เมื่อไม่ได้ยินเสียงอะไรผิดปกติ แม่กี๋จึงนอนหลับสนิทไปตลอดทั้งคืน
|