กี๋ ปากอ่าว

หน้า: (หน้าก่อน)   1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18 ...61   (ต่อไป)
โดย กี๋ ปากอ่าว - Wednesday, 6 September 2006, 11:12AM
 

คุณป้อน้องฟ้ามุ่ย และพี่ พายุ วงศ์วายุ ที่คิดถึงแก้มแดง

                                        

                                    ยักคิ้ว แม่กี๋ดีใจที่ได้กลับมาพบกับแฟนๆคลับของสองนักเลงอีกค่ะ สัญญาว่าต่อไปจะขยันให้มากขึ้น เร่งปั่นเรื่องปู่หัวโตกับเต๋าเต้ย ออกมาวิ่งเล่นในชุมชน เหมือนดั่งเก่าก่อน อันที่จริงแม่กี๋อยากเขียนให้ถึงตอนย้ายมาอยู่ท่ายางเสียเร็วๆ เพราะที่นี่มีเรื่องสนุกๆเกิดขึ้นมากมาย แต่ว่ามัวลีลาเก็บของลงกล่องไม่รู้จักเสร็จสักที รถสิบล้อก้อมารอขนอยู่บ้านตั้งนานแล้ว ตอนหน้าย้ายแน่ๆค่ะ........ไปท่ายางกันลูกๆนักเลง..ลุยมารร้ายมารร้าย

                                       น้องฟ้ามุ่ยโตขึ้นมากโขนะคะ ยังไปแอ่วโต้ง ลุยโคลน เล่นน้ำคลองอยู่หรือเปล่าคะ แม่สาวน้อย...จอมแก่นของแม่กี๋ เข้ามาโพสต์รูปเขียนเล่าอัพเดทเรื่องราวลูกสาวหน่อยน้าอาย

                                      พี่พายุและน้องน้ำมนต์...บางแก้วคู่ขวัญอมตะ ที่ว่าพายุกับน้องน้ำมนต์ก็เลยชวนกันทดลองงัดแข้งเรียกน้ำย่อยน่ะ แม่กี๋ว่ากำลังกอดกัน..ฉันรักเธอ มากกว่านะจ้ะ ดูขาหน้าจิโอบเสียแน่น แถมยังซบที่ซอกคอ....ฮู้ๆๆๆจูบ

                                                                                       แม่กี๋เจ้าเก่าจ้าววววตัวตลก



โดย กี๋ ปากอ่าว - Wednesday, 6 September 2006, 11:02AM
 

สวัสดีค่ะ คุณ SANMAI NG 

*เจ้าซันมัยโตแล้วคงเอาลูกหมาตัวใหม่เข้าบ้านไม่ได้แน่ ไม่ไว้ใจครับ* เห็นด้วย

 ค่ะ เช่นเดียวกันกับที่บ้านแม่กี๋ หลังจากเลี้ยงเต๋าเต้ย แม่กี๋ก็ไม่เคยคิดว่าจะเลี้ยงหมาตัวใหม่เพิ่มขึ้นได้อีกเลยค่ะ เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น....

ครั้งแรกลูกหมาขนปุยน่ารัก มุดรั้วเข้ามาวิ่งเล่นในบ้าน เต๋าเต้ยงับทันทีค่ะ แม่กี๋รีบอุ้มเจ้าตัวน้อยหนีคมเขี้ยว ผลคือเจ้าตัวเล็กผู้บุกรุกกัดมือแม่กี๋เลือดซิบๆ โกรธ

ครั้งที่สอง หลายเดือนต่อมา ขออุ้มลูกหมาบางแก้วของเพื่อนบ้าน เต้าเต้ยพยายามจะดมลูกหมาที่มือแม่กี๋ พอปล่อยวางลงบนพิ้น ลองใจเจ้าตัวแสบ (มีแผนว่าเผื่อจะเอาลูกหมามาเล่นยามว่าง) โดยแม่กี๋นั่งประกบอยู่ใกล้ๆ เต๋าเต้ยดมๆๆ หนึ่ง สอง สาม งับเลยค่ะ เป็นรอยถลอกแต่ลูกหมาร้องเสียงดังมากๆเศร้า

เต๋าเต้ยไม่ชอบผู้บุกรุก ที่เป็นสิ่งมีชีวิตทุกประเภทค่ะ สังเกตว่าเวลาพ่อจ๋าจูงไปเดินเที่ยว เห็นลูกหมาก็เฉยๆ บางครั้งเข้ามาชวนเต๋าเต้ยเล่น นอนหงายท้อง เต๋าเต้ยแค่ดม ขู่ในลำคอแล้วเดินหนีไม่ยอมเล่นด้วยเท่านั้น ....เต๋าเต้ยไม่รักเด็กเอาเสียเลยค่ะมารร้าย

 เจ้าซันมัยไม่ชอบผู้บุกรุกเหมือนกันเหรอคะ?


โดย กี๋ ปากอ่าว - Wednesday, 6 September 2006, 10:56AM
 

สวัสดีค่ะคุณสมเกียรติ ยิ้ม

                              รู้สึกเป็นเกียรติมากค่ะ ที่เรื่องของสองนักเลง จะเข้าไปมีส่วนในการพิจารณาในเรื่องการเลี้ยงดูเด็กๆบางแก้วในบ้าน แม่กี๋ขอเรียนว่า นู๋ ๆบางแก้วแต่ละตัว มีนิสัยที่แตกต่างกันไปและวิธีการเลี้ยงดูของป้อและแม่ก็มีผลกับเด็กๆอย่างยิ่ง

                               น้องมังคุดและน้องแตงโม เลี้ยงโตมาพร้อมๆกัน เขาจะจัดลำดับชั้นกันเองค่ะ ไม่น่าจะมีปัญหา เหมือนน้องหมาบางแก้วข้างบ้านแม่กี๋ เป็นพี่น้องกันค่ะ ตอนสองสามเดือนแรกเล่นกัน พอเผลออารมณ์บูดก็กัดกันเข้าจริงๆ แต่ตัวเมียจะอยู่คร่อมข้างบนเสมอ ส่วนตัวผู้ชอบนอนหงายท้องยอมแพ้ พฤติกรรมของลำดับชั้นในฝูงถูกจัดอย่างชัดเจน ตอนนี้อายุ 7-8 เดือนแล้วค่ะ เวลาให้ของกิน เจ้าตัวเมียจะกินก่อน ตัวผู้ยืนห่างๆไม่กล้าเข้ามากิน หรือแม้นแต่ยื่นให้ตรงๆยังไม่กล้าคาบไปกินเลยนะคะ แต่เรื่องของโกโก้แม่กี๋ก็ยังสงสัยว่าพอสลับคู่แล้วไม่กัดกัน ถ้าปล่อยพร้อมกันสามตัว โกโก้จะถูกรุมอยู่ตัวเดียว เรื่องนี้แม่กี๋วานผู้รู้ช่วยกรุณาไขข้อข้องใจให้ทีเถิดค่ะ

                                  เลี้ยงบางแก้วบางทีก็ต้องวัดใจกันค่ะ นักเลงเต๋าเนี่ย...แม่กี๋ยื่นแขนให้กัดหลายครั้งแล้วค่ะ พอลืมตัวทำเสียงขู่ แม่กี๋สวนเลย...จะกัดแม่เหรอ แน่ใจนะว่าจะกัดแม่...เอ้ากัด!!! แรกๆจ้องหน้า หลังๆเลียมือ...ขอโทษครับแม่..ผมลืมตัวนึกว่าคนอื่นมีเพื่อนแม่กี๋คนหนึ่งถามว่า แล้วแม่กี๋ไม่กลัวโดนกัดเหรอ? ...โถ...กลัวจิ!! ถามได้กัดฟัน

                                   กรณีหมาบางแก้วข้างบ้านของคุณสมเกียรติ เจ้านี่อาจเป็นหมาที่มีนิสัยขี้ระแวง ถ้าเจ้าของไม่กล้าจับและปล่อยแบบนี้ไปเรื่อยๆ จะเข้าสังคมกับคนในบ้านและหมาอื่นไม่ได้ ถ้ามีนิสัยก้าวร้าวก็จะกัดคนที่เข้าใกล้ แต่ถ้าขี้กลัวก็จะฉี่ราดเวลาถูกจับเนื้อต้องตัว ชอบหนีหลบมุม คุณสมเกียรติ กำลังช่วยปรับพฤติกรรมของเค้าค่ะ ค่อยๆเล่นกับเค้านะคะ จับเบาๆสัมผัสที่สื่อถึงความเป็นมิตร อย่าหักหาญน้ำใจเร็วนัก จะยิ่งตื่นกลัว วันหนึ่งเค้าจะเป็นหมาที่มีสุขภาพจิตดีขึ้นค่ะ

                                หากมีโอกาสพบกันแถว แม่กลอง อย่าลืมทักทายกันบ้างนะคะสับสน


โดย กี๋ ปากอ่าว - Tuesday, 5 September 2006, 07:24PM
 

เมื่อประมวลเหตุการณ์ที่ผ่านมา ความผิดพลาดในการฝึกเข้าสังคมของเต๋าเต้ยได้ก่อตัวขึ้น ตั้งแต่ครั้งที่แม่กี๋นำสองสิงห์ผู้ยิ่งใหญ่มาพบกัน เต๋าเต้ยแสดงพฤติกรรมแย่ๆกับหัวโต ทั้งก้าวร้าวและท้าทาย แย่งชิง ไม่ยอมคารวะอ่อนน้อมถ่อมตน แม้นในขณะนั้นจะอยู่ในสถานะที่ร่างกายแข็งแรงด้อยกว่า หัวโตปฎิเสธการต้อนรับการเข้ามาเป็นสมาชิกฝูงเดียวกันของเต๋าเต้ย  เพราะไม่มีความประทับใจที่ดีในการพบกันตั้งแต่ครั้งแรก

 ประการต่อมา แม่กี๋ส่งเสริมให้มีการประลองกำลัง ด้วยการเสนอ “เกมเล่นผ้า” ส่งเสริมให้เต๋าเต้ยเรียนรู้พฤติกรรมการแย่งชิงสิ่งของกับหมาโต เป็นการกระตุ้นสัญชาตญานที่มีอยู่ในสายเลือดของหมาบางแก้ว การเล่นกันที่ผิดวิธีก่อให้เกิดปัญหาการเล่นที่รุนแรงเกินไป อย่างเช่น เกมการเล่นที่แฝงการแย่งชิงความเป็นใหญ่ หลายครั้งที่เต๋าเต้ยเผลอไปกัดหัวโตคู่แข่งขัน พอหัวโตดุแทนที่จะหมอบ ยอมกลับแผลงฤทธิ์โต้ตอบ จนกลายเป็นเอะอะก้าวร้าว และเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดการต่อสู้กันอย่างรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ กลายเป็นเรื่องที่หยั่งรากฝังลึกในความรู้สึกของหัวโตให้เกิดความเครียดแค้นชิงชังเต๋าเต้ยทวีมากขึ้น

ยิ่งไปกว่านั้นมันยังส่งผลระยะยาว ทำให้เต๋าเต้ย ติดเป็นนิสัยนำไปใช้ประพฤติกับหมาตัวอื่นเมื่อเติบโตขึ้น ไม่รู้จักการวางตัวในสังคมหมา เมื่อพบกับหมาตัวอื่นๆ คอยตั้งหน้าจะเข้าไปราวี ไม่ว่าจะเป็นลูกหมาตัวเล็กๆ หมาเพศเมีย และหมาเพศผู้ ที่ดูเหมือนว่าตัวไหนๆก็ไม่ถูกใจเต๋าเต้ย เผลอไม่ได้เป็นต้องรี่เข้าไปประลองกำลัง ชวนหมาชาวบ้านตีรันฟันแทง  ยกเว้นเจ้าหมาตัวนั้นยอมหมอบ ย่อตัวลง นอนหงายท้อง วิ่งหนีหรือหลบไปอยู่ในที่กำบัง แต่ถ้ามีอาการตอบโต้ท้าทาย เรื่องจะจบลงที่ความรุนแรงสถานเดียว

พอถึงวันนี้แม่กี๋ตระหนักดีแล้วว่าการนำลูกๆบางแก้วเข้าสังคมเป็นเรื่องที่สำคัญในลำดับต้นๆ เพราะ หมาเป็นสัตว์สังคมที่ชอบอยู่รวมกันเป็นฝูง การเล่นที่ไม่รุนแรงและอยู่ภายใต้การควบคุมจะช่วยพัฒนาให้หมาเด็กรู้จักการเข้าสังคมและรู้จักที่จะเป็นเพื่อนกับคนและหมาอื่น เพื่อการเติบโตเป็นหมาที่มีสุขภาพจิตที่ดี ที่สำคัญคือไม่ก่อความวุ่นวายให้เจ้าของในภายหลัง

การฝึกให้หมาเข้าสังคมหมาด้วยกัน ในหนังสือเลี้ยงสัตว์อย่างมี EQ ที่เขียนโดย นายสัตวแพทย์ธานินทร์ สันติวัฒนธรรม ท่านได้เขียนไว้ตอนหนึ่งว่า “วิธีที่ดีที่สุดวิธีหนึ่งในการฝึกมารยาทลูกหมาให้เข้ากับสังคมหมาก็คือ พาลูกหมาไปเล่นกับหมาโต หมาโตส่วนใหญ่จะไม่ทำร้ายลูกหมา อาจแสดงความรำคาญโดยการส่งสัญญาณขู่คำรามเล็กน้อย ซึ่งเท่ากับเป็นการสอนระหว่างหมาด้วยกันว่าสิ่งไหนควร สิ่งไหนไม่ควร ซึ่งเจ้าของควรปล่อยให้หมาใหญ่สอนหมาเด็ก เพราะจะช่วยให้หมาเล็กเรียนรู้ที่จะเป็นหมาใหญ่ที่ดีในอนาคต แต่ต้องอยู่ในสายตาของเจ้าของเสมอ และต้องระมัดระวังหมาใหญ่ที่ดุร้ายโดยเฉพาะตัวที่ชอบทำร้ายลูกหมา ต้องงดอย่าให้เป็นครูสอนลูกหมาโดยเด็ดขาด “

วิธีของท่านได้ตอกย้ำ เรื่อง ระบบอาวุโส ที่แม่กี๋เลือกใช้เป็นวิถีทางการเลี้ยงลูกให้ถูกทาง และได้เขียนไว้ในบทต้นๆเรื่องการเลี้ยงลูกๆบางแก้ว ที่ว่าด้วยการชี้แนะให้หมารุ่นน้องต้องเชื่อฟังหมารุ่นพี่ หรือเมื่อยังเป็นหมาเด็กตัวเล็กนัก ควรต้องอ่อนน้อมยอมคารวะหมาใหญ่รุ่นพี่ มิเช่นนั้นความซ่าเกินวัยจะนำภัยมาสู่ตัวเอง เพราะถ้าหากหมาใหญ่เกิดหงุดหงิดในความล้ำหน้าเสียมารยาทต่อรุ่นพี่ๆ เผลอใจขย้ำยำใหญ่ อาจเกิดอันตรายถึงขั้นบาดเจ็บ พิการ และเสียชีวิต ส่วนเจ้าของเองควรเป็นผู้สังเกตการณ์ที่ดี และเป็นกรรมการที่ทรงไว้ซึ่งความยุติธรรม ไม่เอนเอียงเข้าข้างเจ้าตัวเล็กจนเสียนิสัยกลายเป็นหมาเอาแต่ใจตัวเอง หรือปล่อยให้เจ้าตัวโตข่มขู่เจ้าตัวเล็กจนเสียสุขภาพจิตกลายเป็นหมาขี้ระแวง หรือตกใจกลัวถึงขั้นเป็นโรคสารพัดกลัว เช่น กลัวคน กลัวหมาโต เสียงดังจากประทัด หรือ ฟ้าร้อง เหล่านี้เกิดจากประสบการณ์ไม่ดีในวัยเด็ก และยากที่จะแก้ไขได้ เมื่อหมาโตแล้ว

ขณะนั้นหัวโตอายุล่วงเลยเข้าวัยสิบสองปี ถือว่าเป็นผู้มีอาวุโสสูง มารยาทดียอดเยี่ยม รู้จักการอยู่ร่วมกับสังคมคน และได้เรียนรู้กฎระเบียบต่างๆภายในบ้าน รวมถึงการระวังภัยนอกบ้าน รู้ว่าสิ่งไหนทำได้และสิ่งไหนต้องห้าม ความแสนรู้ของหัวโตสามารถทำให้คนทั้งรักและสงสาร ขณะเดียวกันก็ทำให้คนที่เกลียดหัวโตทั้งเกลียดทั้งกลัว แม่กี๋จึงยินดีมาก หากหัวโตจะเป็นครูผู้สอนมารยาทให้แก่เต๋าเต้ย  แม่กี๋ตั้งความหวังไว้ว่า ถ้าเต๋าเต้ยแสนรู้ได้ครึ่งหนึ่งของหัวโต แม่กี๋จะยินดีปรีดา ซึ่งนั่นก็ต้องขึ้นอยู่กับเต๋าเต้ยที่จะรักดีหามจั่วหรือไม่..? แต่จนแล้วจนรอดเต๋าเต้ยก็ไม่เคยได้หัวโตเป็นครูผู้สอนสั่ง  หนึ่งไม้บรรทัดเป็นระยะห่างอย่างต่ำระหว่างบางแก้วสองวัย เต๋าเต้ยทำได้แค่ ทำตัวเป็นลูกศิษย์นอกห้องเรียน..คอยชะเง้อมองจ้องทำตามแบบอย่างของหัวโต...แบบที่โบราณท่านว่า “ครูพักลักจำ “

ก้าวสำคัญในการเรียนรู้ของเต๋าเต้ยกำลังจะเริ่มขึ้นที่บ้านมหาชัย ทุกบททุกตอนที่เกิดขึ้นต่อจากนี้ ส่งผลให้เกิดเป็นนิสัย ความประพฤติ และตัวตนของเต๋าเต้ยที่เห็นได้ในปัจจุบัน สมาชิกในฝูงที่ประกอบด้วย พ่อจ๋า แม่กี๋ หัวโต และตัวประกอบทั้งคนและหมาที่ทยอยเข้ามามีบทบาทในแต่ละช่วง ล้วนแล้วแต่เป็นผู้ร่วมสร้างเรื่องราวให้น่าขบขัน ชวนคิดและสนุกสนานไปพร้อมๆกัน



โดย กี๋ ปากอ่าว - Tuesday, 5 September 2006, 07:05PM
 

จนกระทั่งรุ่งเช้าแม่กี๋สะดุ้งตื่นเพราะได้ยินหัวโตและเต๋าเต้ยแข่งกันเห่าเสียงดังหนวกหู จึงรีบลงไปตรวจเช็คความเรียบร้อย ภาพที่เห็นคือเต๋าเต้ยกัดหนังสือพิมพ์กระจายเต็มไปทั่วพื้นห้อง ขุดพื้นที่ปูด้วยเสื่อน้ำมันจนขาดกระจุยเป็นหย่อมๆ กัดมุมโซฟาขาดวิ่นหลายจุด ละเลงฉี่และอึดทั้งนอกและในถาด หัวโตกำลังยืนตั้งท่าเห่าเอาเป็นเอาตายอยู่ที่มุมสบายของตัวเอง  ราวกับอยากจะตระโกนร้องเรียกให้แม่กี๋ลงมาดูผลงานอัปยศของเจ้าตัวแสบที่แม่กี๋นำเข้ามาอยู่ร่วมกันในบ้าน

“เต๋าเต้ยทำไมทำแบบนี้ ขุดพื้นห้องทำไม นี่ๆๆๆ กัดเสื่อน้ำมัน กัดโซฟา แล้วนี่กระดาษหนังสือพิมพ์ปูไว้ให้ฉี่ กัดเลอะเทอะเต็มบ้าน เคยฉี่ในถาด แล้วนี่อะไรกัน โอ้ย.. ไม่ต้องเข้ามาอยู่ในบ้านอีกต่อไปแล้ว” แม่กี๋ทำเสียงเข้มเพราะไม่อยากจะเชื่อว่าเต๋าเต้ยจะทำเรื่องวุ่นวายได้ถึงเพียงนี้ จากตอนแรกที่เต๋าเต้ยยืนตัวสั่นเพราะความดีใจ เมื่อเห็นแม่กี๋เดินลงมาจากชั้นบน เนื่องจากยังไม่รู้ตัวว่าผลงานที่ตัวเองทำไว้ตรงหน้า มันเป็นการทำผิดกฎกติกามารยาทของการอยู่ในบ้าน แต่พอได้ยินน้ำเสียงที่ดุดันของแม่กี๋ เต๋าเต้ยเดินถอยหลังกรูด หลบๆเลี่ยงๆ ทำหน้าเด๋อด๋าแสร้งเป็นหมาไร้เดียงสา หมาไม่ได้ตั้งใจ และมีอาการคล้ายจะลังเล สองจิตสองใจว่าควรเข้ามาหาหรือรักษาระยะให้ห่างจากแม่กี๋ เพราะไม่รู้ว่าอะไรกำลังจะเกิดอะไรขึ้น

แม่กี๋ไม่ได้ทำโทษเต๋าเต้ย เพียงแต่ใช้คำพูดพร่ำสอน สลับกับการทำเสียงดุๆ แล้วชี้ไปที่ผลงานชิ้นโบว์แดง แม่กี๋ได้แต่หวังว่าเต๋าเต้ยจะเข้าใจว่าแม่กี๋กำลังพูดถึงเรื่องอะไร การบรรยายบทเรียนของเช้าวันแรกจบลงที่การคาดโทษว่า หากแม่กี๋พบเห็นการกัดสิ่งของในบ้าน ครั้งต่อไปจะต้องมีการลงโทษกันอย่างแน่นอน แต่ในใจลึกๆแม่กี๋นึกตำหนิตัวเองมากกว่า ที่ปล่อยให้เต๋าเต้ยคิดเองในคืนแรกของการเปลี่ยนแปลงสถานที่ๆอยู่ใหม่ เต๋าเต้ยยังไม่คุ้นเคยกับห้องใหม่และ สิ่งของรอบๆตัวที่มีกลิ่นใหม่ๆ ซึ่งมันช่างเย้ายวนใจให้เต๋าเต้ยขุดคุ้ย ค้นหา กัดแทะสำรวจกลิ่น เพื่อหาประสบการณ์ ตามวัยของลูกหมาในช่วงหนึ่งปีแรก แม่กี๋ประเมินบทเรียนที่ได้สั่งสอนเต๋าเต้ยไว้สูงเกินไป แม่กี๋ควรจะรู้ว่าเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงใดๆก็ตาม สำหรับหมามันเป็นเสมือนจุดเริ่มต้นใหม่ของการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆเช่นกัน

คืนนั้นเป็นวันแรกและวันสุดท้ายที่เต๋าเต้ยได้เข้ามานอนในบ้าน และพลอยทำให้หัวโตต้องออกไปนอนนอกบ้านอย่างถาวรอีกด้วย มันอาจจะดูแย่มากสำหรับหัวโต แต่แม่กี๋ต้องการเลี้ยงทั้งคู่อย่างเท่าเทียมกันในทุกๆเรื่อง จะไม่มีทางที่หมาตัวหนึ่งได้นอนในบ้าน ในขณะที่อีกตัวหนึ่งต้องถูกให้นอนนอกบ้าน เพราะมันอาจทำให้เกิดความสับสนในใจหมา แม่กี๋ไม่ชอบการเลี้ยงหมาแบบลำเอียง เพราะหมาในความคิดของแม่กี๋มีหัวใจทุกตัว หมารู้สึกเสียใจ น้อยใจและเศร้าใจเมื่อถูกกระทำ และการให้ความรักที่ไม่ทัดเทียมกันทำให้หมาเกิดความอิจฉา จนเป็นบ่อเกิดแห่งความชิงชังระหว่างหมาที่อยู่ร่วมกันในบ้าน มันจึงไม่ต่างอะไรกับระเบิดเวลาที่พร้อมจะระเบิดได้ทุกเวลาเมื่อมีโอกาส   โดยเฉพาะหมาบางแก้วที่มีนิสัยเรื่องความขี้อิจฉาริษยา หวงของ หวงเจ้าของ หวงอาณาเขตเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ยิ่งต้องควรระมัดระวังมิให้เกิดความเหลื่อมล้ำในการปฎิบัติต่อหมาภายใต้การปกครอง เช่น การแสดงความรัก การให้อาหาร การดุด่า และการทำโทษ ดังนั้นแม้นว่าน้ำหนักความรักจะไม่เท่ากันร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ความยุติธรรมต้องแสดงออกให้ชัดเจน

แม่กี๋เฝ้าถามตัวเองถึง จุดหักเหที่ส่งผลให้เจ้าบางแก้วต่างวัยสองตัวนี้ไม่ต้องมนต์ชะตากัน ทำไมถึงไม่สามารถอยู่รวมกันได้  เหมือนน้ำกับน้ำมันในขวด ที่แม่กี๋จับมาใส่รวมกัน แต่พอพยายามเขย่าเท่าไร มันก็แยกแตกกระจายกันไปคนละทิศละทางอยู่ร่ำไป ทั้งๆที่โดยธรรมชาติแล้ว หมาเป็นสัตว์ที่ชอบอยู่รวมกันเป็นฝูงหรือที่เรียกกันว่า สัตว์สังคม

 ก่อนที่จะนำเต๋าเต้ยมาเลี้ยง แม่กี๋คิดว่าการมีหมามาอยู่ด้วยอีกตัวหนึ่งจะช่วยให้หัวโตไม่เหงาหรือรู้สึกว่าถูกทอดทิ้งเมื่อต้องอยู่ตัวเดียวในบ้าน การมีเพื่อนควรจะช่วยให้หัวโตมีความสุขเพราะการมีกันและกันในยามที่แม่กี๋ผู้เป็นจ่าฝูงไม่อยู่บ้าน แม่กี๋นึกถึงคำพูดที่ว่า “คนเดียวหัวหาย สองคนเพื่อนตาย สามคนกลับบ้านได้” หรือ “รวมกันเราอยู่ แยกกันเราตาย” อะไรเทือกนั้น

น่าเสียดายที่แม่กี๋ไม่ได้ศึกษานิสัยของหมาบางแก้ว ก่อนที่จะเลี้ยงหมาบางแก้วเพศผู้ไว้ในบ้านพร้อมกันถึงสองตัว เพราะการเลี้ยงหมาบางแก้วพร้อมกันหลายตัวไม่ว่าจะเพศใด เจ้าของจำเป็นต้องเข้าใจนิสัยของหมาบางแก้วให้ดีเสียก่อน โดยเฉพาะบางตัวอาจมีนิสัยก้าวร้าวชอบแสดงพฤติกรรมนักรบแย่งชิงความเป็นจ่าฝูง และนิสัยขี้อิจฉา หวงของ ก่อให้เกิดความปวดหัวแก่เจ้าของ แต่ไม่ว่าจะเป็นเหตุบังเอิญหรือโชคชะตา หมาบางแก้วเพศผู้สองตัวของแม่กี๋มีนิสัยเป็น “นักรบ” ทั้งคู่ เต๋าเต้ยฉายแววตั้งแต่ยังเด็ก ส่วนหัวโต ยิ่งแก่ยิ่งเข้ม.....ถึงแม้นหุ่นจะไม่ให้ แต่ใจรัก...การรบ

ดังนั้น การเอาเต๋าเต้ยมาเลี้ยงกลายเป็นความหวังดีที่หัวโตไม่ต้องการ  หัวโตเป็นพระเอกที่ชอบฉายเดี่ยว ต้องการเท่อยู่ในอาณาเขตของตัวเอง ไม่ต้องการนางเอก ไม่ต้องการผู้ช่วย ไม่ต้องการลูกน้องหรือมีการเพิ่มสมาชิกหมาใหม่ในฝูง  หมาบางแก้วแก่ผู้รักสันโดษตัวนี้ชอบที่จะอยู่กับเจ้าของมากกว่าหมาด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นเพราะนิสัยของหัวโตหรือจะเป็นความเคยชินที่ต้องอยู่ตัวเดียวมาเกือบทั้งชีวิตก็ตาม มันก็ทำให้ความตั้งใจของแม่กี๋ที่จะรวมเจ้าบางแก้วสองตัวให้อยู่ด้วยกันอย่างเป็นสุขภายในบ้านต้องล้มเหลวลงอย่างไม่เป็นท่า

 ช่างน่าแปลกใจที่หัวโตไม่ชอบเต๋าเต้ย ทั้งๆที่เต๋าเต้ยมาอยู่กับหัวโตตั้งแต่ยังเป็นหมาเด็ก ช่วงแรกของการพบกันทั้งสองเล่นกันได้อย่างสนุกสนาน แต่ถ้าย้อนกลับไปสังเกตพฤติกรรมการเล่นของทั้งคู่ มันแฝงไปด้วยการประเมินความแข็งแรงและความอ่อนแอของกันและกัน หัวโตต้องการอยู่ในตำแหน่งที่สูงกว่าสมาชิกที่เข้ามาใหม่ ขณะที่เต๋าเต้ย กำลังต้องการประลองกำลังของตัวเองกับหมาในฝูง  กล่าวคือลูกสุนัขเมื่อมีอายุประมาณสองถึงสามเดือน ลูกหมาจะเริ่มแข่งขันเพื่อแย่งของเล่น นอกจากจะสนุกแล้วยังแอบแสดงทักษะความสามารถของตัวเอง ทดสอบกันเองว่าตัวไหนสมควรเป็นผู้นำฝูงหรืออยู่ในลำดับที่สูงกว่า ดังนั้นการประลองกำลังแสดงความเป็นผู้นำจึงเกิดขึ้นตลอดหกเดือนแรกของเต๋าเต้ย ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ โดยมีหัวโตเป็นคู่ประลองวัยดึกอยู่เพียงตัวเดียว การประลองเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไร?

“เกมเล่นผ้า” เป็นเกมที่ทั้งคู่โปรดปราน “เต๋าเต้ยเล่นผ้า พี่โตเล่นผ้า” แม่กี๋จำได้ว่าชอบโยนเศษผ้าขนหนูให้ทั้งสองงับไว้กันคนละข้าง ดึงชักเย่อกัน เสียงคำรามในคอของเจ้าสองตัวดังเบาๆขณะที่กำลังตั้งหน้าตั้งตาดึงผ้าชิ้นนั้นมาเป็นของตัวเอง แม่กี๋ไม่อาจรู้ได้เลยว่าทั้งคู่กำลังประลองกำลังและอยู่ในขั้นตอนของการจัดลำดับสถานภาพในฝูง ทั้งสองสนุกกับการเล่นชักเย่อ พยายามดึงเศษผ้าขนหนูให้หลุดออกจากปากของฝ่ายตรงกันข้ามด้วยการกระตุกแรงๆสองสามครั้งเป็นจังหวะ หนึ่ง...สอง...สาม...ๆๆ สี่ๆๆๆ

การกัดยึดสิ่งของแล้วฉุดกระชากของนั้นออกมาให้ได้ หมาทำเพราะอยากรู้ว่าตัวเองแข็งแรงกว่าคู่แข่งหรือเปล่า หมาที่ชอบเล่นแบบนี้ มักจะเป็นหมาที่มีนิสัยนักเลง ชอบการแย่งชิง  และหมาที่ใจสู้กว่ามักจะชนะแม้จะต้องแข่งขันกับหมาที่มีร่างกายแข็งแรงกว่าก็ตาม แม่กี๋เองยังเคยถูกประลองกำลังทุกครั้งที่อาบน้ำให้หัวโตจนมาถึงเต๋าเต้ย พอเริ่มเช็ดตัว..เกมการเล่นผ้าจะเริ่มขึ้น แม่กี๋จะเล่นด้วยสักพักหนึ่ง ทำเสมือนกับว่ามันเป็นการเล่นเพื่อความสนุกสนาน แต่แม่กี๋จะยุติการเล่นเกมด้วยคำสั่ง “ไม่” แม่กี๋ต้องการเอาชนะเด็กๆบางแก้วด้วย “คำสั่ง” ไม่ใช่การแย่งชิงด้วยกำลังที่เหนือกว่าเพื่อแสดงความเป็นจ่าฝูง แม่กี๋มีเหตุผลที่ซ่อนเร้น ก็โถๆๆใครจะไปกล้าปะทะกันตรงๆ เกิดแม่กี๋แพ้พ่ายเสียเข็มขัดแชมป์ความเป็นเจ้าแห่งสังเวียน จะเรียกคืนกลับมาก็แสนลำบาก อาจต้องยอมตากหน้า ตกที่นั่งเป็นลูกสมุนเจ้านักเลงบางแก้ว โฮ้งเดียว..หันซ้าย...สองโฮ้ง หันขวา สามโฮ้ง...มิต้องตีลังกาหน้าหลัง...แล้วระหว่างบางแก้วสองวัยเกมเล่นผ้าจบลงที่ตรงไหน?

หัวโตเป็นหมาโตที่แข็งแรงกว่าและมีความเป็นจ่าฝูงสูง จากการที่แม่กี๋สังเกตเห็นบรรดาแก๊งเจ้าสุดหล่อและสาวกสาวหลบเข้ามุม ไปกันคนละทิศคนละทางเมื่อเห็นหัวโตวิ่งออกสู่ลานจอดรถหน้าแฟลต อย่างมากเจ้าสุดหล่อก็ส่งเสียงเห่าอยู่บนบันได จะมีก็แต่ “เจ้าแซม หมาเชพเพอด “บ้านตรงกันข้ามที่หัวโตไม่สามารถสู้แรงปะทะเพราะสังขารที่ร่วงโรยและรูปร่างหมาไทยที่เล็กกว่า แต่ก็ยังพยายามท้าทายแสดงความเป็นศัตรูอย่างเด่นชัด หัวโตรู้ตัวว่ากำลังอยู่ในตำแหน่งจ่าฝูงของหมาบริเวณลานจอดรถหน้าแฟลตและครอบครองอาณาเขตในรั้วบ้าน

การที่เต๋าเต้ยสมาชิกหน้าใหม่ตัวจิ๋วไม่ยอมอ่อนข้อ หากหัวโตต้องการอยู่ในลำดับที่สูงกว่าในฝูง และครองตำแหน่งอันดับสองรองจากแม่กี๋ หัวโตก็ต้องปรามเต๋าเต้ยด้วยการแสดงความก้าวร้าวโดยใช้เสียงขู่คำรามดังๆ จนบางครั้งหัวโตต้องถึงขั้นงับเต๋าเต้ยจนร้องเสียงหลง ส่วนเต๋าเต้ยเจ็บจนลืมตัว อีกทั้งไม่กลัวใคร จะทำท่าหมาสู้ แยกเขี้ยวแสดงอาวุธที่มีอยู่ในปากให้เห็นชัดๆ โดยการยกริมฝีปากด้านหน้าขึ้นสูงที่สุดเท่าที่จะทำได้จงใจแสดงความแข็งแกร่ง พร้อมกับกระโจนเข้าไปยืนคร่อมใช้เท้าเล็กๆยันที่คอหัวโต แม่กี๋ต้องรีบดุหัวโต เพราะเกรงว่าจะทำน้องเจ็บเข้าจริงๆ “หัวโตอย่าทำน้อง” “เต๋าเต้ยอย่าทำพี่โต” แม่กี๋ตะหวาดทั้งคู่ เมื่อเห็นว่าชักเริ่มเล่นกันรุนแรง

 แม่กี๋พยายามทำหน้าที่ของจ่าฝูง ชี้แนะพฤติกรรมฝูง ไม่อนุญาตให้ทะเลาะวิวาทกันโดยการออกคำสั่งให้หยุดการกระทำ วันนี้แม่กี๋ปกป้องเต๋าเต้ยที่เป็นลูกหมาตัวเล็กที่อ่อนแอกว่า  และปรามเต๋าเต้ยเผื่อไว้ในวันข้างหน้าไม่ให้ทำร้ายหัวโต ที่กำลังจะมีอายุมากขึ้น หมดเรี่ยวแรงที่จะต่อสู้ป้องกันตัว  ในขณะที่เต๋าเต้ยกำลังเติบโตเป็นหมาโตที่แข็งแรง มีนิสัยห้าวขึ้นทุกวัน

 หลังจากนั้นดูเหมือนว่าหัวโตจะเล่นกับเต๋าเต้ยน้อยลงทุกวัน  เพราะเต๋าเต้ยไม่ได้ลำดับชั้นของตัวเองในฝูงอยู่ต่ำกว่าหัวโตหมาผู้พี่นั่นเอง ด้วยเหตุนี้หัวโตจึงไม่อาจญาติดีเป็นมิตรกับเต๋าเต้ยหมารุ่นน้องผู้ทะเยอทะยาน เรื่องความไม่ลงรอยกันเกิดขึ้นเพราะความไม่ลงตัวกันของการจัดลำดับชั้นในฝูงนั่นเอง 



หน้า: (หน้าก่อน)   1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18 ...61   (ต่อไป)