ข่าวดีและข่าวร้าย ข่าวดีปาฏิหารย์มีจริง หลังจากกลับจากโรงพยาบาลด้วยความท้อแท้สิ้นหวัง เมื่อหนึ่งชีวิตกำลังรอวันตาย จะเป็นเรื่องบังเอิญหรือ หมอให้ยามาดีก็ไม่ทราบได้ หลังจากที่ผมทายาหลวงปู่ที่ขาให้ลัคกี้เลียเช้า-เย็นปรากฏว่า พอตอนเช้าลัคกี้ทานอาหารเองได้ทำให้ผมแปลกใจมาก แต่พอกินไปได้นิด ก็อาเจียนออกหมดผมไปดูอาหารที่อาเจียนออกเห็นขนของลัคกี้ติดออกมาด้วยจำนวนมาก ผมรีบเอาหมูปิ้งมาให้กินอีก 5 ไม้ เพราะแน่ใจว่าที่อาเจียนออกเป็นเพราะว่ามีขนในกระเพราะอาหารทำให้ไม่สามารถย่อยได้ ตอนนั้นผมดีใจมาก ถ้าลัคกี้กินได้ก็มีโอกาสรอดตายแน่ ข่าวร้าย ข้าวปุ้น ภายหลังจากฉีดวัคซีนกระตุ้นหัดแล้ว กลับมาบ้านก็ยังร่าเริงแจ่มใจ ยังซนเหมือนเดิม ทุกครั้งที่ผมกลับถึงบ้านข้าวปุ้นจะวิ่งออกมารับหน้าประตูบ้านด้วยทุกครั้ง วันเสาร์ผมเล่นกับข้าวปุ้นแต่รู้สึกซึมๆ ผมรีบให้อาหารมีนม ไข่หนึ่งฟอง ผสมอาหารเม็ด เค้าก็กินนิดหน่อย ผมพาเข้าบ้านนอน(กรงข้าวปุ้นอยู่ในบ้าน) ก่อนนอนผมพูดกับข้าวปุ้นว่า ข้าวปุ้นเป็นอะไรวันนี้ดูแปลกๆนะเรา งั้นพรุ่งนี้เช้าต้องไปหาหมอนะ ทุกเช้าเมื่อผมลงบันไดบ้านมาก่อนผมจะปรากฏตัวให้ข้าวปุ้นเห็นผมจะเล่นกันทุกวันคือ ผมจะเรียกชื่อ ข้าวปุ้น ข้าวปุ้น ข้าวปุ้น แล้วแอบมองตรงช่องบันไดบ้าน จะเห็นข้าวปุ้นตะเกียก ตะกายกรงไปมา ส่ายหาง ส่ายสายตา มองหาผมด้วยความดีใจ และใจจดใจจ่อทุกครั้ง แล้วผมก็จะค่อยๆ โผ่หน้าออกมาทีละนิดพอเค้าเห็นหน้าเค้าจะหยุดนิ่งแล้วเอียงคอมอง จนกว่าผมจะเรียกชื่ออีกครั้งเค้าก็จะทำท่าโดดไปมาดีใจสุดๆ แล้วผมก็เปิดประตูบ้านเค้าจะวิ่งออกไปฉี่และถ่ายในสถานที่ที่จัดให้นอกบ้านทุกวัน เป็นภาพความรักความผูกพันธุ์ที่ไม่อาจลืมได้ แต่เมื่อเช้าวันอาทิตย์ผมก็ทำเหมือนเช่นเคย เรียกชื่อข้าวปุ้น แต่ทำไม่ข้าวปุ้นนอนแน่นิ่ง ผมใจหายว้าบ รีบเดินเข้าไปหาในใจนึกว่า ข้าวปุ้นต้องไม่สบายแน่จะพาไปหาหมอ เมื่อผมเดินเข้าไปใก้ล เรียกชื่อข้าวปุ้นอีก แต่ก็ยังนอนนิ่งอยู่ผมรีบเปิดกรงเข้าไปจับดู ใจผมแทบสลาย "ข้าวปุ้นตายแล้ว" ผมนั่งกอดข้าวปุ้นอยู่นาน พร้อมกับตระโกนเรียกชื่อข้าวปุ้นดังลั่นบ้าน ตอนนั้นผมทำอะไรไม่ถูกไม่เคยคิดเลยว่าข้าวปุ้นจะมาจากผมไปเร็วแบบกระทันหันแบบนี้ซึมตอนเย็นเช้าตาย ขนาดอยู่ในความดูแลของหมอตลอด ก่อนหน้านี้เป็นปอดบวมอยู่เพราะชอบเล่นน้ำ(ซนมากๆ) ก็รักษาหายแล้ว คงจะเป็นตอนผมไม่อยู่บ้านคงไปแอบเล่นน้ำอีก บวกกับอากาศร้อนจัดแล้วมีฝนตกลงมาด้วย ทำให้ข้าวปุ้นปรับตัวไม่ทัน แต่ถึงอย่างไรผมก็ผิดเองที่ตัดสินใจให้ข้าวปุ่นคนอื่นช้าไปหน่อย ผมมีความรู้สึกอยู่แล้วว่าต้องให้คนอื่นไม่งั้นข้าวปุ้นตายแน่ แต่ผมก็ต้องเอาไปตรวจให้แน่ใจก่อนว่าเขาไม่ติดหัดจากพ่อเขาแน่นอนก่อน เมื่อตรวจแน่นอนแล้ว หมอบอกว่ายังไม่ติดก็กะว่าจะนำไปให้คุณนิวัฒในเย็นวันอาทิตย์นั้น แต่ข้าวปุ้นคงจะไม่อยากไปขอตายอยู่ใกล้ๆ เจ้านายดีกว่า เช้านั้นผมไปทำบุญให้ข้าวปุ้น ขอให้ข้าวปุ้นไปสู่ที่สุขติเถอด วันนั้นผมหดหู่ใจทั้งวันเป็นการตอกยำความคิดว่า"ผมจะไม่เลี้ยงสัตว์ทุกชนิดอีกแล้ว" แต่จะช่วยเหลือสัตว์ทุกชนิดเท่าที่ตัวเองจะทำได้ต่อไป |