ฝากถึงผู้เลี้ยงสุนัขว่า ควรหันมาเลี้ยงสุนัขจรจัด หรือสุนัขพันธุ์ทางของไทยดีกว่า เพราะมันรักเจ้าของ ซื่อสัตย์ ไม่เคยทำร้ายเจ้าของ
โดย Pingpong \(-_-)/ - Thursday, 25 January 2007, 01:20PM
 

มีลูกอ่อนเครียด "เจ๊กิม" เศรษฐินี ด่าเลยชะตาขาด ชูเลี้ยงพันธุ์ไทย
ร็อตไวเลอร์เครียด รุมขย้ำ “เจ๊กิม” เศรษฐีนีนักธุรกิจค้าส่งกระเทียม เจ้าของดับสยองคาบ้าน ตอนแรกตำรวจนึกว่าถูกลูกจ้างชาวพม่ากับพวกรุมฆ่าแล้วหลบหนี แต่ตามจับกุมได้ เค้นสอบปฏิเสธ อ้างหนีเพราะนึกว่าตำรวจแห่มาจับที่สวมบัตรประชาชนปลอมมาทำงาน สุดท้ายความจริงกระจ่าง หลังแพทย์นิติเวชลงความเห็นถูกสุนัขรุมกัดจนตาย ตร.สงสัยดุด่าลูกสนัขจนแม่โกรธเครียดเลยกัดจนเลือดไหลก่อนตัวพ่อช่วยรุมกัดจนตาย “หมออลงกรณ์” เผยหาก “ร็อตไวเลอร์” เครียด ทั้งถูกดุด่า ตวาด หรือหวงลูก อาจคลุ้มคลั่งกัดเจ้าของจนตายได้ ฝากเตือนเลี้ยงหมาไทยจรจัดดีกว่า ซื่อสัตย์ไม่ทำร้ายเจ้าของ

เหตุสุนัขโหดรุมกัดเศรษฐินีเจ้าของดับสยองครั้งนี้ เกิดขึ้นเมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 23 ม.ค. พ.ต.ท.กานต์ ดีมงคล สวส.สภ.อ.ป่าซาง จ.ลำพูน รับแจ้งพบศพบริเวณบ้านเลขที่ 249 หมู่ 1 ต.ม่วงน้อย อ.ป่าซาง จึงรุดไปตรวจสอบพร้อม พ.ต.อ.ชูศักดิ์ เตชะรักษ์พงษ์ ผกก. แพทย์รพ.ป่าซาง และฝ่ายสืบสวน ที่เกิดเหตุเป็นบ้าน 2 ชั้นหลังใหญ่ ตั้งตระหง่านอยู่ในเนื้อที่ 4 ไร่เศษ ด้านหลังเป็นโกดังเก็บพืชผลทางการเกษตร ประตูรั้วหน้าบ้านถูกปิดล็อกเรียบร้อย เจ้าหน้าที่มองผ่านรั้วเข้าไป พบสุนัขพันธุ์ร็อตไวเลอร์ผัวเมียตัวใหญ่ 2 ตัว เดินวนเวียนท่าทางเกรี้ยวกราดอยู่ภายในบ้านส่งเสียงเห่าตลอดเวลา โดยมีลูก ๆ ของมันอีก 3 ตัว เดินอยู่ใกล้ ๆ เจ้าหน้าที่ไม่กล้าผลีผลามเข้าไปเพราะกลัวถูกกัด

สอบสวน น.ส.อรุณี สุรินทะสมบัติ อายุ 56 ปี ซึ่งโทรศัพท์ไปแจ้งตำรวจ ให้การว่า บ้านเกิดเหตุเป็นของ น.ส.นันท์นภัส สุรินทะสมบัติ หรือ “เจ๊กิม” อายุ 53 ปี น้องสาว ซึ่งทำธุรกิจค้าส่งกระเทียมและหัวหอม และรับฝากลำไยอบแห้งของรัฐบาลไว้ในโกดังหลังบ้าน ฐานะ ร่ำรวยจัดอยู่ในขั้นเศรษฐินี ปกติจะพักอยู่กับ    น.ส.บวรรัตน์ สุรินทะสมบัติ อายุ 50 ปี น้องสาวอีกคน และนายวีน ระพีเลิศสวัสดิ์ อายุ 27 ปี คนงานกับภรรยาและน้องเมียของนายวีน แต่ขณะเกิดเหตุ น.ส.บวรรัตน์ เดินทางไปต่างประเทศ ไม่อยู่บ้าน ก่อนเกิดเหตุนัดกับ น.ส. นันท์นภัส แต่โทรศัพท์มาหาที่บ้านกี่ครั้งก็ไม่รับสาย เลยมาหาที่บ้าน และพบ น.ส.นันท์นภัส นอนเสียชีวิตจมกองเลือดอยู่หลังบ้าน ไม่กล้าเข้าไปตรวจสอบในบ้าน เพราะกลัวว่าน้องถูกคนร้ายฆ่าตาย และคนร้ายยังอยู่ในบ้าน จึงแจ้งตำรวจ

ต่อมาเจ้าหน้าที่ให้ น.ส.อรุณี ซึ่งคุ้นเคยกับสุนัขเข้าไปต้อนสุนัขทั้งหมดเข้ากรงขังไว้ โดยรอให้พวกมันอารมณ์สงบลงก่อน ใช้เวลากว่า 1 ชั่วโมงจึงสำเร็จ จากนั้นเข้าไปตรวจสอบบริเวณหลังบ้าน พบภาพสยดสยองเป็นร่างไร้วิญญาณของ   น.ส.นันท์นภัส นอนคว่ำหน้าจมกองเลือดที่แดงฉานอยู่บนพื้น สภาพศพคล้ายถูกฆาตกรรมอย่างโหดเหี้ยม มีบาดแผลคล้ายถูกกรีดเหวอะหวะไปทั้งตัว โดยเฉพาะที่บริเวณศีรษะถูกถลกจนเปิดและแขนที่ถูกของมีคมจนเกือบขาด เสียชีวิตมาแล้วประมาณ 2 ชั่วโมง ผู้ตายสวมเพียงเสื้อยืดสีน้ำตาล และกางเกงในสีขาว ส่วนกางเกงขาสามส่วนกองอยู่ห่างจากศพเล็กน้อย ในที่เกิดเหตุมีไม้กั้นประตูรั้วตกอยู่ เบื้องต้นคาดว่าอาจเป็น 1 ในอาวุธสังหารผู้ตาย จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน

จากการตรวจสอบพบคนงานทั้งหมดหายตัวไป จึงสงสัยว่าอาจร่วมกันลงมือสังหารนายจ้างและหลบหนี เลยกระจายกำลังกันออกตามล่าตัว และสามารถจับกุมตัวนายวีนได้ ขณะหลบซ่อนตัวอยู่สวนลำไย ห่างจากบ้านเกิดเหตุประมาณ 500 เมตร ส่วนภรรยาและน้องเมียของนายวีนยังตามจับกุมไม่ได้ สอบสวนนายวีนให้การปฏิเสธเสียงแข็งว่าไม่ได้ร่วมมือกับภรรยาและน้องเมียสังหารโหดนายจ้าง แต่ที่ต้องหลบหนี เพราะทั้งหมดเป็นชาวพม่า แต่แอบสวมบัตรประจำตัวประชาชนปลอมเป็นคนไทยมาทำงาน ก่อนเกิดเหตุออกมาทำธุระนอกบ้านกันหมด และเห็นตำรวจแห่กันมาที่บ้านนึกว่าจะมาจับกุมเรื่องปลอมบัตรประชาชนหนีมาทำงาน เลยพากันหลบหนี และไม่รู้เรื่องการตายของนายจ้าง

ต่อมาตำรวจส่งศพผู้ตาย ไปให้แพทย์ด้านนิติเวชที่ รพ.มหาราชนครเชียงใหม่ชันสูตร โดยแพทย์ระบุว่า บาดแผลทั้งหมดเกิดจากถูก สุนัขรุมกัดอย่างรุนแรง โดยเฉพาะที่ศีรษะถูกกัดจนหนังศีรษะเปิด ไม่ใช่ถูกฆาตกรรมจากน้ำมือมนุษย์ ตำรวจจึงสันนิษฐานว่าผู้ตายน่าจะถูกสุนัขของตัวเอง ที่เกิดคลุ้มคลั่งรุมกัดจนเสียชีวิต เนื่องจากสุนัขเพศเมียเพิ่งตกลูกออกมา 3 ตัวได้ไม่นานมากนัก ก่อนเกิดเหตุผู้ตายอาจไปทำให้สุนัขตัวแม่เกิดความเครียด หรือไปเล่นกับลูกสุนัขจนแม่มันเกิดหวงลูก เลยกัดผู้ตายจนเลือด   ไหล ก่อนสุนัขตัวพ่อจะช่วยกันรุมกัดจนเสียชีวิตในที่สุด หรือผู้ตายอาจไปดุด่าตวาดลูกสุนัขที่เที่ยว กัดข้าวของบริเวณบ้านเสียหาย จนแม่มันเกิดเครียดกัดทำร้ายเอา โดยขณะเกิดเหตุคนงานทั้งหมดออกไปนอกบ้านเลยไม่รู้เรื่อง 

ด้าน นสพ.อลงกรณ์ มหรรณพ นายสัตวแพทย์ ช่วยราชการสำนักพระราชวัง เปิดเผยว่า สุนัขพันธุ์ร็อตไวเลอร์ ถ้าอยู่ในภาวะเครียด หรือทำให้มันเกิดภาวะเครียด ไม่ว่าจะเป็นการถูกดุด่า ตวาด ตี ถูกให้อดอาหาร ติดสัตว์ หรือมีลูกอ่อน มันก็สามารถกัดเจ้าของได้ โดยเฉพาะหากได้กลิ่นเลือด หรือลิ้นได้สัมผัสรสเค็มของเลือด ก็จะยิ่งบ้าเลือดหรือคลุ้มคลั่ง เนื่องจากสุนัขพวกนี้สายพันธุ์เดิมเป็นสุนัขสำหรับต่อสู้ เฝ้ายาม และล่าสัตว์ เป็นสายเลือดทางยุโรป มีพฤติกรรมก้าวร้าว รุนแรง ถ้ามันกัดเหยื่อ หรือเจ้าของจนล้ม มันจะรู้ทันทีว่าเอาชนะได้ ก็จะยิ่งกัดอย่างรุนแรง ดังนั้นจึงอยากฝากถึงผู้เลี้ยงสุนัขว่า ควรหันมาเลี้ยงสุนัขจรจัด หรือสุนัขพันธุ์ทางของไทยดีกว่า เพราะมันรักเจ้าของ ซื่อสัตย์ ไม่เคยทำร้ายเจ้าของ แม้จะดุด่าเตะต่อยมันยังไง มิหนำซ้ำยังดูแลเลี้ยงง่าย แข็งแรง และมีความต้านทานโรคสูง แค่นำสุนัขจรจัดพวกนี้มาให้สัตวแพทย์รักษา สมัยนี้มียาดี ๆ รักษาไม่นานก็ขนฟูสวยงามหายจากโรค อย่าไปเลี้ยงเลยสุนัขพวกร็อตไวเลอร์ หรือพิตบูลเทอร์เรีย.

http://dailynews.co.th/dailynews/pages/front_th/popup_news/Default.aspx?newsid=115071&newsType=1&template=1

ตอบ: ฝากถึงผู้เลี้ยงสุนัขว่า ควรหันมาเลี้ยงสุนัขจรจัด หรือสุนัขพันธุ์ทางของไทยดีกว่า เพราะมันรักเจ้าของ ซื่อสัตย์ ไม่เคยทำร้ายเจ้าของ
โดย p.t. ระนอง - Thursday, 25 January 2007, 11:05PM
  ที่ระนองก็มีสุนัขพันธุ์นี้ เจ้าของเลี้ยงมาสามปีพร้อมบุตรสาวอายุ6ขวบ อยู่ๆก็กัดลูกสาวของผู้เลี้ยงอาการสาหัสมาก เจ้าของเลยตัดสินใจยิงทิ้ง เจ้าตัวนี้ค่าตัวหลายหมื่นครับเห็นว่าสั่งมาจากเมืองนอกเลยทีเดียว (เหตุเกิดเมื่อเดือนที่แล้วไม่รู้อากาศร้อนไปหรือเปล่า)

Click to enter http://www.bangkaew.com/elearning3

Bangkaew.net and Bangkaew.org are for sale
See details at https://sedo.com/search/?keyword=bangkaew