เมื่อประมวลเหตุการณ์ที่ผ่านมา ความผิดพลาดในการฝึกเข้าสังคมของเต๋าเต้ยได้ก่อตัวขึ้น ตั้งแต่ครั้งที่แม่กี๋นำสองสิงห์ผู้ยิ่งใหญ่มาพบกัน เต๋าเต้ยแสดงพฤติกรรมแย่ๆกับหัวโต ทั้งก้าวร้าวและท้าทาย แย่งชิง ไม่ยอมคารวะอ่อนน้อมถ่อมตน แม้นในขณะนั้นจะอยู่ในสถานะที่ร่างกายแข็งแรงด้อยกว่า หัวโตปฎิเสธการต้อนรับการเข้ามาเป็นสมาชิกฝูงเดียวกันของเต๋าเต้ย เพราะไม่มีความประทับใจที่ดีในการพบกันตั้งแต่ครั้งแรก ประการต่อมา แม่กี๋ส่งเสริมให้มีการประลองกำลัง ด้วยการเสนอ เกมเล่นผ้า ส่งเสริมให้เต๋าเต้ยเรียนรู้พฤติกรรมการแย่งชิงสิ่งของกับหมาโต เป็นการกระตุ้นสัญชาตญานที่มีอยู่ในสายเลือดของหมาบางแก้ว การเล่นกันที่ผิดวิธีก่อให้เกิดปัญหาการเล่นที่รุนแรงเกินไป อย่างเช่น เกมการเล่นที่แฝงการแย่งชิงความเป็นใหญ่ หลายครั้งที่เต๋าเต้ยเผลอไปกัดหัวโตคู่แข่งขัน พอหัวโตดุแทนที่จะหมอบ ยอมกลับแผลงฤทธิ์โต้ตอบ จนกลายเป็นเอะอะก้าวร้าว และเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดการต่อสู้กันอย่างรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ กลายเป็นเรื่องที่หยั่งรากฝังลึกในความรู้สึกของหัวโตให้เกิดความเครียดแค้นชิงชังเต๋าเต้ยทวีมากขึ้น ยิ่งไปกว่านั้นมันยังส่งผลระยะยาว ทำให้เต๋าเต้ย ติดเป็นนิสัยนำไปใช้ประพฤติกับหมาตัวอื่นเมื่อเติบโตขึ้น ไม่รู้จักการวางตัวในสังคมหมา เมื่อพบกับหมาตัวอื่นๆ คอยตั้งหน้าจะเข้าไปราวี ไม่ว่าจะเป็นลูกหมาตัวเล็กๆ หมาเพศเมีย และหมาเพศผู้ ที่ดูเหมือนว่าตัวไหนๆก็ไม่ถูกใจเต๋าเต้ย เผลอไม่ได้เป็นต้องรี่เข้าไปประลองกำลัง ชวนหมาชาวบ้านตีรันฟันแทง ยกเว้นเจ้าหมาตัวนั้นยอมหมอบ ย่อตัวลง นอนหงายท้อง วิ่งหนีหรือหลบไปอยู่ในที่กำบัง แต่ถ้ามีอาการตอบโต้ท้าทาย เรื่องจะจบลงที่ความรุนแรงสถานเดียว พอถึงวันนี้แม่กี๋ตระหนักดีแล้วว่าการนำลูกๆบางแก้วเข้าสังคมเป็นเรื่องที่สำคัญในลำดับต้นๆ เพราะ หมาเป็นสัตว์สังคมที่ชอบอยู่รวมกันเป็นฝูง การเล่นที่ไม่รุนแรงและอยู่ภายใต้การควบคุมจะช่วยพัฒนาให้หมาเด็กรู้จักการเข้าสังคมและรู้จักที่จะเป็นเพื่อนกับคนและหมาอื่น เพื่อการเติบโตเป็นหมาที่มีสุขภาพจิตที่ดี ที่สำคัญคือไม่ก่อความวุ่นวายให้เจ้าของในภายหลัง การฝึกให้หมาเข้าสังคมหมาด้วยกัน ในหนังสือเลี้ยงสัตว์อย่างมี EQ ที่เขียนโดย นายสัตวแพทย์ธานินทร์ สันติวัฒนธรรม ท่านได้เขียนไว้ตอนหนึ่งว่า วิธีที่ดีที่สุดวิธีหนึ่งในการฝึกมารยาทลูกหมาให้เข้ากับสังคมหมาก็คือ พาลูกหมาไปเล่นกับหมาโต หมาโตส่วนใหญ่จะไม่ทำร้ายลูกหมา อาจแสดงความรำคาญโดยการส่งสัญญาณขู่คำรามเล็กน้อย ซึ่งเท่ากับเป็นการสอนระหว่างหมาด้วยกันว่าสิ่งไหนควร สิ่งไหนไม่ควร ซึ่งเจ้าของควรปล่อยให้หมาใหญ่สอนหมาเด็ก เพราะจะช่วยให้หมาเล็กเรียนรู้ที่จะเป็นหมาใหญ่ที่ดีในอนาคต แต่ต้องอยู่ในสายตาของเจ้าของเสมอ และต้องระมัดระวังหมาใหญ่ที่ดุร้ายโดยเฉพาะตัวที่ชอบทำร้ายลูกหมา ต้องงดอย่าให้เป็นครูสอนลูกหมาโดยเด็ดขาด วิธีของท่านได้ตอกย้ำ เรื่อง ระบบอาวุโส ที่แม่กี๋เลือกใช้เป็นวิถีทางการเลี้ยงลูกให้ถูกทาง และได้เขียนไว้ในบทต้นๆเรื่องการเลี้ยงลูกๆบางแก้ว ที่ว่าด้วยการชี้แนะให้หมารุ่นน้องต้องเชื่อฟังหมารุ่นพี่ หรือเมื่อยังเป็นหมาเด็กตัวเล็กนัก ควรต้องอ่อนน้อมยอมคารวะหมาใหญ่รุ่นพี่ มิเช่นนั้นความซ่าเกินวัยจะนำภัยมาสู่ตัวเอง เพราะถ้าหากหมาใหญ่เกิดหงุดหงิดในความล้ำหน้าเสียมารยาทต่อรุ่นพี่ๆ เผลอใจขย้ำยำใหญ่ อาจเกิดอันตรายถึงขั้นบาดเจ็บ พิการ และเสียชีวิต ส่วนเจ้าของเองควรเป็นผู้สังเกตการณ์ที่ดี และเป็นกรรมการที่ทรงไว้ซึ่งความยุติธรรม ไม่เอนเอียงเข้าข้างเจ้าตัวเล็กจนเสียนิสัยกลายเป็นหมาเอาแต่ใจตัวเอง หรือปล่อยให้เจ้าตัวโตข่มขู่เจ้าตัวเล็กจนเสียสุขภาพจิตกลายเป็นหมาขี้ระแวง หรือตกใจกลัวถึงขั้นเป็นโรคสารพัดกลัว เช่น กลัวคน กลัวหมาโต เสียงดังจากประทัด หรือ ฟ้าร้อง เหล่านี้เกิดจากประสบการณ์ไม่ดีในวัยเด็ก และยากที่จะแก้ไขได้ เมื่อหมาโตแล้ว ขณะนั้นหัวโตอายุล่วงเลยเข้าวัยสิบสองปี ถือว่าเป็นผู้มีอาวุโสสูง มารยาทดียอดเยี่ยม รู้จักการอยู่ร่วมกับสังคมคน และได้เรียนรู้กฎระเบียบต่างๆภายในบ้าน รวมถึงการระวังภัยนอกบ้าน รู้ว่าสิ่งไหนทำได้และสิ่งไหนต้องห้าม ความแสนรู้ของหัวโตสามารถทำให้คนทั้งรักและสงสาร ขณะเดียวกันก็ทำให้คนที่เกลียดหัวโตทั้งเกลียดทั้งกลัว แม่กี๋จึงยินดีมาก หากหัวโตจะเป็นครูผู้สอนมารยาทให้แก่เต๋าเต้ย แม่กี๋ตั้งความหวังไว้ว่า ถ้าเต๋าเต้ยแสนรู้ได้ครึ่งหนึ่งของหัวโต แม่กี๋จะยินดีปรีดา ซึ่งนั่นก็ต้องขึ้นอยู่กับเต๋าเต้ยที่จะรักดีหามจั่วหรือไม่..? แต่จนแล้วจนรอดเต๋าเต้ยก็ไม่เคยได้หัวโตเป็นครูผู้สอนสั่ง หนึ่งไม้บรรทัดเป็นระยะห่างอย่างต่ำระหว่างบางแก้วสองวัย เต๋าเต้ยทำได้แค่ ทำตัวเป็นลูกศิษย์นอกห้องเรียน..คอยชะเง้อมองจ้องทำตามแบบอย่างของหัวโต...แบบที่โบราณท่านว่า ครูพักลักจำ ก้าวสำคัญในการเรียนรู้ของเต๋าเต้ยกำลังจะเริ่มขึ้นที่บ้านมหาชัย ทุกบททุกตอนที่เกิดขึ้นต่อจากนี้ ส่งผลให้เกิดเป็นนิสัย ความประพฤติ และตัวตนของเต๋าเต้ยที่เห็นได้ในปัจจุบัน สมาชิกในฝูงที่ประกอบด้วย พ่อจ๋า แม่กี๋ หัวโต และตัวประกอบทั้งคนและหมาที่ทยอยเข้ามามีบทบาทในแต่ละช่วง ล้วนแล้วแต่เป็นผู้ร่วมสร้างเรื่องราวให้น่าขบขัน ชวนคิดและสนุกสนานไปพร้อมๆกัน
|