ใครใจแข็ง ไปดูกระทู้ข้างล่างนี ้หน่อย
โดย Bo (oYo) - Saturday, 9 October 2004, 04:21AM
 
ใครใจแข็ง  ไปดูกระทู้ข้างล่างนี้หน่อย
>> โครงการไปหาหมาท่าแร่ <<
เอารูปออกให้แล้วครับตามคำขอ
แต่ก็ดีใจที่กระทู้นี้   มีส่วนช่วยให้สหายเก่าที่เหนื่อยล้าได้ไปใช้ความรู้ให้เป็นประโยชน์อีกครั้งหนึ่ง   แม้จะไม่ใช่เว็บนี้ก็ตาม
อัพเดท 9 ต.ค 2547   4:22 AM 
ตอบ: ใครใจแข็ง ไปดูกระทู้ข้างล่างนี ้หน่อย
โดย Aey อรทิพา เศรษฐบุตร - Friday, 8 October 2004, 06:32PM
  โห....พูดอย่างนี้ เลยไม่กล้า click เข้าไปดูเลยค่ะ เห็นแค่ภาพที่โพสต์ไว้ก็ใจแป้วแล้ว กรุณาถ่ายทอดมาในกระทู้นี้อย่างคร่าวๆ จะขอบพระคุณอย่างสูงเลยค่ะ
ตอบ: ใครใจแข็ง ไปดูกระทู้ข้างล่างนี ้หน่อย
โดย carnivore ...The Alpha Wolf - Saturday, 9 October 2004, 12:08AM
 

ไม่อยากดูเลย    แต่ก็รับคำท้า...ไปดูมาแล้ว  ไม่น่าดูจริงๆ  อยากให้เอารูปข้างบนนี้ ออกจากหน้าหลัก ของเวบนี้ด้วย  แค่ลิ้งค์ก็พอแล้ว    ไม่งั้นคงต้องเลิกเข้าเวบนี้ไปอีกนาน   เพราะไม่อยากสบตาสองคู่นั้น  แล้วทำให้ต้องจินตนาการถึงเรื่องเลวร้ายที่เขาต้องได้รับ  โดยฝีมือสัตว์ที่เรียกตัวเองว่า คนหรือมนุษย์

สัตว์ประเภทเดียวในโลก  ที่ล่า  และฆ่า  โดยไม่ต้องมีเหตุผลใดๆเลยก็ได้  ฆ่า..แค่เพื่อสนองตัณหา  คือ ความอยาก จะกิน  ,  อยาก จะขาย   ,  อยาก จะได้เงิน  ,  หรือแม้แต่ แค่   อยาก ฆ่า  เล่นเฉยๆ

แค่จับมาขังไว้ก่อนฆ่า  ก็ทารุณพอแล้ว    นี่มันจับมัดขาหน้าไพล่หลังแล้วมัดตัวเป็นปล้องยังกับข้าวต้มมัด   แถมเอากระป๋องสวมปากไว้อีก      ที่เลวร้ายที่สุดคือ    นอกจากคนรักหมากลุ่มเล็กๆที่ออกมาร้องแรกแหกกระเฌอ   เพื่อขอความเมตตาและความเป็นธรรม     ให้ปลดปล่อยหมาตาดำๆเหล่านั้นแล้ว     ก็ไม่มีใครสนใจอยากจะช่วยเหลือ    แม้แต่ฝ่ายศาลฯ  ซึ่งน่าจะ เป็นที่สถิตย์แห่งความยุติธรรมก็ยังสั่งให้ถอนฟ้องและผลักไล่ไสส่งสัตว์น่าสงสารเหล่านั้น   กลับไปลงนรกอีกครั้ง   ทั้งๆที่สามารถจะช่วยชีวิตที่บริสุทธิ์เหล่านั้นได้      

นี่หรือ  ที่เอะอะก็อ้างคำว่า..เมืองไทยเป็นเมืองพุทธ      พวกเด็กนักเรียนเกเร  ยกพวกตีกัน  ทำให้คนบริสุทธิ์ต้องรับเคราะห์  หรือพวกขายยาบ้า  และ ฯลฯ  ...อย่างมากก็ติดคุก    เพราะเมืองไทยเมืองพุทธ   

เห็นรูปที่มันใช้วิธีแขวนคอให้ตาย  หมาหน้าตาเหมือนบางแก้วเลย  แต่เป็นรูปมาจากเกาหลี  ไม่รู้อิมพอร์ทจากเมืองไทยไปหรือเปล่า

ตอบ: ใครใจแข็ง ไปดูกระทู้ข้างล่างนี ้หน่อย
โดย I love Bangkaew - Saturday, 9 October 2004, 06:42AM
  เสียใจเศร้าร้องไห้ร้องไห้
ตอบ: ใครใจแข็ง ไปดูกระทู้ข้างล่างนี ้หน่อย
โดย หมาบางแก้ว return - Friday, 15 October 2004, 09:49AM
 

หัวเราะ สหายที่อ่อนล้า ข้า ฯ ชอบคำนี้มากพี้ลี้

หมาป่าที่ web คุณโป๋ก็ไม่ใช่หมาป่าที่ 1000 trip  และผมก็รู้ว่ามีสหายคนหนึ่งของผมอ่านแล้วก็จะรู้ได้ทันทีว่าเป็นหมาป่าคนล่ะตัวกัน  ถ้าเป็นสหายกัน  ย่อมอ่านสำนวนแล้วเข้าใจกันได้ครับ

ที่ link ให้อ่านเป็นปัญหาทางสังคม ที่ไม่ควรเข้าไปวิพากษ์วิจารณ์ครับ  ถ้าจะโทษต้องโทษที่ชาวบ้าน(ก็พวกเรา ๆ)  คนเลี้ยงที่ขายสุนัข(เห็นค่าเพียงแค่ถัง 2 ใบ) คือเพื่อนส่งเพื่อนไปตาย  โดยไม่คำนึงถึงความผูกพันธ์ที่เลี้ยงหรืออยู่กันมา  ถ้าไม่มีผู้ขายจะมีผู้ซื้อได้ ฤาท่านช่างคิด  นี้คือประเด็นแรกที่เกี่ยวข้องกับความผูกพันธ์ 

ประเด็นที่สอง  คือเรื่องการบริโภค(กินเนื้อสัตว์)  วัฒนธรรม จารีต ประเพณี ฯลฯ นานาจิตตังครับ  อย่าเอาไปรวมกับประเด็นแรกน่ะท่าน   หมาป่าบางตัวไม่กล้าหาญไปแตะต้องปัญหาเหล่านี้หรอกครับ  มันขัดแย้งตัวเองและไม่สอดคล้องกับความเป็นจริงทางธรรมชาติครับ  ผมกินเนื้อ  ชาวบ้านที่เรากล่าวถึงกันก็กินเนื้อ  ไม่ได้ต่างกันหรอกครับ  เพียงแต่บางท่านเหล่านี้ไม่ได้อยู่กับกรรมวิธีการทำให้สัตว์ตายต่างหาก  จึงรับไม่ได้

น่าจะจัด trip ไปดูการฆ่าสุกรหรือการฆ่าโคหรือกระบือบ้างก็ดีน่ะครับ(โรงฆ่าสัตว์เถื่อน)  จะได้เห็นความเป็นจริงกัน จะได้มองปัญหาได้กว้างขึ้น  และยามที่กินเนื้อสัตว์จะได้ไม่โยนบาปไปให้ใครหรือแบ่งแยกเนื้อที่กินกัน   เรามีส่วนส่งและเสริมทำให้สัตว์เหล่านี้ตายด้วยไม่ใช่หรือ ????? เศร้า รองเท้าหนังเอย  กระเป๋าหนังที่สวยสุดหรู เข็มขัดราคาอันแสนแพง ผ้าไหมอันโด่งดัง ล้วนมาจากซาก  ที่ครั้งหนึ่งที่เค้ามีชีวิตไม่ใช่หรือครับ  เป็นการตายเพื่อการดำรงอยู่อีกชีวิตหนึ่งหรือไม่(ทำให้ท้องอิ่มหรือเปล่าเป็นแหล่งโปรตีนราคาถูกหรือไม่ ?)  น่าจะมาเปรียบเทียบกับกรณีนี้ดูด้วย  เพื่อนมนุษย์ทุกเผ่าพันธุ์(ที่มีความแตกต่างจากเรา) โค กระบือ ไก่ เป็ด ฯลฯ ล้วนมีค่าของความมีชีวิตเหมือนกันครับ  ประเด็นนี้จึงจะอ้างสุนัขแต่เพียงอย่างเดียวไม่ได้ครับ 

ขอนอกเรื่องหน่อย  สำหรับข้อกฎหมายในเรื่องสุนัขบางแก้ว   เคยออกความเห็นในกระทู้เก่า ๆ ขอความกรุณาพี่ลี้ลองศึกษาดูหรือถามผู้ที่เกี่ยวข้องนะครับ  เกี่ยวกับร่าง พ.ร.บ. ฉบับนี้ 

http://www.dld.go.th/home/prb/prb.html

ต้องถามผู้รู้จริงครับว่า สุนัขบางแก้วนั้นถือว่าเป็นสัตว์พื้นเมืองหรือไม่ ???  ถ้าใช่จะเข้าข่ายอย่างไรบ้าง  จะมีผลกระทบอย่างไรต่อสังคมที่เกี่ยวข้องกับสุนัขบางแก้วอย่างไร  น่าติดตามครับ

ความคิดเห็นของ  ชื่อหมาป่าจาก web คุณโป๋  ก็ควรอยู่ที่นี่ที่เดียวน่ะครับพี่ลี้  ถ้าจะวิเคราะห์ข้อมูลให้  สามารถให้ข้อมูลได้อีกยืดยาว  มีหลายมิติ(แม้แต่การทำให้สัตว์ตายเพื่อขาย ยังมีวิชาที่เค้าต้องเรียนกัน ฯลฯ)  มารร้ายกลับหลุมเสียทีครับ

พอดีเข้าไปดูใน web ที่พี่ลี้ link ให้ดูและอ่านผ่าน ๆ  ก็ไม่เข้าใจว่า การนำรูปภาพเหล่านี้ขึ้นกระทู้ให้บุคคลทั่วไปได้เห็น  มีประโยชน์อะไร  ไม่คำนึงถึงบ้านเมืองเราหรือ  เป็นหลักฐานได้ง่ายน่ะครับ  ผลเสียที่ตามมากับวงการเลี้ยงสัตว์บ้านเรา  ได้คิดบ้างหรือเปล่า  ถ้ามีการประกาศในเรื่องการกีดกันสินค้าทางการเกษตร ฯ ของเราจากรูปภาพเหล่านี้ล่ะ  ของไม่ดีนำมาอวดทั่วโลกอย่างนี้เศร้าใจแทนครับ  เรื่องการค้ากับความจริงบางอย่างต้องเก็บไว้ครับ  ไม่เข้าใจผู้นำกระทู้แบบนี้มา post จริง ๆ

หมาป่าของมันตรัย

ตอบ: ใครใจแข็ง ไปดูกระทู้ข้างล่างนี ้หน่อย
โดย ทรงกลด สุวานิช - Friday, 15 October 2004, 09:59AM
 

...โดยส่วนตัว ผมชอบความเห็นของคุณ "หมาป่า"(ที่ 1000 tip)มากที่สุด เพราะเขาสามารถแยกแยะในแง่ ความเชื่อหรือค่านิยม กับ ประเด็นทารุณสัตว์ ออกจากกัน 

...โดยส่วนตัวผมเองไม่ชอบพวกทารุณสัตว์หรอก แต่ก็ไม่เห็นด้วยที่ใครจะไปประนามกลุ่มคนที่กินเนื้อสุนัขว่าเป็นคนเลวทราม เพราะพวกนั้นเขาไม่ได้ผูกพันธ์กับสุนัขในแง่เพื่อน เหมือนที่เรากล้ากินเนื้อหมู เนื้อวัว หรือแม้แต่พืช! ฮ่า ตัวอย่างสุดท้ายนี่ไม่ได้ประชดใครนะ  สมมติว่าวันดีคืนดีมีนักมังสวิรัตต์จอมเปิบพิสดารกลุ่มนึง หันมาเปิบกล้วยไม้! โป๊ยเซียน! ว่านสวยงาม! พวกที่นิยมพืชเหล่านี้จะออกมาเต้นผางๆไหม?

...ที่ผมระแวงอีกอย่างก็คือ พรบ.ป้องกันทารุณสัตว์(ที่คนหลายกลุ่มในนั้นกำลังหนุน)นี่แหละ ถ้าระบุไม่ชัด ระวังจะกลายเป็นดาบ 2 คม ตอนนี้เราอาจมองกันแค่ว่า อยากจะช่วยสัตว์(ที่ถูกทารุณจริงๆ)หรือไม่ก็อยากลงโทษพวกซาดิสม์เหล่านั้น  แต่ผลกระทบล่ะ? เดี๋ยวถ้าชาวบ้านล้มวัวกินกันเอง หรือชนไก่ กัดปลา ก็อาจถูกหาว่าทารุณสัตว์? ทั้งที่หลายอย่างมันเป็นวิถีชีวิตประจำวันของเขา คนในเมืองไม่เข้าใจอย่างลึกซึ้งก็เอาค่านิยมตัวเองไปบังคับ...หรือคนเอาหมูป่ามาเลี้ยงในคอกที่มีโคลน ก็อาจถูกหาว่าทารุณ?เพราะจัดสถานที่ไม่สะอาด!? ทั้งที่ปลักโคลนนั้นจำเป็นต่อหมูป่ามาก...

...สวัสดีครับ

ตอบ: ใครใจแข็ง ไปดูกระทู้ข้างล่างนี ้หน่อย
โดย ทรงกลด สุวานิช - Friday, 15 October 2004, 12:44PM
 

ขอเพิ่มเติมอีกสักหน่อย

...อย่าเชื่อคำบอกเล่าจากสมาคมอะไรนั่นไปเสียทุกอย่างนะครับ แม้ว่าหลายคนในสมาคมนั้นจะมีความจริงใจที่อยากช่วยสัตว์จริง แต่บางคนไม่ใช่!

...มีใครบางคนในสมาคมนั้น ชอบไปต่อว่าชาวบ้านที่ ชนไก่ กัดปลา ว่าทารุณสัตว์(ออกรายการถึงลูกถึงคนด้วย)  แต่พอเป็ดไก่หรือนกถูกฆ่าแบบโหดๆ เช่น ฝังทั้งเป็น หมอนั่นกลับหายหัวไปไหน?!? ทั้งที่เป็นการทารุณกว่าหลายเท่า(ทารุณทั้งสัตว์ และละเมิดทรัพย์สินเจ้าของสัตว์)...ส่วนการที่ชาวบ้านชนไก่กันนั้น ไก่หรือปลากัดมันต่อสู้กันด้วยใจ ด้วยสัญชาติญาน พอสู้เสร็จเขาก็เอามารักษาที่บ้าน เหมือนกับนักมวยนั่นแหละ มันต่างกับคำว่า ทารุณ เยอะ...ผมรู้จักกับคนเลี้ยงสัตว์หลายประเภทอยู่พอสมควร ทั้งหมา แมว นก ไก่ชน หรือแม้แต่งู สัตว์ป่าฯลฯ

...การอ้างเรื่องความจำเป็นในการป้องกันโรคระบาด นั้นไม่ใช่ข้ออ้างที่สมเหตุสมผลเสมอไป เพราะไอ้การฆ่าแหลกในรัศมี 3-5 กิโลเมตร ไม่มีประเทศไหนเขาทำกัน อย่างมากก็ฆ่าเฉพาะบ้านที่พบเชื้อ ส่วนบ้านอื่นๆให้เฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด แล้ววิธีฆ่าก็ทุเรศมาก!!!

ตอบ: ใครใจแข็ง ไปดูกระทู้ข้างล่างนี ้หน่อย
โดย ทรงกลด สุวานิช - Friday, 15 October 2004, 07:32PM
 

ความเห็นข้างบน ที่ผมวิจารณ์เรื่องการฆ่าเพื่อป้องกันโรคระบาด ผมหมายความถึงพวกที่ไล่ฆ่าเป็ดไก่ชาวบ้านทิ้งน่ะครับ  ไม่เกี่ยวกับเรื่องตำบลท่าแร่แต่อย่างใด

...555 คุณหมาบางแก้วเขียนได้ตรงใจผมมาก หวังว่าคุณ กับอีกหลายๆท่าน คงจะรู้เท่าทัน ไม่ตกเป็นเหยื่อการชักจูงของอ้ายลูกครึ่งต่างชาติ(ฝรั่งขี้นก)บางคนนะครับหัวเราะ 

ตอบ: ใครใจแข็ง ไปดูกระทู้ข้างล่างนี ้หน่อย
โดย ไตรสิทธิ์ . - Sunday, 17 October 2004, 07:14AM
 

บังเอิญไปพบเว็บไซต์ของ สมาคมพิทักษ์สัตว์ (ไทย) มีเรื่องราวความเป็นมาของหมาท่าแร่โดยละเอียด ขออนุญาตนำบางส่วนมาโพสต์ไว้ รายละเอียดในแง่การดำเนินการขอให้ไปติดตามอ่านในลิงก์ที่ให้ข้างล่าง อ่านแล้วอาจต้องกลับมาคิดทบทวนใหม่ว่า วัฒนธรรมบางอย่างที่สังคมส่วนใหญ่เห็นว่าไม่เหมาะสม อาจจะต้องมีมาตรการจำกัดให้วัฒนธรรมนั้นค่อยๆหมดสิ้นไป ดังเช่นวัฒนธรรมกินหมาก สูบบุหรี่ เป็นต้น ในกรณีฟาร์มหมาเนื้อ ก็อาจตั้งกฏเกณฑ์ที่ไม่เป็นการส่งเสริมจนเกินไป เช่น ให้ทำเพื่อการบริโภคในครัวเรือนที่ท่าแร่เท่านั้น อย่าถึงกับส่งเสริมให้ส่งออกเลย ได้ไหม เพราะ ถ้าเปิดช่องไว้หน่อย พ่อค้าก็จะพยายามหาช่องทางหลีกเลี่ยง กรรมก็จะตกอยู่ที่หมา

ประวัติความเป็นมา

    การฆ่าชำแหละสุนัขและแมวเพื่อการค้าเนื้อและหนัง ในพื้นที่แถบตำบล บ้านท่าแร่ ถนนสายท่าแร่-ศรีสงคราม จังหวัดสกลนคร เป็นเรื่องที่มีมานานแล้วและเป็นที่ทราบกันทั่วไปในท้องถิ่น และแม้จะได้รับการร้องเรียนอยู่เสมอ แต่ไม่ได้รับความสนใจจนสื่อมวลชนต่างประเทศนำไปเปิดเผย
การฆ่าชำแหละสุนัขเพื่อการค้าในประเทศไทยกระทำกันมานานกว่า 15 ปี ส่วนแมวกระทำกันในฟิลิปิน เพิ่งริลองทำในไทยช่วงปี 2539 แต่ไม่เป็นที่นิยม ค่านิยมในการบริโภคเนื้อสุนัขเป็นของชาวไทยเชื้อสายญวน ซึ่งอพยพมาตั้งรกรากในสกลนครเมื่อ พ.ศ. 2427 หรือประมาณ 100 กว่าปีก่อน ต่อมาได้มีผู้นำมาหาประโยชน์ทางการค้า โดยใช้เนื้อสุนัขทดแทนเนื้อโค-กระบือ ราคาเนื้อสุนัข ก.ก. ละ 30 – 40 บาท หากเป็นเนื้อพิเศษ เช่นน่อง จะประมาณ 50- 70 บาท
    การค้าเนื้อสุนัขเคยแพร่มาถึงตลาดในกรุงเทพฯเมื่อประมาณ พ.ศ. 2528 และเมื่อปี 2532 มีรายงานว่าสุนัขบางส่วนได้มาจาก กทม. ต่อเมื่อมีการกวดขันของหน่วยราชการในช่วงนั้นจึงเบาบางลง แต่ก็ไม่ถึงกับเลิกรา ในระดับท้องถิ่นกลับมีการขยายตัวออกไปอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะภาคอีสานอาทิ อุดรธานี หนองคาย และมุกดาหาร ถึงต้นปี 2541 มีรายงานว่ามีรถออกตระเวนรับแลกถังพลาสติกกับสุนัขตามชนบทต่างๆทั่วประเทศ ตั้งแต่จังหวัดเชียงรายในภาคเหนือถึงสุราษฎรธานีในภาคใต้ และยังคงมีศูนย์รวมอยู่ที่ บ้านท่าแร่ จ. สกลนคร โดยทำเป็นกึ่งอุตสาหะกรรมพื้นบ้านซึ่งใช้ทั้ง เนื้อ หนัง เครื่องใน และกระดูก
    ทุกต้นสัปดาห์จะมีผู้ค้าประมาณ 40 รายนำรถกระบะซึ่งดัดแปลงเป็นกรงตระเวนรับแลก เมื่อได้สุนัขประมาณ 50 ตัวก็จะกลับท่าแร่และนำไปขังรวมกันประมาณ 4-5 วัน ในคอกไม้ที่ปิดทึบเพื่อไม่ให้สะดุดตา จากนั้นจึงจะนำไปทำการฆ่าชำแหละในโรงงานซึ่งก่อสร้างแบบง่ายๆและห่างไกลฝูงชน วิธีการฆ่าใช้ไม้หรือท่อประปาฟาดหัว แล้วจึงแยกเนื้อหนังและกระดูกออกจากกัน หนังจะถูกนำไปคลุกเกลือกันเน่าเพื่อส่งออกยังลูกค้าใน ญี่ปุ่น เกาหลี ไต้หวัน และเวียดนาม ซึ่งใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตสินค้าเครื่องหนัง อาทิ กลอง ถุงมือ กระเป๋า สายนาฬิกา และส่วนประกอบของเสื้อผ้า เป็นต้น ราคาหนังสุนัขผืนละประมาณ 40 – 120 บาทขึ้นอยู่กับขนาด
    กระบวนการดังกล่าวได้ถูกนำไปทำเป็นบทความและสารคดีเผยแพร่ทั้งในยุโรปและอเมริกา พร้อมด้วยภาพถ่ายการฆ่าสุนัขในโรงงานอย่างละเอียด จนมีการร้องเรียนผ่านสถานทฑูตไทยในประเทศต่างๆอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เดือนกันยายน 2538
    จวบเดือนกุมภาพันธ์ 2539 สื่อมวลชนต่างๆในประเทศได้เสนอข่าวการฆ่าแมวต่อสาธารณชน และมีหลายหน่วยงานออกมาแสดงความคิดเห็น แต่นายแก้ว ควรเมตตา ผู้ให้ข่าว กลับปฏิเสธว่าเพียงเคยรับจ้างฆ่าแมวและส่งหนังให้มารดาซึ่งมีอาชีพฆ่าสุนัข แต่ได้เลิกกระทำมานานแล้วตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2538 ซึ่งข้อ ปฏิเสธดังกล่าวไม่ตรงกับข้อมูลที่ได้รับ จึงได้มีการตรวจสอบและได้ข้อเท็จจริงว่า มีการนำแมวและสุนัขมาฆ่าด้วยวิธีการอันทารุณเพื่อประโยชน์ทางการค้าจริง โดยทำกับสุนัขมาอย่างต่อเนื่องและเปิดเผยมากว่า 10 ปีแล้ว สำหรับแมวเพียงเป็นการทดลองตลาดเท่านั้น เช่น เนื้อทำเป็นข้าวต้ม เท้าทำเป็นพวงกุญแจ และหัวกะโหลกทำเป็นที่เขี่ยบุหรี่ เป็นต้น
    การค้าแมวและสุนัขในลักษณะดังกล่าว ได้นำความเสื่อมเสียมาสู่ภาพพจน์ของประเทศอย่างมาก ทั้งยังกระทำด้วยวิธีการอันทารุณ ถือว่ามีความผิดตามกฎหมายอาญา มาตรา 381 ซึ่งระบุว่า “ผู้ใดกระทำการทารุณสัตว์ หรือฆ่าสัตว์ โดยให้ได้รับความทุกขเวทนาอันไม่จำเป็น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ......”

รถรับส่งชีวิตเจ้าหมาน้อย

รับกลับมาจนเต็มคันรถ

คอกขังสุนัข

ดูรายละเอียดต่อได้ที่ http://www.thaiaga.org/Thai_Dog%20Slaughterhouse.htm

ตอบ: ใครใจแข็ง ไปดูกระทู้ข้างล่างนี ้หน่อย
โดย ทรงกลด สุวานิช - Saturday, 16 October 2004, 11:08PM
 

เรียนคุณวิเชียรที่เคารพ

...กระผมไปอ่านข้อมูลเกี่ยวกับ พ.ร.บ.ทารุณสัตว์ ที่เวบนั้นมาแล้ว รู้สึกสยองไม่ต่างกับที่เห็นภาพหมาโดนทารุณ...สยองเรื่องอะไร จะเล่าเป็นฉากๆนะครับ

3. ใช้ยา หรือสารอันตรายต่อสัตว์ ซึ่งมีผลทำให้สัตว์เกิดอันตรายต่อร่างกายหรือจิตใจ หรือทำให้สัตว์ต้องทุกข์ทรมาน

6. นำสัตว์ที่เป็นอริกันไว้ในที่เดียวกัน

13. นำสัตว์มาต่อสู้หรือประลองกำลังกัน โดยไม่ได้รับอนุญาตถูกต้องตามกฎหมาย

...พวกคนเหล่านี้มีความรู้เรื่องสัตว์แต่ละชนิดกว้างขวางแค่ไหนกัน! และเข้าใจธรรมชาติดีพอไหม? อย่างกฏข้อสาม ถ้าสัตวแพทย์มีความจำเป็นต้องใช้ยาแรง หรือต้องผ่าตัดสัตว์เพื่อการรักษา จะมีโอกาสถูกพวกที่ไม่รู้(แต่ชอบมาชี้) รวมถึงพวกที่เคยขัดแย้งกับเขา(สัตวแพทย์)หาเรื่องเอาไปฟ้องร้องหรือไม่ จริงอยู่ที่ทางกฏหมายสามารถชี้แจงได้ แต่คิดดูสิ ถ้าคุณเป็นสัตวแพทย์ที่ตั้งใจทำงานจริงๆ แต่กลับโดนเล่นแง่แบบนี้ คุณจะอยากทำงานต่อไปอีกไหม? ลำพังเรื่องสิทธิผู้ป่วย(ของคน)ก็วุ่นพออยู่แล้วครับ ถ้าสัตวแพทย์คนไหนขาดจรรยาบรรณ สังคมคนเลี้ยงสัตว์จะแอนตี้เขาเอง ไม่ต้องถึงกับเอามาเป็นกฏหมายหรอกครับ

...กฏข้อหก พวกที่เลี้ยงงูหรือสัตว์เลื้อยคลาน ทั้งที่เป็นเอกชน หรือสวนสัตว์ อาจซวยไม่รู้ตัวครับ! เพราะสัตว์เหล่านี้บางชนิดต้องกินเหยื่อเป็นๆ แล้วดูเจตนาคนเลี้ยงเล่า ว่าเขาเป็นพวกซาดิสม์หรือก็เปล่า? หลายคนกำลังศึกษา วิจัย หรือเพาะพันธุ์สัตว์พวกนี้ ซึ่งบางตัวเป็นสัตว์หายาก เพื่อการอนุรักษ์ เหยื่อนั้นก็เพื่อให้มันอยู่รอดและพร้อมจะขยายพันธุ์ได้ ไม่ต่างกับที่สุนัขหรือแมวต้องกินเนื้อปลาเนื้อไก่หรอกครับ เพียงแต่มันฆ่าเสร็จสรรพแปรรูปมาแล้วเท่านั้นเอง 

...กฏข้อ 13 คนเลี้ยงไก่ชน & ปลากัด โดนไปเต็มๆ แต่ความจริงเป็นอย่างไร? ทั้งไก่และปลากัดถูกบังคับให้ต่อสู้กันงั้นหรือ? หลายคนไม่รู้จักธรรมชาติของมันก็ได้แต่เชื่อตามๆกันไป ว่าคนเอามาเคี่ยวเข็ญหรือบังคับ แต่จริงๆแล้วในธรรมชาติมันก็ต่อสู้กันของมันไปเรื่อย เพียงแต่คนทั่วไปไม่มีโอกาสได้เห็นก็เท่านั้น เลยไม่รู้...และจริงๆแล้ว นักเลงไก่หรือนักเลงปลากัดตัวจริง(ย้ำว่าตัวจริง ไม่นับพวกบ้าพนัน) เขามีความผูกพันธ์กับสัตว์เลี้ยงของตัวเองไม่ต่างกับคนเลี้ยงสุนัขหรือแมว เพียงแต่คนนอกไม่เข้าใจพวกเขาเท่านั้น

ตอบ: ใครใจแข็ง ไปดูกระทู้ข้างล่างนี ้หน่อย
โดย ไตรสิทธิ์ . - Sunday, 17 October 2004, 07:13AM
 

ลองไปค้นในพันทิปแล้ว  เจ้าของชื่อ หมาป่า นั้น ท่าจะเป็นคนละคนกับคุณหมาบางแก้วจริงๆ  เพราะคนนั้นเขาชอบดูหนังฟังเพลงเล่นหุ้น   คงจะมาอยู่ในเมืองนานแล้ว โซเชี่ยวไหลเข้ากับสังคมมนุษย์ได้ดี เลยไม่ชอบขุดโพลงอยู่ หัวเราะ  ขออภัยที่ยังรู้จักหมาป่าตัวจริงน้อยไป  http://search.pantip.com/cgi-bin/pantip/scgi?searchid=29262-1097969345&page=1&query=%A8%D2%A1%A4%D8%B3%20%3A%20%CB%C1%D2%BB%E8%D2%20%2D

คุณหมาบางแก้วที่ว่า สุนัขบางแก้วนั้นถือว่าเป็นสัตว์พื้นเมืองหรือไม่ ???  ถ้าใช่จะเข้าข่ายอย่างไรบ้าง  จะมีผลกระทบอย่างไรต่อสังคมที่เกี่ยวข้องกับสุนัขบางแก้วอย่างไร  รู้สึกว่าจะไม่มีใครกล้าตอบ  คงกลัวหน้าแตก  หาว่าไม่รู้จริง  ขออาสาตอบแล้วกันแบบไม่กลัวหน้าแตก   เท่าที่ตรวจสอบดูยังไม่มีที่ไหนที่กล้าฟันธงลงไปว่าสุนัขบางแก้วนั้นถือว่าเป็นสัตว์พื้นเมือง  ถ้าเป็น  ก็คงมีผลกระทบในแง่ดีที่ว่า ใครจะวิจัยพัฒนาสายพันธ์ก็ต้องขออนุญาตกรมปศุสัตว์ก่อนซึ่งคงก่อให้เกิดความวุ่นวายไม่น้อยกับบรีดเดอร์ทั้งมืออาชีพและมือสมัครเล่น

คุณทรงกลด ดูท่าจะเรียนมาในสาขาเดียวกันกับคุณหมาบางแก้ว  ช่วยตอบหน่อยนะครับ  มิฉะนั้น  อาจารย์ท่านไม่ยอมเฉลยสักที

ส่วนความเห็นของคุณทรงกลดข้างต้น เห็นด้วยครับว่าเขาควรหาผู้รู้หลายๆแขนงมาร่วมกันคิด   ยังแปลกใจว่า เขาทำไมไม่กล้าเปิดเผยตัวกรรมการสมาคม

บังเอิญเห็นมี ร่างประกาศกรมปศุสัตว์เรื่อง การคุ้มครองและดูแลสวัสดิภาพสุนัขและแมว http://www.thaiaga.org/Thai%20_%20Cat%20and%20Dog%20Welfare.htm อยู่ด้วย  ซึ่งน่าจะสามารถดำเนินการได้เร็วกว่าการครอบคลุมสัตว์ทุกชนิด  แต่ประเด็นการบริโภคเนื้อที่ท่าแร่ก็ควรมาตรการจำกัดให้วัฒนธรรมนั้นค่อยๆหมดสิ้นไป ดีกว่าไปห้ามทันทีทันใดอย่างที่ผมว่าในความเห็นก่อนหน้า

  

ตอบ: ใครใจแข็ง ไปดูกระทู้ข้างล่างนี ้หน่อย
โดย หมาบางแก้ว return - Sunday, 17 October 2004, 10:47AM
 

ยินดีไม่ต้องเฉลยอะไรหรอกครับพี่ลี้  เพราะกระทู้นี้ให้คะแนนพี่ลี้เต็ม 10 (ในความคิดของผมน่ะครับ)  เพราะมีการให้ข้อมูลทั้ง 2 ด้านเห็นด้วย และ link ที่พี่ลี้แนะนำ  ก็มีข้อมูลข่าวสารที่ดีมากครับ 

เรื่องสัตว์พื้นเมือง  สำหรับสุนัขบางแก้ว  วิเคราะห์อย่างไรก็คงไม่หน้าแตกหรอกครับพี่ลี้  ผมเองก็ยังไม่ทราบจริง ๆ ว่าสุนัขบางแก้วจะเข้าข่ายนี้หรือไม่  ก็เลยนำข่าวสารมาให้พี่ลี้ได้พิจารณาและวิเคราะห์ดู  ดีใจอย่างมากครับที่พี่ลี้ได้อ่านและนำประเด็นสำคัญมาเขียนไว้ เห็นด้วย ให้พวกเราได้อ่านกัน  จะได้รู้ข้อมูลกันก่อนว่าจะมีกฎหมายนี้ออกมาใช้น่ะ  ถึงแม้ตอนนี้จะเป็นแค่ร่าง พ.ร.บ. ก็ตาม  ก็ควรติดตามกันด้วย  คาดว่าถ้ากฎหมายนี้ออกมา  คงมีบัญชีรายชื่อสัตว์พื้นเมืองแนบมาด้วยหรือออกมาตามหลัง  จะเกี่ยวกับสังคมสุนัขบางแก้วอย่างไร  ก็คงต้องศึกษากันดูครับ

"โซเชี่ยวไหลเข้ากับสังคมมนุษย์ได้ดี เลยไม่ชอบขุดโพลงอยู่ หัวเราะ "  ชอบประโยคนี้น่าคิดน่ะพี่ลี้   ในความคิดของข้า ฯ ถือว่าประโยคนี้เป็นตรรกะและประชดประเทียบเปรียบเปรยต่อข้า ฯ น่ะอร่อย   ก็บอกแล้วว่า"อาฮุยหรือแม้แต่แงซายภาคแรก" ก็ล้วนเป็นชาวบ้านป่า  ชอบอยู่กับต้นไม้และภูสูง  นอนตามโพลงหรือถ้ำ  สุนัขบางแก้วหรือหมาบางแก้วก็เป็นเช่นพวกนี้ด้วยมิใช่ฤา  โซเชี่ยวไหลของพวกนี้ถ้าท่านอ่านออก  ท่านจะพบว่าหนักแน่นกว่าสิ่งใด ๆน่ะ  

โพลงสัมผัสแล้วเย็น ดีน่ะท่านพี่ลี้  ไม่ร้อนรุ่ม  นอนท่าสิงห์ โผล่หัวน้อย ๆ ออกมาดูความกว้างของโลกภายนอกสุดลูกหูลูกตา  จินตนาการไปไกลถึงสุดขอบฟ้า เบื่อนักก็หอนมันเสียเลยก็ดีเหมือนกัน  ตกยามฟ้ามืดค่ำ  ก็เดียวดายภายใต้เงาพระจันทร์  ดูหมู่ดาว  แล้วหวลคิดถึงสหายเก่า ๆ  หัวเราะ ช่างเป็นโพลงแห่งเทพนิยายและความฝันดีแท้ ๆ

อาฮุย

Click to enter http://www.bangkaew.com/elearning3

Bangkaew.net and Bangkaew.org are for sale
See details at https://sedo.com/search/?keyword=bangkaew