ตอบ: รักลูกให้ถูกทาง...เมื่อเรื่องเล่า! เรื่องลูก! ถูกบันทึก?
โดย กี๋ ปากอ่าว - Thursday, 23 March 2006, 04:43PM
 

แม่กี๋พยายามหาเหตุผล ว่าทำไมเจ้าของเก่า ถึงทอดทิ้งหมาอย่างหัวโตได้ลงคอ เพราะเมื่อหัวโตมาอยู่กับแม่กี๋ หัวโตทั้งรักทั้งหวงเจ้าของมาก รู้จักประจบประแจง เวลาพูดด้วยหรือตั้งคำถาม จะตอบโต้ด้วยการ ยกไม้ยกมือขึ้น เหมือนเป็นการรับรู้ ชอบเอาตัวเข้ามาเบียดชิด พยายามให้แม่กี๋ได้กอดและลูบไล้ ชอบนอนหมอบอยู่ข้างๆ เวลาเดินออกนอกบ้าน คอยระวังภัย เป็นห่วงไปทุกฝีก้าว พอกลับบ้าน หัวโตจะออกมาแสดงความยินดีปรีดา ต้อนรับประจิ้มประเจ๋อ แล้วหมาที่รักเจ้าของขนาดนี้ จะไม่มีความผูกพันทางใจกับเจ้าของเลยเชียวหรือ? ถ้าหัวโตเป็นหมาพลัดหลง แม่กี๋คงไม่สะท้อนใจถึงเพียงนี้ !!

ในวัยหนุ่มหัวโตอาจเป็นหมาที่ร้ายกาจเอาการ เจ้าของจึงพยายามลดความดุดัน โดยการทำหมัน เพราะเชื่อกันมานมนานว่า หมาที่ตอนแล้วจะเลิกนิสัยดุและ ไม่กัดคนอีก ตอนเด็กๆได้ยินชาวบ้านเล่าว่า เขาต้องตอนหมาตัวผู้ดุๆ โดยใช้หนังยางรัดที่ลูกอัณฑะ จนมันหลุดออกไปทั้งพวง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องจริงหรือหลอกเด็ก แต่ก็ทำให้แม่กี๋จดจำเรื่องเล่าการทารุณกรรมนี้ได้ไม่เคยลืม !!

ฉะนั้นการที่หัวโตผ่านการทำหมันมาแล้ว ย่อมแสดงว่า หัวโตเป็นหมาที่เคยได้รับการดูแลเอาใจใส่มาอย่างดี  หรือว่าการทำหมันจะไม่ได้ผล เจ้าของจึงตัดความยุ่งยาก ด้วยการทิ้งเจ้าตัวปัญหาไว้เบื้องหลัง..

หัวโตเป็นหมาที่ฉลาด พอๆกับหัวแข็งและดื้อรั้น  คงจำเรื่องที่หัวโตกัดมือพี่ชายของคนที่หัวโตไปอยู่กับเขาที่ห้องแถว  เคยทำเสียงขู่จะกัดแม่กี๋  และเมื่อแม่กี๋หยั่งเชิงแกล้งเอาไม้แหย่เข้าใต้ท้องรถ หัวโตงับไม้และส่งเสียงดังมากขึ้น การทำหมันไม่ได้ทำให้หมาตัวนี้เลิกนิสัยดุหรืออย่างไร?


ตอบ: รักลูกให้ถูกทาง...เมื่อเรื่องเล่า! เรื่องลูก! ถูกบันทึก?
โดย กี๋ ปากอ่าว - Thursday, 23 March 2006, 04:49PM
 

แม่กี๋เคยคุยกับสัตวแพทย์ เรื่อง ข้อเท็จจริงที่ว่าหมาตัวผู้ เมื่อทำหมันแล้วจะเลิกดุ จริงหรือ? คุณหมออมยิ้มและแถลงไขว่า นิสัยดั่งเดิม ไม่ได้มลายหายไปไหน นั่นหมายถึง ต่อม..ดุ ยังทำงาน หากได้รับการกระตุ้นจากสิ่งเร้าภายนอก

 กิจกรรมที่เลิกประพฤติคือ ติดสัด ติดสาว ไม่ออกไปเที่ยว ติง..นังๆ ตังนิง  ตามตื้อขอรักจากสาวในบ้าน นอกบ้าน รวมไปถึงพฤติกรรมกวนๆเช่น อาการตะกายรั้ว เจาะรั้ว ปีนรั้ว ไม่ยอมกินข้าว เห่าหอน นอนไม่หลับ หงุดหงิด อารมณ์เสีย พฤติกรรมที่เจ้าของต้องผจญกับมันทุกฤดูกาลรัก จะหายไป

ถึงแม้นว่าหมาสาวๆจะมารวมกลุ่ม ส่งซิกส่งกลิ่น เกาะรั้วส่งเสียงสื่อความหมาย ส่งเอ็สเอ็มเอ็ส หรือ ลงทุนปีนรั้ว หนีออกจากบ้าน มาหาถึงหน้าประตูบ้าน ก็จะไม่ส่งผลใดๆกับหมาหนุ่ม หมาแก่..ชาวขันทีทั้งหลายอย่างแน่นอน

 เมื่อกลายเป็นหมาเรียบร้อย อยู่กับเย้าเฝ้ากับเรือน กินอิ่มหลับสบาย กิจกรรมน้อยลง บางตัวน้ำหนักอาจขึ้นเป็นเงาตามตัว ตัวกลมอุ้ยอ้าย ไม่ค่อยเคลื่อนไหว และเวลาส่วนใหญ่หมดไปกับการนอน

ดังนั้นหมาหนุ่มที่เคยอยู่ไม่ค่อยติดบ้าน ชอบออกเที่ยวตระเวนฉี่ไปทั่ว วันดีคืนดีไปจ๊ะเอ๋กับเจ้าถิ่น เจ้าของกลิ่นเดิม อาจเจอข้อหาท้าทายเจ้าถิ่น  ได้เลือดได้แผลกลับมาฝากเจ้าของ หลบเลียแผลอยู่กับบ้านเป็นพักๆ พอหายก็ออกไปซ่าได้อีก

ยิ่งช่วงติดสัดติดหมาสาว เจ้าหมาหนุ่มจะแกล้งทำเป็น หาทางกลับบ้านมาถูก ลืมประตูทางเข้าบ้านไปเลย เจ้าของต้องชอกช้ำตามหาด้วยความห่วงใย พอได้ตัวมา ก็เนื้อตัวมอมแมม ผอมเหลือแต่ซี่โครง แถมยังส่งสายตาตัดพ้อ..ขังตัว อย่าขังหัวใจดีกว่า...เศร้าจริงๆ ดังนั้นส่วนใหญ่ เจ้าของจึงนิยมใช้วิธีทำหมันเพื่อลดพฤติกรรมติดสัด...จะได้หายซ่า ว่านอนสอนง่ายอยู่กับเย้าเฝ้ากับเรือน

 แม้นว่าตอนพบกัน หัวโตจะผอมเหลือแต่หนังหุ้มกระดูกก็จริง แต่พอมีอาหารการกินอุดมสมบรูณ์ หัวโตกลับกลายเป็นหมาที่กินจุเหมือนหมู ไม่รู้ว่าชดเชยที่เคยอดยากมานานหรือเปล่า น้ำหนักตัวเลยพุ่งพรวดๆ อ้วนขึ้นมากๆในไม่กี่เดือน

การนอนคืองานประจำ ส่วนการออกไปเที่ยวนอกบ้านถือเป็นงานอดิเรก การฉี่ทำเครื่องหมายยังคงดำเนินต่อไป ตามนิสัยหมาตัวผู้  ชอบไล่งับเจ้าสุดหล่อเพราะเห็นเป็นของเล่นยามว่าง แต่ที่แน่ๆ ไม่แยแสหมาสาวตัวไหนๆ ไม่ดมก้นหมาตัวอื่นพิสูจน์กลิ่นของใคร.... เรื่องรักๆใคร่ๆ หัวโตเปรียบเสมือนภูเขาไฟที่ดับสนิท


ตอบ: รักลูกให้ถูกทาง...เมื่อเรื่องเล่า! เรื่องลูก! ถูกบันทึก?
โดย กี๋ ปากอ่าว - Thursday, 23 March 2006, 04:56PM
 

หลังจากแม่กี๋แอบซุ่มมองสาวโรงงานอยู่หลายวัน แม่กี๋ก็สบโอกาสได้เข้าไปชวนคุยเรื่องหมาจรจัดฝูงนั้น เธอเล่าเรียงรายตัวเป็นฉากๆ ดูเธอจะมีความสุขและโปรดปรานการเลี้ยงหมาเป็นที่สุด เธอเลี้ยงหมาของเธอเอง ไว้ที่บ้านอีกหลายตัว จนแม่กี๋วกเข้าเรื่องของหัวโต เธอยิ้มๆและเริ่มเล่าให้ฟัง

“จอมโหดน่าสงสารกว่าหมาตัวอื่นๆ เพราะมันเป็นขี้เรื้อนและมีเห็บหมัดมากผิดปกติหมา ที่เห็นตอนนี้ดีกว่าก่อนเยอะแล้วนะ สี่ห้าปีก่อนไม่มีขนเลย ทั้งตัวมีแต่เห็บตัวอ้วนๆ เกาะเต็มหัวเต็มหู เป็นร้อยๆตัว ฉันพยายามรักษาตามมีตามเกิด ใช้ผงกำมะถัน ทาให้ทั่วตัว พอแผลแห้งขนเริ่มขึ้นก็กลับมาเป็นอีก จนฉันท้อใจ คิดแล้วว่ารักษายังไงก็ไม่หายขาด ได้แต่พยุงให้บรรเทาลงบ้างเท่านั้น “

แม่กี๋ไม่รอช้ารีบซักต่อ “จอมโหดมีชีวิต ความเป็นอยู่อย่างไรบ้างคะ“เธอมองไปที่หมาอีกครั้ง แล้วเล่าต่อ “ฉันให้อาหารหมาพวกนี้ทุกวัน แต่ถ้าฉันไม่อยู่ก็อด หากินเศษอาหารตามถังขยะ วัคซีนไม่มีใครฉีดให้หรอก เวลาไม่สบายมันก็ไปแอบนอน อยู่ใต้ถุนแฟลต บางทีมันหายไปหลายวัน เคยมีคนโทรศัพท์แจ้งให้เทศบาลมาจับ ฉันบอกจอมโหดให้หนีไป จะมีคนมาจับนะ มันก็หายไปสองสามวัน ไม่โผล่หน้าออกมาให้เห็น ไม่รู้ไปซ่อนตัวอยู่ที่ไหน รอดพ้นไปได้ทุกปี หมาหลายตัวถูกจับไป เมื่อก่อนมีมากกว่านี้ ฉันว่าจอมโหดมันแสนรู้นะคุณ”

เธอย่อตัวลงนั่ง ลูบไล้หัวโตที่นอนอยู่ใกล้ๆที่เรายืนคุยกัน “มันเคยถูกรถชนนะ รถคันนั้นชนแล้วลากตัวมันตั้งแต่ปากซอย ยาวมาถึงที่เรายืนอยู่ตรงนี้ ไกลร่วมสิบเมตร มันร้องเสียงดังจนคนแถวนี้ได้ยินกันทั่ว หลังจากโดนชนก็ไม่มีใครเห็นมันหลายวัน จนฉันคิดว่ามันคงตายไปแล้ว แต่มันก็กลับมาอีก มันทรหดสมชื่อ จอมโหด จริงๆ ฉันว่ามันคงได้รับบาดเจ็บมาหลายครั้งหลายหน ฉันจับที่หัวกระโหลกมันนูนๆยุบๆไม่เรียบ ขาหน้าด้านซ้ายมีกระดูกปูด คงเคยหักมาก่อนและไม่ได้รักษา มันเลยคดและปูดอยู่อย่างนั้น ที่โคนหางก็แปลกๆ เหมือนกระดูกไม่เชื่อมต่อกัน มันห้อยๆชอบกล”

เธอหยุดเล่า และล้วงหยิบอาหารเม็ดในถุงหูหิ้ว ที่เธอใช้แบ่งมาจากบ้าน แล้วยื่นให้หัวโต ลุกขึ้นยืนมองหัวโตที่กำลังกินอาหารเม็ด พร้อมกับเล่าต่อ “มันเคยมีเรื่องกับหมาบ้านห้องแถว บ้านผู้หญิงที่ขายปาท่องโก๋นั่นแหละ หมาเค้าก็ เจ้าบูธอันธพาลปากซอยไง เจ้าบูธกัดจอมโหดก่อน พอมันสู้ เจ้าของดันเข้าข้างหมาตัวเอง เข้าร่วมกัดกับหมา ฉันเห็นเขาจับตัวมันเหวี่ยงกระแทกกำแพงบ้านเต็มแรง พอมันตั้งตัวได้ มันกัดขาผู้หญิงคนนั้นจนเย็บตั้งหลายเข็ม บ้านนั้นเกลียดมันเข้าไส้เลยล่ะ”

แม่กี๋และสาวโรงงานได้โคจรมารู้จักกัน เพราะหมาจรจัดฝูงนี้โดยแท้ เวลาคุยกันเราต่างรู้ว่าเราเป็นเพื่อนร่วมเส้นทางเดินเดียวกัน เส้นทางของ “คนรักหมา”

 แม่กี๋ชื่นชมและซึ้งใจ ในความเมตตาที่เธอมีต่อหมาจรจัดเหล่านั้นมานานแรมปี ด้วยน้ำใสใจจริงที่หาได้ยากในสังคมปัจจุบัน ขอให้ผลบุญนี้ส่งให้เธอมีชีวิตที่ดี ประสบแต่ความสุขความเจริญตลอดไป....แด่สาวโรงงาน แม่พระของหมาจรจัด ณ.แฟลตแห่งหนึ่งในอำเภอมหาชัย

เรื่องเล่าจากปากสาวโรงงาน ได้ตอบคำถามที่ค้างในใจแม่กี๋มานาน เหตุใด?หัวโตถึงตกใจกลัวเสียงรถและเสียงเครื่องยนต์!! และเหตุใด? หัวโตถึงเกลียดและกลัว ระแวงระวังหมาอื่น และมนุษย์!!

เรื่องเก่าแต่หนหลัง ของอดีตหมาจรจัด ที่ต้องฟันฝ่าอุปสรรค ผ่านศัตรูชีวิตมาแล้วหลายรูปแบบ หากหัวโตพูดได้เราคงได้บทเรียนจากการต่อสู้ของหมาตัวนี้อีกมากมาย แต่เท่าที่ทำได้ก็แค่จับต้นชนปลายเรื่องราว นำมาถ่ายทอดเป็นอนุทินเรื่องเล่า..เรื่องลูก เพื่อเป็นอนุสรณ์ มอบแด่หมาจรจัดผู้ร้าวรานทุกตัวในโลกใบนี้


ตอบ: รักลูกให้ถูกทาง...เมื่อเรื่องเล่า! เรื่องลูก! ถูกบันทึก?
โดย กี๋ ปากอ่าว - Thursday, 23 March 2006, 05:34PM
 

สวัสดีค่ะ ป๊าป๋าน้องฟ้ามุ่ย ไม่ได้คุยกันนาน น้องฟ้ามุ่ยคงโตขึ้นอีกโข ขนาดน้องใบเตยที่ชอบมรกตเขียวเหมือนกัน ตอนนี้ยืดตัวไม่ปุ๊กลุ๊กแล้วล่ะค่ะ โพสต์รูปน้องฟ้ามุ่ย มาให้ชมหน่อยน้า จะได้เห็นการพัฒนาการของน้องหนู

เรื่องเล่าของแม่กี๋ก็ว่าไปเรื่อยๆ ทิ้งห่างไปบ้างกลัวสมาชิกเบื่อน่ะ แต่ก็อยากเข้าโพสต์ให้คนชอบอ่านเรื่อยาวๆ ได้อ่านไปเรื่อยๆ เหมือนเรื่องนิยายรัก ในหนังสือสกุลไทยรายสัปดาห์ไง..คิกๆๆเจ้าๆๆ

ตอบ: รักลูกให้ถูกทาง...เมื่อเรื่องเล่า! เรื่องลูก! ถูกบันทึก?
โดย ยศชัย ชัยพรหมมา - Friday, 24 March 2006, 09:26AM
 

สวัสดีครับคุณกี๋ ระยะหลังงานยุ่งมากครับแต่ก็เข้ามาดูตลอด อยากฝากข้อความมาคุยบ้างแต่สมองมันตื้อไปหมดก็เลยได้แต่เข้ามาอ่าน ว่าแต่แม่ทัพหัวโตกับพลทหารเต๋าเต้ยจัดทัพเสร็จหรือยังครับจะได้ยกพลไปกำหลาบนักเลงเชียงใหม่เสียทีขอฝากพยาบาลฟ้ามุ่ยไปด้วยตัวนะครับจะได้ไปคอยดูแลบรรดาพลทหาร

แล้วนิยายรักฉบับรักลูกใหถูกทาง จะร่ายเสร็จทันหนังสือบางแก้วของเราหรือเปล่าครับ หากได้บรรจุนิยายรักลูกให้ถูกทางลงไปต้องเพิ่มสีสันได้มากเลย

ส่วนฟ้ามุ่ยตอนนี้โตขึ้นเยอะครับอายุจะ 5 เดือนแล้ว น่ารักมากฟังคำสั่งดีค่อนข้างมากดื้อเป็นบางครั้ง แต่เรื่องนั่งไหว้ยังทำไม่ได้เสียทีเพราะคุณเธอเป็นกุลสตรีจะนั่งแต่ละทีต้องนั่งพับเพียบพอยกเท้าหน้าแต่ละทีเป็นอันต้องหงายหลังเลยไม่ได้ฝากรูปมาไหว้สวยๆมาให้แม่กี๋ดูเสียที

ตอบ: รักลูกให้ถูกทาง...เมื่อเรื่องเล่า! เรื่องลูก! ถูกบันทึก?
โดย eve Savangpop - Friday, 24 March 2006, 05:51PM
 

ชีวิตปู่หัวโตนี่ทรหดจังเลยนะคะ  เจออะไรมาเยอะแยะมากมาย  แต่ก็ยังอุตส่าห์สู้ชีวิตมาได้ขนาดนี้  อ่านแล้วอยากจะร้องไห้เลยค่ะเศร้า  ขนาดหมาที่บ้านอีฟเลี้ยงมา  ตีซักแปะก็ยังไม่เคย  อย่างมากก็แค่ดุเสียงดัง  สุดท้ายเจ้าของยังต้องมานั่งจ๋อยทีหลังเลย  เพราะกลัวหมาเสียใจ  อีฟก็คิดอยู่เสมอว่าหมามันก็มีหัวใจ  มีความรู้สึกเหมือนกัน  แล้วหมาแบบปู่หัวโตนี่ยิ่งแล้วใหญ่  ชีวิตไปเจอแต่เรื่องบอบช้ำมาตั้งเยอะ  ทั้งถูกทิ้ง  โดนรถชนโดยขาดคนเหลียวแล  ไหนจะถูกยกพวกรุมอีก  ไม่รู้ว่าเค้าต้องหัวใจสลายมาสักกี่ที  กว่าจะมาเจอความรักที่จริงใจ  ได้มีความสุขกับชีวิตที่ดีอย่างในตอนนี้  สู้ต่อไปนะ~*~ปู่หัวโตยักคิ้ว

ตอบ: รักลูกให้ถูกทาง...เมื่อเรื่องเล่า! เรื่องลูก! ถูกบันทึก?
โดย กี๋ ปากอ่าว - Friday, 24 March 2006, 06:30PM
  สวัสดีค่ะคุณ eve.. วันนี้ชีวิตของปู่หัวโต การเคลื่อนไหวเชื่องช้าลงไปเยอะเลยค่ะ ยืนนานๆไม่ได้ สิ่งที่กลัวที่สุดก็คือ วันหนึ่งหัวโตจะจำแม่กี๋ไม่ได้...ตามอายุที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วทุกนาที
ตอบ: รักลูกให้ถูกทาง...เมื่อเรื่องเล่า! เรื่องลูก! ถูกบันทึก?
โดย eve Savangpop - Friday, 24 March 2006, 07:06PM
 

อ๋า........ดูท่าปู่หัวโตคงจะเข้าช่วงหมาผู้สูงอายุซะจริงๆ แล้วนะคะ  แต่อย่าห่วงไปเลยค่ะและถึงแม้ว่าวันนึงปู่หัวโตจะต้องหลงๆ ลืม  ทำอะไรงกๆ เงิ่นๆ นั่นก็เป็นเพียงเพราะร่างกายที่เสื่อมโทรมไปตามวัย  แต่อีฟเชื่อค่ะว่า  ในหัวใจที่มีความรักให้แม่กี๋ของปู่หัวโต  จะไม่เปลี่ยนแปลงไปเหมือนอย่างร่างกายเค้าแน่นอนค่ะสับสน

ที่บ้านคุณยายอีฟก็มีหมาแก่มากๆ อยู่ตัวนึงค่ะ  หูตาฝ้าฟางแล้ว  เดินชนโน่นชนนี่ประจำ  แต่ความจำกะจมูกยังดีค่ะ  เวลาเจ้าของมาทีไร  เค้าจะพยายามวิ่งมารับเสมอ  ถึงแม้จะไม่ค่อยมีแรงและต้องเจ็บตัวระหว่างทางบ้างก็ตาม  นี่นะคะที่เค้าว่า  ความรักในหัวใจที่หมาตัวนึงจะมีให้กับเจ้าของ  มันช่างยิ่งใหญ่เกินตัวเค้าจริงๆ

ตอบ: รักลูกให้ถูกทาง...เมื่อเรื่องเล่า! เรื่องลูก! ถูกบันทึก?
โดย กี๋ ปากอ่าว - Friday, 24 March 2006, 09:41PM
 

ขอบคุณมากๆๆค่ะ... คุณ eve ได้ให้กำลังใจแม่กี๋กองโต งกเงิ่นๆ เดินเตะของ ชนโน้นชนนี่ สะดุดขาตัวเอง วิ่งไล่เต๋าเต้ยแล้วลื่นล้มเอง..นั่นแหละค่ะ..ปู่หัวโตของแม่กี๋

อ้อ!! มีเรื่องน่าชื่นใจอีกเรื่อง..เมื่อสองวันก่อน แม่กี๋แอบหนีไปเที่ยวเมืองกรุงฯ  กลับบ้านดึกโข ปู่หัวโตยืนรอหน้าประตู พร้อมกับกระดิกหาง ต้อนรับดีใจที่แม่กี๋กลับบ้าน ตั้งแต่อยู่ด้วยกันมา..ไม่เคยเลยสักครั้ง..พ่อจ๋ายังร้องจ๊าก..." แม่ๆ หัวโตกระดิกหาง"


ตอบ: รักลูกให้ถูกทาง...เมื่อเรื่องเล่า! เรื่องลูก! ถูกบันทึก?
โดย จิตรใส สิระชัยนันท์ - Friday, 24 March 2006, 09:47PM
 

หางพวงโตของปู่ เวลากระดิกคงเก๋พิลึก กัดฟัน

เรื่องของปู่เนี่ยยิ่งอ่านยิ่งซาหนุก..ซานุ๊ก..ซาหนุก ไม่เบื่อเลยครับ


ตอบ: รักลูกให้ถูกทาง...เมื่อเรื่องเล่า! เรื่องลูก! ถูกบันทึก?
โดย กี๋ ปากอ่าว - Friday, 24 March 2006, 10:45PM
 

แม่โอ๊ตฮับบ..โปรดสังเกตฝีมือกรูมเมอร์คู่แข่งที่น่ากลัวของช่างหนุ่มคนล่าสุด งานตัดแต่งพวงหางของปู่เป็นรูป..?...

สาเหตุเพราะแรงเบ่งอึของปู่ จะแผ่วก่อนถึงเส้นชัย เลยต้องตัดขนที่ย้อยลงมาปิดก้นให้สูงขึ้นไปและโค้งมนเพื่อความจ๊าบ!! ตัดขนรอบๆรูทวารให้โล่งเตียนเป็นวงกลม ดูแล้วก้อโจ๊กดี นี่ใกล้จะต้องตัดอีกครั้งแล้วค่ะ แม่โอ๊ตมีทรงกิ๊บเก๋แนะนำปู่บ้างเป่าฮะ

ตอบ: รักลูกให้ถูกทาง...เมื่อเรื่องเล่า! เรื่องลูก! ถูกบันทึก?
โดย จิตรใส สิระชัยนันท์ - Friday, 24 March 2006, 10:55PM
 

ทรงนี้แหล่ะใช่เลย  อย่าเปลี่ยนเลยครับ

แม่กี๋ทราบมั๊ยครับว่าแม่ผมน่ะเค้าอยากตัดแต่งขนใต้หางให้ผมแบบปู่นี่แหละ

แต่ข้าวตังซะอย่าง  มีหรือจะยอมง่ายๆ ไม่ได้แอ้มผมหรอกครับ

อีกอย่างหางผมก็ไม่สวยแบบปู่ ยิ่งตอนนี้กำลังผลัดขนเล่นเอาหางลีบเลยครับ

แถมหางผมเนี่ยข้อด้อยเลยครับปลายมานตกข้างๆ สะโพกอ่ะครับมานไม่ยอมอยู่กลางหลัง 

ตอบ: รักลูกให้ถูกทาง...เมื่อเรื่องเล่า! เรื่องลูก! ถูกบันทึก?
โดย กี๋ ปากอ่าว - Wednesday, 29 March 2006, 06:20PM
 

 คนที่รักและเลี้ยงหมาบางแก้ว ร้อยทั้งร้อยจะเห็นว่าหมาของตัวเองเป็น “สารพัดช่าง”

ช่างน่ารัก... ดูงดงามทุกท่วงท่า ช่างประจบ... เอาอกเอาใจ คลอเคลียไม่ยอมห่าง ช่างแสนรู้... พูดจาสื่อสารกันได้ ช่างสังเกต... น้ำเสียง สีหน้า ท่าทางและอารมณ์ของเจ้าของ ทำให้เจ้าของมีความสุขทางใจ ยามเมื่อได้คลุกคลีอยู่ใกล้ชิดกัน

ความฉลาดของบางแก้ว ไม่น้อยหน้าหมาพันธุ์อื่น ไม่ว่าจะอยู่ในสถานะนักเรียนของครูฝึกในโรงเรียนฝึกหมา หรือหมากะโปโลของเจ้าของในบ้าน บางแก้วก็สามารถฝึกให้เชื่อฟัง รู้จักระเบียบวินัย สามารถปรับตัวให้เข้ากับสังคมและทำตามคำสั่งได้

ขอเพียงแต่คุณครูและเจ้าของเข้าใจและอดทน ให้อภัยในความซุกซน ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค เท่านี้บางแก้วก็จะเติบโตเป็นหมาบ้านที่ดี น่าประทับใจไม่รู้ลืม

  เจ้าเล่ห์เหลือเฟือ  รู้จักการเอาตัวรอดเป็นยอดดี ระวังภัยตลอดเวลา จนสัตวแพทย์และเจ้าของต้องจับมือกัน หลอกล่อด้วยกลลวง เมื่อถึงคราวต้องจิ้มเข็ม ที่บั้นท้ายของบางแก้ว

บางแก้วชอบทำตัวแปลกๆ ราวกับรู้กำหนดเวลา กิจกรรมประจำวัน เช่น เวลาพาเดินเที่ยว เวลาให้อาหาร จนถึงการนั่งคอยเจ้าของหน้าบ้าน ที่เก่าเวลาเดิม ตรงตามเวลาที่เจ้าของกำลังจะกลับมาถึงบ้านทุกวัน สายตาจดๆจ้องๆ หรือเหม่อมองออกไปที่ถนนหน้าบ้าน นานหลายชั่วโมง เพียงเพื่อ..เฝ้ารอใครสักคนกลับมา

หลายคนอาจมองว่าเป็นเรื่องไร้สาระและ เห็นว่ามันเป็นเรื่องของคนที่หลงใหลเสน่ห์หมาหน้าขน เลยอุปทานเข้าข้างหมาตัวเองไปต่างๆนาๆ  ทำไมคนถึงมีความคิดต่อพฤติกรรมของหมา ต่างมุมมองกันเช่นนั้น?

 คำตอบเรื่องนี้อยู่ที่  “การใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน” ไม่ว่าคนหรือหมา เมื่อตกลงปลงใจ เข้ามาอาศัยอยู่ภายใต้หลังคาบ้าน ชายคาเดียวกัน การหมั่นเอาใจใส่สิ่งมีชีวิตข้างกาย ให้เวลา คอยสังเกต สอบถามสาระทุกข์สุขดิบซึ่งกันและกัน ปฏิบัติดีต่อกันอย่างเสมอต้นเสมอปลาย ผลที่ได้นั้นมีคุณค่าทางใจมหาศาล ซึ่งมันตรงกันข้ามกับคนที่ไม่เคยกระทำ หรือไม่คิดจะกระทำ คนๆนั้นจะไม่มีวันได้รู้แจ้งเห็นจริง ในคุณค่าของการอยู่ร่วมกัน

ความอาทรต่อกันนั้น มีอานุภาพยิ่งใหญ่ สามารถส่งผลเพิ่มพูนความสัมพันธ์ที่ดีงาม นำมาซึ่งความเข้าใจกันอย่างลึกซึ้ง จนถึงวันหนึ่งที่ อาจจะไม่มีความจำเป็น ต้องใช้คำพูดใดๆ นอกจากภาษาใจที่สื่อสารกันได้ด้วยดวงตา....ดวงตาที่เปรียบเสมือนหน้าต่างของหัวใจทุกดวง

แม่กี๋เป็นคนหนึ่งที่หลงเสน่ห์...หมาบางแก้วของตัวเองเข้าอย่างจัง  วันๆแอบจับตามองอิริยาบถต่างๆ ของหัวโต จ้องจับถูก จับผิด ความคิดของลูกวัยดึก มันเป็นวิธีการแก้เหงา คลายเครียด ในเวลาว่างสำหรับแม่กี๋ได้เสมอ และสิ่งที่แม่กี๋ค้นพบคือ..สมองก้อนน้อยๆ ของหมาแก่ตัวนี้ ช่างน่าทึ่ง..เสียเหลือเกิน


ตอบ: รักลูกให้ถูกทาง...เมื่อเรื่องเล่า! เรื่องลูก! ถูกบันทึก?
โดย กี๋ ปากอ่าว - Wednesday, 29 March 2006, 06:28PM
 

แม่กี๋อดไม่ได้ ที่จะนึกถึงเจ้าของเก่าของหัวโต อยากรู้ว่า เขาเลี้ยงดูหัวโตอย่างไร? วัยเด็กของหัวโต รูปร่างหน้าตาและนิสัยเป็นอย่างไร? หรือเป็นหมามาจากจังหวัดไหน?  คนหรือประสบการณ์กันแน่ ที่หล่อหลอมให้หมาตัวนี้..เข้าใจและเรียนรู้การมีชีวิตอยู่ร่วมกับคนอย่างเป็นสุข

หัวโตเข้าใจคำสั่งของแม่กี๋ได้เป็นอย่างดี ทำตามคำสั่งสั้นๆ ง่ายๆได้หลายคำ เช่น นั่ง ยืน ลุกขึ้น เงียบ กินข้าว กินน้ำ นอน  อาบน้ำ สะบัดตัว สวัสดี  .. .

แม่กี๋ได้ใช้คำพูดเหล่านี้สื่อสารระหว่างกัน ตั้งแต่หัวโตมาอยู่ด้วย แน่นอนที่มันไม่ได้เกิดจากการฝึกของแม่กี๋เอง  หากแต่มันติดสมองน้อยๆนั้นมาจากอดีต  จนถึงวันนี้ แม้นสมองจะเสื่อมถอย หัวโตก็ยังจดจำ คำพูดคำสั่งใหม่ๆของแม่กี๋  เช่น ม๊ะ(มาหา)  ป๊ะ(ไปกัน) มาหาแม่ กินขนม ไปเที่ยว เข้าบ้าน ฉีดยา เป็นต้น

แม่กี๋ชอบคุยเล่นๆกับพ่อจ๋าว่า “พ่อจ๋า สงสัยหมาหัวโต ใกล้จะเป็นคนแล้วละมั้ง หมั่นไส้จังเป็นหมาจะรู้อะไรกันนักหนา” แม่กี๋จึงไม่อายที่จะพูดคุยกับหมาของตัวเองในบ้าน หรือพูดทักทายกับหมานอกบ้าน

 “หัวโต...ทำไมไม่กินข้าว แม่เบื่อหัวโตจริงๆ บอกให้กินข้าวก็ไม่กิน เดี๋ยวก็ไม่สบายหรอก พูดไม่รู้เรื่อง” เสียงเข้มๆ ประกอบท่าทางขมึงตึงของแม่กี๋ ทำให้หัวโตเหลือบตามอง แล้วค่อยๆลุกขึ้น เดินไปที่ชามข้าว เริ่มกินไปเรื่อยๆจนหมดชาม ส่วนแม่กี๋ยืนอมยิ้มแก้มตุ่ย ภูมิใจที่หลอกหมาหัวโตได้สำเร็จ ไม่เชื่ออย่าลบหลู่.......ถึงสมองหมา แต่ปัญญาน่ารักเกินบรรยาย

แม้นว่าบ้านพักจะมีบริเวณโดยรอบรวมถึงลานดิน ที่มีหญ้าธรรมชาติเหมาะกับการขับถ่ายของหมา แต่โดยธรรมชาติ หมาเป็นสัตว์รักความสะอาด ไม่ชอบปล่อยของเสียเลอะเทอะ ในที่อยู่ของตัวเอง หัวโตก็เช่นกัน ไม่เคยทำความสกปรกในรั้วบ้าน

บางวันหัวโต แอบเข้าไปอึ ที่ดงตะไคร้ ป่ารกบริเวณหลังบ้านผู้อื่น บ้านหลังนี้อยู่เยื้องๆกันไม่ไกล หรือบ้านหลังไหนที่มีพื้นดินและกลิ่นหญ้า หัวโตจะพยายามแฝงกายหลบแวบเข้าไป โดยไม่มีใครทันสังเกตเห็น

บางวันเจ้าของบ้านออกไปทำงาน ปิดล็อคประตูรั้ว สักครู่แม่กี๋จะได้ยินเสียงหัวโตร้องเสียงดังกรี้ดกร้าด นั่งคอยาวอยู่ในรั้วบ้านเขา ไม่นานนักจะเห็นน้านักการปีนข้ามรั้วเข้าไปอุ้มหัวโต ยกข้ามรั้วออกมาอย่างทุลักทุเล ก็น้าตัวผอมเล็กกระจิดริด แต่หัวโตตัวอ้วนหนามหึมา

ถึงแม่กี๋จะเข้าใจว่าเป็นธรรมชาติของหมา ที่ต้องหาทำเลเหมาะแบบหมาๆ แต่การเข้าไปละเมิดสิทธิของผู้อื่นถึงในบ้าน เป็นเรื่องที่เสียมารยาทคนเลี้ยงหมาและเพื่อนบ้านที่ดี สองคดีนี้ติดคุกทางใจหัวโต แม่กี๋จึงต้องรีบหาทางป้องกัน ไม่ต้องการให้”การถูกละเมิดสิทธิ” เกิดขึ้นกับใคร

แม่กี๋เคยถูกละเมิดสิทธิ ที่บ้านในหมู่บ้านแห่งหนึ่งที่เมืองกรุงฯ โดยหมาที่เจ้าของเปิดไฟเขียว ให้ออกไปหา ที่ขับถ่ายนอกบ้านเอง

เมื่อใดที่หมาในซอยถูกปล่อยออกจากบ้าน เจ้าหมาจะเริงร่าพากันวิ่งอ้าว ฝุ่นตลบ เพื่อทำเวลา หาทำเลขับถ่าย เพราะถ้าขืนชักช้าโอ้เอ้ เจ้านายผู้มีชีวิตเร่งรีบเป็นอาจิณ จะเรียกกลับเข้าบ้าน อดปล่อยทุกข์!!!

เจ้าหมาต้องเก็บของเสียเอาไว้ รอรอบต่อไป ที่กว่าจะมาถึงอีกตั้งหลายชั่วโมง..ถ้าอดรนทนไม่ไหว ขืน ”ปล่อย.” ของเหม็นภายในบ้าน มีหวังถูกเจ้านายด่าเปิดเปิง แม่กี๋เห็นแล้ว แอบเห็นใจหมาเมืองกรุงฯอย่างแรง

หมาเมืองกรุงฯ ที่อยู่ในนิวาสถานเช่น ทาวน์เฮาส์ แฟลต คอนโดฯ หอพัก  ฯลฯ จะถูกเจ้าของฝีกไม่ให้ “ปล่อย” เรี่ยราด ไม่เป็นที่เป็นทาง เจ้าของจะไม่ยอมให้หมาของตัวเอง”ปล่อย” ในบ้านโดยเด็ดขาด หมาพวกนี้จะมีความอดทนอดกลั้นได้ดีเยี่ยม

หมาเมืองกรุงฯจะต้องอั้นฉี่ อั้นอึ รอเจ้านายกลับบ้านทุกเย็น และสถานการณ์จะแย่ลงกว่าเดิม ถ้าเจ้านายติดธุระ มีเหตุต้องกลับบ้านช้า ผิดเวลา ในความเห็นของแม่กี๋ หมาเหล่านี้น่าสงสารมาก เพราะพวกเขาต้องพลอยมีความเป็นอยู่ ที่ฝืนธรรมชาติหมา และต้องปรับตัวให้เข้ากับ วิถีชีวิตของเจ้านาย

เจ้าหมาในหมู่บ้านแม่กี๋ แม้นจะถูกปล่อยออกมานอกรั้วบ้าน แต่เมื่อเริ่มวิ่งมันก็ยิ่งไกล ตั้งแต่ต้นซอยไปจนถึงท้ายซอย มันก็ยังหาทำเลที่ถูกใจไม่ได้ เพราะตลอดเส้นทางที่วิ่งไป มีแต่ถนนคอนกรีตที่ร้อนระอุ ประตูบ้าน รถยนต์ที่จอดเรียงรายไปตลอดทาง

แม้นในขณะที่กำลังหมุนตัวจนได้ที่ หย่อนก้นจัดท่าถนัด ก็ต้องสะดุ้งสุดตัว เมื่อมีวัตถุลึกลับและเสียงขับไล่ลอยออกมาจากในรั้วบ้าน “ไป โป๊ ไปขี้ที่อื่น” เจ้าหมาต้องหาทางออก แก้ปัญหาเฉพาะหน้า หาที่ขับถ่ายตามธรรมชาติของหมา

กล่าวคือธรรมชาติอย่างหนึ่งของหมาจะชอบขับถ่ายในบริเวณที่สกปรก หรือมีขยะมูลฝอย ซึ่งเป็นที่มาของคำพังเพยที่ว่า “ไม่มีมูลฝอย หมาไม่ขี้ “

ดังนั้นหน้าบ้านหลังไหน ที่ไม่ค่อยทำความสะอาด ไม่เคยชะล้างหน้าบ้าน ปล่อยให้มีกลิ่นเน่าเสียของขยะบนพื้นหน้าบ้าน มีมูลฝอยหลงเหลือ ตกเรี่ยราด ไม่ค่อยเก็บกวาดใบไม้ ที่ร่วงหล่นทับถมกัน ระวังเถอะ!!หน้าบ้านนั้น อาจจะกลายเป็นส้วมของหมาในซอยหมู่บ้าน แล้วอย่าไปโทษหมาก็แล้วกัน

ที่หน้าบ้านของแม่กี๋ถูกละเมิดสิทธิ มิได้เกิดจาก การขาดการดูแลรักษาความสะอาดหน้าบ้าน แต่เพราะบ้านที่อยู่ติดกัน มันดันรกร้าง ไม่มีผู้พักอาศัย เจ้าของบ้านคนเดิม ปลูกมะม่วงต้นใหญ่ไว้หน้าบ้าน พอไม่มีคนดูแลเก็บกวาด ใบมะม่วงจึงร่วงทับถมกันเป็นกองพะเนิน กลายเป็นมูลฝอยทั้งในบ้านและนอกบ้าน และมีของแถมจากบุรุษลึกลับ ที่ชอบเอาขยะมาทิ้งแปะไว้

หมาๆในซอยบ้านไหนๆ ต่างยกพวกพากันมาจับจองใช้เป็นที่อึถาวร และที่แย่ก็คือ อึกันแสนเพลิน เดินล้ำเส้น เผื่อแผ่มาถึงหน้าบ้านของแม่กี๋ด้วย


ตอบ: รักลูกให้ถูกทาง...เมื่อเรื่องเล่า! เรื่องลูก! ถูกบันทึก?
โดย กี๋ ปากอ่าว - Wednesday, 29 March 2006, 07:37PM
 

แฟนจ๋า..ของปู่หัวโตเจ้า

วันนี้ปู่ซึมอีกแล้ว..อาเจียนเป็นนสีเหลืองมากๆ

พอปล่อยออกไปนอกบ้าน กลับมา เห็นมีอาเจียนเป็นหญ้า หญ้ายังมีสีเขียวใหม่ๆกองโต

นอนนิ่งๆเหมือนเดิม..พรุ่งนี้ถ้ามีอ๊วกอีก..ต้องพบแพทย์แน่นอนค่ะ

ตอบ: รักลูกให้ถูกทาง...เมื่อเรื่องเล่า! เรื่องลูก! ถูกบันทึก?
โดย พายุ วงศ์วายุ - Wednesday, 29 March 2006, 07:43PM
 
หมาพวกนั้นเจ๋งจริงๆ... มีจิตใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่... ปฏิบัติการมาถึงหน้าบ้านของคุณแม่กี๋ด้วย... แล้วคุณแม่กี๋ตอบสนองไม้ตรีของเหล่าหมาๆในซอยยังไงล่ะครับ

แล้วถ้าเผื่อพายุจะส่งน้องน้ำมนต์ไปร่วมขบวนด้วย... คุณแม่กี๋จะว่าจะใดพ่องเจ้า

ตอบ: รักลูกให้ถูกทาง...เมื่อเรื่องเล่า! เรื่องลูก! ถูกบันทึก?
โดย กี๋ ปากอ่าว - Wednesday, 29 March 2006, 09:00PM
 

พี่พายู้...แม่กี๋ก๊จะลักปาตั๋วอี่น๊องน้ำ(ก้น)มน ไปเป๋นลูกสาวจาวเจียงใหม่น่าก่าเจ้า

ตอบ: รักลูกให้ถูกทาง...เมื่อเรื่องเล่า! เรื่องลูก! ถูกบันทึก?
โดย จิตรใส สิระชัยนันท์ - Wednesday, 29 March 2006, 09:41PM
 

ปู่ครับ  พรุ่งนี้กลับมา...ปึ๋งปั๋ง ปึ๋งปั๋ง อย่าซึม อย่าซึม...นะครับ  จะได้ไม่ต้องพึ่งคุณหมอ

ตังเอาใจช่วยครับ  ตัวตลก

ตอบ: รักลูกให้ถูกทาง...เมื่อเรื่องเล่า! เรื่องลูก! ถูกบันทึก?ครง
โดย กี๋ ปากอ่าว - Thursday, 30 March 2006, 08:45AM
 

สวัสดีค่ะแม่โอ๊ต...เช้านี้ปู่ดูดีขึ้นแต่มีขี้ตาสีเหลือง และเกาตาข้างซ้ายจนเป็นแผลใต้ตาเล็กๆมีเลือดซิบๆ ใส่ยาให้แล้วค่ะ

แต่ดีใจที่ปู่ยอมกินโครงไก่ต้มสองชิ้นโต น่าจะไม่เป็นอะไรมาก สายๆจะไปคลินิกใกล้ๆบ้านเอายาหยอดตาเสียหน่อย

อากาศร้อนจัดๆทีไรได้เรื่องทุกที..


ตอบ: รักลูกให้ถูกทาง...เมื่อเรื่องเล่า! เรื่องลูก! ถูกบันทึก?ครง
โดย จิตรใส สิระชัยนันท์ - Thursday, 30 March 2006, 09:30AM
 
ดีใจด้วยครับ   ปู่หัวโต๊...โต จูบ  อึ๋ยย์! จั๊กจี๋ จั๊กจี๋
ตอบ: รักลูกให้ถูกทาง...เมื่อเรื่องเล่า! เรื่องลูก! ถูกบันทึก?ครง
โดย กี๋ ปากอ่าว - Thursday, 30 March 2006, 03:20PM
 

สวนสาธารณะที่เป็นเสมือนปอดของคนในหมู่บ้าน มีการปลูกหญ้าไว้เพื่อความสวยงามและเป็นที่เล่นของเด็กๆ การปล่อยให้หมาเข้าไป อึและฉี่รดหญ้า นอกจากจะทำให้หญ้าบริเวณนั้นตายแล้ว ยังแพร่เชื้อโรคสู่เด็กๆที่วิ่งเล่นและลงไปนอนล้มลุกคลุกคลานบนพื้นหญ้าอีกด้วย ดังนั้นสวนสาธารณะจึงเป็นเขตปลอดสุนัข ทำให้หมาหมดทางเลือก ไม่มีตัวช่วย ไม่ได้รับสิทธิ์นั้น.... สิทธิที่จะเข้าไป....... “ติดดิน กินหญ้า” ที่เป็นความต้องการตามธรรมชาติของหมาทั่วไป

 กฎกติกามารยาทของการเลี้ยงหมาในเมืองใหญ่ ทำให้เกิดข้อพิพาทกันถึงขั้นเจ้าของหมาโดน “เป่า” เพราะหมาดันไป”ปล่อย” ของเหม็น หน้าประตูบ้านเพื่อนบ้านทุกวัน กลายเป็นเรื่องใหญ่ที่ไม่ใช่เรื่องขี้หมา!!!

เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว จะปล่อยให้หมาคิดเองงูๆปลาๆ...หรือว่า คนควรจะช่วยกัน ลงมาคิดแทนหมา อย่างน้อยๆก็เพื่อรักษามิตรภาพอันดี ที่ควรมีต่อคนบ้านใกล้เรือนเคียง ที่ต้องเห็นหน้ากันทุกเช้าเย็น

แม่กี๋ต้องเชิญคู่หูคู่ฮา น้านักการและหัวโตมาตกลงเงื่อนไข เวลาการเข้าออกนอกบ้านเสียใหม่ เวลาที่ปิดโอกาสไม่ให้หัวโตเข้าไปละเมิดสิทธิบ้านผู้อื่น เพื่อแสดงความรับผิดชอบ เคารพสิทธิของผู้อื่นและดำรงไว้ซึ่ง จรรยาบรรณ....ของเจ้าของหมาที่ดี

หัวโตมีวิธีการออกคำสั่งด้วยสายตาและการส่งเสียงให้รู้ว่า หัวโตกำลังต้องการให้แม่กี๋ทำอะไร?  ถ้าหากแม่กี๋เห็นหัวโตนั่งมองหน้านิ่ง แม่กี๋จะถามว่า”ทำไม จะเอาอะไร หิวหรือเปล่า” อีตาหมาเฒ่าสมองใส จะทำตาเป็นประกาย พร้อมกับมองไปที่ประตูรั้ว ขยับขาย่ำพื้น แสดงว่ากำลังวิงวอนให้เปิดประตู “ผมอยากออกไปอึนอกบ้านเต็มทน” แต่ถ้าหัวโตแลบลิ้น เลียปาก น้ำลายหก แปลว่า “ผมอยากกินมั่กๆๆ”

หากหัวโตต้องการให้ออกไปหา เพื่อแจ้งความประสงค์ จะทำปากสั้นปากยาว ส่งเสียงร้อง....ดัง “แง้งๆๆๆๆ” พร้อมกับยกขาหน้าขึ้นๆลงๆสลับกันไปมา กริยาอาการแบบนี้หมายความว่า”มาหาผมเร็วๆเข้า...เร็ว เร้ว ผมอยากๆๆๆๆ ทำโน้น ทำนี่ ทำนั่น ออกมาดูผมหน่อยเร็วๆ!!!”

พฤติกรรม “การยกขา” ของหมา เป็นที่ภูมิใจของเจ้าของ ที่มักนำไปเมาส์กระจายว่า หมาสามารถ ไหว้ สวัสดี ทักทายตอบ หรือ เชกแฮนด์กับคนได้

นอกจากนั้น หมาบางตัวยังใช้การยกขา สะกิดสะเกา เพื่อขออาหารจากคน หมาตัวไหนมีพฤติกรรม”การยกขา”ติดตัวไว้ ไม่ต้องกลัวอดตาย ใครพบเห็นก็ใจอ่อน ยอมยื่นขนมให้ทุกที

ผู้เชี่ยวชาญท่านหนึ่ง ได้เขียนอธิบายไว้ในหนังสือสัตว์เลี้ยงยอดนิยฉบับหนึ่งว่า การที่หมายกขาหน้าขึ้น เป็นการแสดงเมื่อหมาต้องการสิ่งใดสิ่งหนึ่ง  และมีความเชื่อว่า พฤติกรรมนี้เกิดจากสัญชาตญาณตามธรรมชาติของหมาตั้งแต่แรกเกิด

ลูกหมาเวลาดูดนมจากเต้าของแม่ จะใช้เท้าหน้าทั้งสองข้าง ดันนมแม่หมาเป็นจังหวะ เพื่อกระตุ้นให้น้ำนมไหล เมื่อเติบโตขึ้นพฤติกรรมนี้จึงติดมาใช้แสดงกับคน  การที่หมามักยกขาหน้าให้คนจนติดเป็นนิสัย เพราะมันคือพฤติกรรมทีทำให้หมาเคยได้มาในสิ่งที่มันต้องการ

นอกจากนี้ ยังมีการศึกษาพฤติกรรมของสุนัข โดยนักวิเคราะห์พฤติกรรมสัตว์ ที่ได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับหมา สังเกตหมาในทุกท่วงท่าอารมณ์ ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการยกขาไว้ว่า

 “หมาเกิดการเรียนรู้ว่า เมื่อยกขาให้กับคนที่ถือขนม ลูกชิ้นปิ้ง หมูย่างฯลฯ หมามักจะได้กินของอร่อยเสมอ และการที่หมายกอุ้งเท้าหน้าขึ้น หน้าตั้งตรง เนื่องจากประสาทสัมผัสของหมากำลังจดจ่ออยู่กับอาหารที่คนกำลังยื่นให้กิน “

“การยกขา อาจมีวัตถุประสงค์แตกต่างออกไป มันคือการขอคารวะความยิ่งใหญ่ของใครบางคน ผู้ที่หมารู้สึกว่าตัวเอง กำลังตกอยู่ในตำแหน่งที่ต่ำกว่า เพื่อแสดงความอ่อนน้อม ไม่ใช่ยื่นออกมาเพื่อให้คนจับ อย่างเช่น หมาบางตัวที่ถูกจ้องเป็นเวลานานๆ จนทำให้หมารู้สึกกังวลใจ หมามักก้มหัวลงและยกขาหน้าขึ้น การที่ก้มหัวลงก็เพื่อแสดงให้เห็นว่า ฟันที่เป็นอาวุธประจำกาย ไม่ได้อยู่ในจุดที่จะจู่โจมได้และจะไม่ทำอันตรายใดๆต่อผู้ที่อยู่ตรงหน้า”

 ด้วยเหตุนี้ “การยกขา” จึงเป็นอีกลูกไม้หนึ่ง ที่หัวโตงัดออกมา เพื่อส่งสัญญาณ เมื่อต้องการใช้งานแม่กี๋ และ แสดงความนอบน้อม เมื่อหัวโตต้องการทักทาย หรือ ยามที่แม่กี๋ชวนคุย หัวโตจะยกขาวางบนมือ ทุกครั้งที่แม่กี๋พูดจบประโยคคำถาม หัวโตอาจจะไม่ได้เข้าใจคำถามใดๆ แต่หัวโตก็บอกให้แม่กี๋รู้ว่า หัวโตกำลังฟังในสิ่งที่แม่กี๋กำลังพูดทุกประโยค

และสิ่งที่ทำให้แม่กี๋ประหลาดใจ ในพฤติกรรมแปลกๆของหัวโต ก็เกิดขึ้นอีกครั้ง เมื่อมีแขกคนสำคัญมาเยือนที่บ้านมหาชัย

แม่กี๋ยังจำวันแรกที่คุณพ่อคุณแม่มาเยี่ยมที่มหาชัย ก่อนหน้านี้แม่กี๋ได้เคยเล่าเรื่องหัวโตให้ท่านฟัง จนท่านรู้สึกคุ้นเคยกับหัวโตก่อนที่จะได้มาพบกับตัวจริงเสียอีก แต่แม่กี๋ก็ยังอดหวั่นใจไม่ได้ว่า หัวโตจะเห็นท่านทั้งสองเป็นคนแปลกหน้า เหมือนคนอื่นๆที่แม่กี๋เชิญเข้ามานั่งคุยในบ้านหรือไม่?

 ก่อนมาถึงมหาชัย ท่านแวะห้างบิ๊กซี เพื่อซื้อขนมเค้กเนยของ S& P ไส้กรอกรมควันและไก่ทอด KFC มาเป็นของกำนัลให้หัวโต เป็นการรับขวัญหลานหมาตัวใหม่

พอท่านมาถึงบ้าน แม่กี๋รีบจัดการขังหัวโตไว้ในห้องครัว และพูดกรอกหูหัวโตกำชับหนักแน่นว่า “นี่แม่ของแม่ และนี่พ่อของแม่นะ หัวโตห้ามดุ ห้ามกัดนะลูก”

พอหัวโตได้ยินเสียงคนคุยกันในห้องรับแขก ก็ส่งเสียงโวยวาย ขอเข้ามาร่วมวงกับคนในบ้าน แม่กี๋เปิดประตูให้หัวโตเดินเข้ามาพร้อมกับกำชับกำชาให้หัวโตทำตัวให้ดีๆ

หัวโตโบกหางเบาๆและยื่นหน้าเข้าไปแนบที่ขาของคุณแม่อย่างคุ้นเคย และนั่งแหมะ ประจบน้ำลายยืด ขอกินขนมเค้ก ไส้กรอกและไก่ทอด กินเสียจนอิ่มพุงกาง คุณแม่ยิ้มแก้มแทบปริ ที่สามารถผูกมิตรกับหลานหัวโตได้อย่างง่ายดาย

แต่เมื่อหัวโตเข้าไปใกล้คุณพ่อ ทันทีที่คุณพ่อลูบหัว หัวโตกลับทำเสียงขู่ จนแม่กี๋ร้องห้ามเสียงหลง...ทำไม..เกิดอะไรขึ้นระหว่างคุณพ่อกับหัวโต ?แม่กี๋รู้ดีว่ามันผิดปกติอย่างมาก!! เพราะคุณพ่อคือครูคนแรกที่สอนให้แม่กี๋รักหมา หมาในความทรงจำของแม่กี๋.. รักคุณพ่อทุกตัว

หมาที่เลี้ยงที่บ้านในอดีต มีความผูกพันใกล้ชิดกับคุณพ่อมาก เหล่าหมาจะชอบมานอนห้อมล้อมอยู่ใกล้ๆคุณพ่อเสมอ แม้นวันสุดท้ายของชีวิตหมาตัวหนึ่ง มันยังหอบสังขารมานอนตายข้างๆ ที่ๆคุณพ่อนั่งทำงาน

เมื่อคุณพ่อกลับถึงบ้าน ไม่ว่าจะดึกดื่นแค่ไหน เหล่าหมาจะวิ่งนำหน้ารถของท่านที่แล่นเข้ามาในบ้าน และ เจ้านายผู้ที่ไอ่อ้วน “หมาผู้หายสาบสูญ” ไปนอนเฝ้ารออยู่ที่ล็อบบี้โรงแรมถึงเช้า เมื่อหลายปีก่อนก็คือ...คุณพ่อนั่นเอง

พฤติกรรมต่อต้านคุณพ่อของหัวโตทำให้คุณแม่และแม่กี๋ต่างมองตากัน ราวกับหยั่งรู้ความคิดของกันและกัน ถึงความผิดปกติของหมา ที่เราทั้งสองคนคาดไม่ถึง

การมาเยี่ยมแม่กี๋ที่มหาชัยครั้งนี้ของคุณพ่อ  เป็นการเยี่ยมครั้งแรกและครั้งสุดท้าย ท่านมากรุงเทพเพื่อรักษาอาการป่วยด้วยโรคมะเร็งปอดระยะสุดท้าย หลังจากวันมาเยือนมหาชัยได้เพียงไม่กี่เดือน ท่านก็ได้จากแม่กี๋ไปอย่างไม่มีวันกลับ

 แม่กี๋เคยอ่านพบเรื่องที่เกี่ยวกับการใช้หมาวินิจฉัยโรค ของสถาบันแห่งหนึ่งในประเทศสหรัฐอเมริกา ที่ทำการทดลองโดยให้หมาดมกลิ่นลมหายใจของผู้ป่วยโรคมะเร็งชนิดต่างๆ ที่ต่อมาจากท่อ โดยที่ผู้ทำการทดลอง เจ้าหน้าที่ และ.....หมา ไม่รู้วัตถุประสงค์ของการทดลอง

ผลของการทดลองคือ หมาสามารถบ่งชี้ได้ว่า ผู้ป่วยคนไหนเป็นมะเร็ง.......ชนิดใดได้แม่นยำถึง 99% และที่แม่กี๋จำได้ไม่เคยลืมว่า หนึ่งในสองอันดับแรกมันก็คือ “มะเร็งในปอด”

เรื่องนี้อาจต้องใช้วิจารณญาณในการอ่าน แต่สำหรับแม่กี๋ เรื่องนี้จะยังคงติดค้างอยู่ในใจของตัวเองไปตลอดชีวิต.....ในความคิดที่ว่าหมาตัวนี้ได้กลิ่นไอของโรคร้ายจริงหรือไม่....?


ตอบ: รักลูกให้ถูกทาง...เมื่อเรื่องเล่า! เรื่องลูก! ถูกบันทึก?ครง
โดย กี๋ ปากอ่าว - Friday, 31 March 2006, 11:39AM
 

สวัสดีค่ะ ท่านสมาชิกทุกท่าน ที่ติดตามอ่านเรื่องเล่าของเด็กบางแก้วท่ายาง มาตั้งแต่ต้นจนถึงตอนล่าสุดนี้

หวังเป็นอย่างยิ่งว่า เรื่องเล็กเกร็ดย่อย ที่แม่กี๋เก็บเล็กผสมน้อย จากหนังสือต่างๆบวกกับเรื่องจริงผ่านจอของบางแก้วทั้งสองหน่อ คงจะให้ความบันเทิงสำหรับท่านสมาชิก ที่ว่างเว้นจากงานราษฏร์ งานหลวงไม่มากก็น้อย

ขอขอบพระคุณเป็นอย่างสูง ที่แม้นจะคุยกันน้อย แต่ก็คอยเข้ามาเยี่ยมกันเป็นประจำสม่ำเสมอ และคงจะได้มาร่วมส่งความสุขให้แก่กันในตอนต่อๆไปนะคะ

             รักน้องบางแก้วทุกตัวค้า

              แม่กี๋ แห่งอำเภอท่ายาง เมืองเพชรฯ


ตอบ: รักลูกให้ถูกทาง...เมื่อเรื่องเล่า! เรื่องลูก! ถูกบันทึก?ครง
โดย พายุ วงศ์วายุ - Friday, 31 March 2006, 12:06PM
 
จบเรื่องของปู่หัวโตแล้วเหรอครับ... พอปู่อึเสร็จ ปู่ก็เผ่นแน่บเลยนะครับ...

ตานี้ก็ถึงเรื่องของน้องเต๋าเต้ยแล้วสิครับ... เรื่องของน้องเต๋าเต้ยจบลงตอนที่น้องเต๋าเต้ยโดนคุณแม่กี๋ละไว้ที่เจียงใหม่... เมื่อไหร่น้องเต๋าเต้ยจะได้คืนถิ่นมหาชัย และย้ายถิ่นไปท่ายางล่ะครับ...

พายุกับน้องน้ำมนต์นั่งคอยนอนคอยฟังข่าวอยู่นะครับเนี่ย

ตอบ: รักลูกให้ถูกทาง...เมื่อเรื่องเล่า! เรื่องลูก! ถูกบันทึก?ครง
โดย chuleekorn komson - Friday, 31 March 2006, 01:16PM
 

แม่กี๋เก่งจังเลยนะค่ะ สามารถเล่าเรื่องราวต่างๆ ของเหล่าลูกสมุนตัวน้อยผ่านตัวหนังสือได้เป็นอย่างดีเลยค่ะ อ่านแล้วก้อเพลินดีจนเกือบจะหลับแน่ะค่ะ (ปกติไม่ค่อยอ่านอะไรนานๆ แบบเนี้ยสักเท่าไรอ่านแล้วง่วงทุกทีเลย ยกเว้นอ่านการ์ตูน) แต่ยังงัยก้อขอบอกว่า แม่กี๋ซู๊ดยอด เลยค่ะ


ตอบ: รักลูกให้ถูกทาง...เมื่อเรื่องเล่า! เรื่องลูก! ถูกบันทึก?ครง
โดย eve Savangpop - Friday, 31 March 2006, 03:20PM
 

เป็นอีกคนนึงค่ะ  ที่พยายามติดตามเรื่องเล่าของคุณแม่กี๋มาตลอด  ถึงแม้บางทีจะมีเวลาน้อย  ได้แค่เข้ามาอ่าน  แต่ไม่ได้แวะทักทายก็ตามที  แล้วจะคอยแวะเวียนมาเรื่อยๆ นะคะ  จะรอติดตามตอนต่อไปค่ะสับสน

เวลาปู่หัวโตนอน  ดูแล้วคล้ายๆ ลูกขนุนยังไงบอกไม่ถูกนะคะกัดฟัน

ตอบ: รักลูกให้ถูกทาง...เมื่อเรื่องเล่า! เรื่องลูก! ถูกบันทึก?ครง
โดย กี๋ ปากอ่าว - Friday, 31 March 2006, 10:08PM
 

สวัสดีเจ้า พี่พายุ กะ น้องน้ำมนต์ ; คุณ Chuleekorn komson และ คุณ eve..

แม่กี๋ม่วนอ๊กม่วนใจ๋แต้ว่า ตี้เข้าอู้ทักทายกั๋นพ่อง..นะค้า แหมๆๆขอส่งภาษา ตามประสาเด็กนอก..เขตปริมณฑลหน่อยน้า!!

โปรดติดตามตอนต่อไป เรื่องเล่าเข้าด้ายเข้าเข็ม เมื่อเต๋าเต้ยปิ๊กมหาชัย บางแก้วคู่เจ็บ จะรีเทิร์นมารวมตัวกันอีกครั้ง

หัวโต VS เต๋าเต้ย นักเลงภูเขาไฟ (ชนโรง หนังไทย โหน่ง VS เท่ง นักเลงภูเขาทอง)

 ....ชวนเชิญ คุณeve เข้ามาชิมลูกขนุน ลูกอ้วนๆ แก่จั๊ดจัด..รสหวานฉ่ำตามสะดวกนะคะ

 


ตอบ: รักลูกให้ถูกทาง...เมื่อเรื่องเล่า! เรื่องลูก! ถูกบันทึก?ครง
โดย จิตรใส สิระชัยนันท์ - Friday, 31 March 2006, 10:28PM
 

ภาพบนเนี้ย...เจ้าเล่ห์จริงนะเต๋าเต้ย

จะรอดู  หัวโต VS เต๋าเต้ย นักเลงภูเขาไฟจ้า 

โหน่ง-เท่งก็โหน่ง-เท่งเหอะ รับรองได้ว่าเป็นรองชัวร์   เห็นด้วย

ตอบ: รักลูกให้ถูกทาง...เมื่อเรื่องเล่า! เรื่องลูก! ถูกบันทึก?
โดย ยศชัย ชัยพรหมมา - Thursday, 23 March 2006, 04:55PM
 

ยิ่งอ่านยิ่งน่าติดตามครับ เรื่องราวของหัวโต

Click to enter http://www.bangkaew.com/elearning3

Bangkaew.net and Bangkaew.org are for sale
See details at https://sedo.com/search/?keyword=bangkaew