รักลูกให้ถูกทาง...เมื่อเรื่องเล่า! เรื่องลูก! ถูกบันทึก?
โดย กี๋ ปากอ่าว - Wednesday, 8 March 2006, 09:16PM
 

แม่กี๋ชวนคุย...เรื่องเล่า?..เรื่องลูก?...!!!

การกลับมาเป็นหนึ่งเดียวกันอีกครั้ง เรียกความสมบูรณ์แข็งแรง ทางร่างกายและจิตใจของหัวโต ให้พลิกฟื้นคืนมาอย่างรวดเร็ว หัวโตกลับมาเป็นหมาสุขภาพดี ตัวโต ขนฟู หางเป็นพวงสวยงาม ท่าทางทะมัดทะแมง วิ่งตามแม่กี๋ไปเที่ยว รอบๆ บริเวณแฟลต และตลาดสดข้างบ้าน

ปัญหาของหัวโตที่แม่กี๋เพิ่งสังเกตเห็นอีกเรื่องก็คือ หัวโตกลัวเสียงรถมอเตอร์ไซด์ และเสียงกระหึ่มของเครื่องยนต์ โดยเฉพาะรถปิคอัพ เสียงรถที่วิ่งมาตามถนนหน้าแฟลต เล่นเอาหัวโตถึงกับหางตก ย่อตัวลงและวิ่งหนีหัวซุกหัวซุน หาที่หลบภัยทุกครั้ง เสียงท่อไอเสียจากการสตาร์ทเครื่องยนต์ ทำให้หัวโตตกใจตื่น วิ่งตรงไปที่ทิศทางของเสียง และเห่าไม่ยอมหยุด จนกว่าเจ้าเสียงนั้นจะเงียบหายไป

แม่กี๋ยังไม่สามารถให้คำตอบได้ในตอนนี้ ได้แต่เก็บความสงสัยว่า ในอดีตหัวโตอาจเคยมีประสบการณ์ที่เลวร้าย กับเจ้ารถติดเครื่องยนต์ ชนิดใดชนิดหนึ่งมาก่อน  หัวโตมักหลีกเลี่ยงการข้ามถนน แต่ถ้าจำเป็น จะวิ่งข้ามอย่างหวาดกลัว ขอเพียงให้ข้ามผ่านไปได้ ไม่เคยมองซ้ายมองขวา แต่พอได้ยินเสียงรถแล่นเข้ามาใกล้ ก็ยิ่งกลัวรนรานจนขาก้าวไม่ออก พอได้สติก็วิ่งงกๆเงิ่นๆ ไม่รู้ทิศรู้ทาง

เฉพาะฉะนั้น เวลาข้ามถนน แม่กี๋จะจับโซ่ให้สั้นตึง ให้หัวโตยืนใกล้ๆ รอจนกว่า รถบนถนน ทิ้งช่วงห่างให้มากที่สุด และพาเดินข้ามถนนไปพร้อมๆกัน ตอนแรกไม่ได้เฉลียวใจเรื่องภูมิหลัง แม่กี๋พาเดินไปหยุดรอกลางถนน พอรถแล่นผ่านด้านหน้าและด้านหลังระยะเผาขน หัวโตดึงโซ่จนปลอกคอหลุด วิ่งหนีกระเจิง เกิดการชุลมุนบนท้องถนน เกือบเกิดเรื่องสยองขวัญ ทั้งแม่และลูก บทเรียนเรื่องนี้..เตือนใจให้แม่กี๋ระวังเรื่องความรู้สึกของลูก ก่อนทำสิ่งใดๆ  เนื่องจากความเข้าใจของหมามีขีดจำกัด

 การออกไปเที่ยวนอกบ้านไกลๆ นอกจากแม่กี๋จะห่วงเรื่องการข้ามถนนแล้ว ยังห่วงเรื่องการวิวาทกับหมาเจ้าถิ่นรายทาง ดังนั้นทุกครั้งที่เดินออกจากบ้าน แม่กี๋จะระวังตัวไม่ให้หัวโตเห็น  หรือไม่ก็ทำตัวเป็นพิ้งค์แพนเตอร์ หลบเข้ามุมมืด ซ้ายที ขวาที  จนสามารถอำพรางตัวไปกับฝูงชน

ใครๆก็รู้ว่า หมาก็มีหัวใจ อยากกินของอร่อย อยากนอนในที่สบาย อยากออกไปเที่ยวในที่ต่างๆ และไม่ต้องการถูกทอดทิ้ง ให้จำเจอยู่ในบ้าน ในห้องสี่เหลี่ยม ในกรง หรือในรั้วบ้าน ตลอดทั้งวันทั้งคืน

หัวโตจึงมักแสดงอาการอยากไปเที่ยว ด้วยการนั่งโวยวายอยู่ที่หน้าประตูรั้ว ขอให้แม่กี๋ช่วยเปิดประตูให้  ไม่ได้ขอกันพร่ำเพรื่อทั้งวัน แต่จะขอเฉพาะเวลาที่อยากออกจริงๆเท่านั้น เมื่อได้ออกไปสมใจ เพียงไม่นานหัวโตจะกลับมานอนรอหน้ารั้ว หรือนั่งส่งเสียงร้อง พร้อมกับกวักไม้กวักมือ เรียกให้ออกไปเปิดประตูรับ

หลายครั้งที่เผลอเปิดประตูรถทิ้งไว้ หัวโตจะปีนขึ้นไปนั่งหน้าจิ้มลิ้ม รออยู่ในรถ ต้องใช้คำว่าปีนเพราะพุงที่ใหญ่ขึ้น ทำให้อุ้ยอ้าย กระโดดขึ้นไม่ไหว  แม่กี๋เลยต้องพานั่งรถออกไปเที่ยวบ้าง เช่น ไปร้านข้าวต้มที่มีที่นั่งด้านนอก เลือกโต๊ะริมสุด ล่ามหัวโตไว้ใกล้ๆ หัวโตได้นั่งรถเที่ยว นอนมองหน้าพ่อกับแม่ทานข้าว  แค่นี้หัวโตก็สุขใจเหลือเกินแล้ว

ครั้งหนึ่งแม่กี๋เคยพาหัวโตไปใส่บาตรตอนเช้ามืด ซึ่งเราต้องเดินไกลกว่าทุกวัน ห่างจากบ้านหลายช่วงตึก หัวโตเดินตามติด แทบจะจิกแม่กี๋ไว้ตลอดเวลา ขณะใส่บาตรหัวโตนอนหมอบอยู่ใต้โต๊ะ หลับรอเงียบๆ แม่กี๋คิดว่าวันนั้นหัวโตได้ร่วมทำบุญใส่บาตรด้วยกัน และผลบุญจะช่วยให้หัวโต พบความสุขสงบในบั้นปลายชีวิต

ตอนเย็น หัวโตยังเคยตามพ่อจ๋า ไปเดินออกกำลังกายที่สวนสุขภาพ หรือ ตามเพื่อนบ้านที่ห้องแถว ไปจ๊อกกิ้งที่สนามหญ้า บริเวณหน้าที่ว่าการอำเภอ ที่ๆมีคนพาหมาไปวิ่งเล่นพักผ่อนกันทุกเย็น ลูกชายเขากลับมาเล่าว่า “จอมโหด วิ่งตามพ่อได้นิดเดียว ก็เหนื่อยนอนแหมะอยู่กับที่ ไม่ยอมขยับเดินไปไหนเลยครับ“    เนื่องจากอายุและน้ำหนักตัวที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้เหนื่อยง่ายและหายใจหอบแรงๆ ช่วงหลังๆแม่กี๋จึงไม่พาหัวโตวิ่งหรือเดินไปไหนไกลๆอีกเลย 

หัวโตสลัดคราบหมาจรจัดทิ้ง จนสิ้นกลิ่นไอความหลังเก่าๆ หลายคนที่ไม่เคยสังเกตเลยว่า ครั้งหนึ่งมีหมาขี้เรื้อนชื่อ จอมโหด อาศัยอยู่ที่ใต้ถุนแฟลต จะพากันคิดว่าหมาขนฟูสีขาว ตัวอ้วน เป็นหมาหน้าใหม่ ที่แม่กี๋ย้ายตามมาจากกรุงเทพฯ

ชาวแฟลตเปลี่ยนท่าที เป็นยินดีต้อนรับทักทายหัวโตเป็นอย่างดี  ลุงคนขับรถสองแถว น้ามอเตอร์ไซด์รับจ้าง หลานนักเรียนที่เดินย่านนั้น ตระโกนเรียกหัวโตว่า “พี่Big” “จัมโบ้”  “สิงโต” และทิ้งท้ายที่   “โอ๊ย หมาอ้วน”

หัวโตทำเหมือนการทักทายของผู้คน เป็นแค่เพียงเสียงนกเสียงกา ตั้งหน้าตั้งตา วิ่งเหยาะๆโยกย้ายส่ายสะโพก อาจมีบางครั้งที่เหลือบมองสบตาแต่แล้วก็เมินหน้าหนี  เหมือนแสดงให้รู้ว่า อีตาคนนี้ไม่รู้จักกันสักหน่อย!! วิ่งมุ่งหน้ากลับไป หมกมุ่นอยู่กับการดมกลิ่นต่อไป

ตอนแรกที่เริ่มจูงเดินเที่ยว แม่กี๋จะดึงโซ่ ไม่ให้หัวโตดมของเหม็นตามทางเดิน เช่น คางคกแห้งติดพื้น เศษอาหาร ถุงขยะ เศษใบไม้ หรืออุจจาระและปัสสาวะที่หมาอื่นทิ้งไว้ แม่กี๋เห็นว่ามันน่ารังเกียจมาก และเสียเวลาในการเดินเที่ยว

แต่การกระทำของแม่กี๋ กลับเป็นการปิดกั้นสื่อและแหล่งข้อมูลของหมา ร่องรอยหลักฐาน ที่ทิ้งไว้เหล่านั้น มันเป็นเบาะแสสำคัญ ที่จะบอกให้หัวโตรู้ว่า ใครเพิ่งเดินผ่านบริเวณนี้ เดินผ่านนานเท่าไหร่แล้ว เจ้าตัวนั้นเป็นตัวผู้หรือตัวเมีย สุขภาพดีหรือเปล่า อายุเท่าไรและอยู่ในฤดูผสมพันธุ์หรือไม่

การดมกลิ่น จึงเปรียบเสมือนการได้รับรู้เรื่องราวต่างๆในโลกของหมา ประสาทสัมผัสสุดพิเศษ ที่ธรรมชาติมอบให้ เพื่อใช้แปลสัญญาณการสัมผัสกลิ่น ซึ่งประสิทธิภาพนั้นกว้างกว่าและซับซ้อนกว่าคนถึง 37เท่า น่าทึ่งจริงๆ

ดังนั้น กลิ่นต่างๆที่ติดตัว แม่กี๋และพ่อจ๋า ล้อรถ เสาไฟฟ้า รั้วบ้าน ถังขยะ กระถางต้นไม้ ต้นไม้ริมทาง แม้นกระทั่งบนพื้นดิน พื้นทราย ทุกสิ่งได้บรรจุภาพและเรื่องราวไว้มากมาย อย่างที่แม่กี๋คาดไม่ถึงเลยทีเดียว

ข้อมูลเหล่านั้น กำลังย้อนภาพของที่มาของกลิ่น ให้หัวโตลำดับเหตุการณ์แบบหมาๆ เรื่องสำคัญๆอย่างเช่น  ตัวไหน? ที่ล่วงล้ำเขตแดน  แอบเดินมาปัสสาวะทับรอยเดิม ที่หัวโตได้ยึดครองบริเวณ ไว้เป็นเขตแดนในสังกัด 

แต่ละวัน ข้อมูลมันอาจเปลี่ยนแปลงได้ทุกเมื่อ ยกตัวอย่างเช่น วันนี้จากการดมกลิ่น หัวโตอาจพบว่า..ของเจ้าสุดหล่อ...สองจุดตรงถังขยะและล้อรถยนต์คันที่สอง  ของเจ้าบูธ...หนึ่งจุดที่เสาไฟฟ้าต้นแรกหลังบ้าน อุจจาระสามก้อนของไข่ตุ๋นยังอุ่นๆอยู่ริมรั้ว  ยังอีกหลายจุดที่เป็นกลิ่นใหม่ ที่ไม่เคยรู้จัก ที่มาของกลิ่นมาก่อน วันต่อมา ณ. ที่เก่าเวลาเดิม อาจมีเรื่องใหม่ๆ รอให้หัวโตกลับมาพิสูจน์กลิ่น ได้ลำดับเรื่องราวของหมาและคนรอบๆข้าง อย่างไม่มีวันสิ้นสุด

หัวโตต้องวิ่งสาละวน กับการกลบลบกลิ่นทุกจุดทุกที่ในทันที เพื่อประกาศศักดา รักษาเขตแดนเดิมเอาไว้ จนกลายเป็นภารกิจประจำวัน  ที่ขาดไม่ได้

และนั่นเองคือ ความในใจของสุนัขตัวผู้ทั้งหลาย ที่อยากออกไปโลดแล่นนอกบ้าน พฤติกรรม  ดมๆ..แล้วฉี่ๆ จึงเป็นภาพที่เห็นจนชินตา อยู่เป็นประจำทุกวัน  ซ้ำแล้วซ้ำเล่า

ฉะนั้น เมื่อมีโอกาสได้ออกจากบ้าน หัวโตจะรีบตรงดิ่ง ไปทุกที่ทีเคยไป หรือ ถ้าเห็นหมาแปลกหน้ามาป้วนเปี้ยนหน้าบ้าน ยิ่งยั่วยุให้เร่งรีบ ออกจากบ้าน เพื่อตรงไปเช็คจุดต่างๆในสังกัด

 ดังนั้น พ่อครับแม่ขา!! อย่าขุ่นใจ และ โปรดเห็นใจ ให้อภัย ในความโอ้เอ้ของลูกๆ  ที่เที่ยวดมกลิ่นสะเปะสะปะไปทั่ว อาจขัดขืน ดึงโซ่ ไม่ยอมเดินต่อแต่โดยดี ก็เพราะลูกต้องการเวลาสักนิด ในการดมกลิ่น  วิเคราะห์ที่มา จินตนาการ ตามประสาหมา.. หาข่าว อัพเดทข้อมูล หากพ่อแม่เข้าใจ ลูกจะมีความสุขตามธรรมชาติของหมา ไม่ต้องเสียท่า ให้หมาต่างถิ่นมา เหยียบจมูก  ปล่อยกลิ่น ยึดครองเขตแดน ซึ่งถือเป็น...การเสียหน้าหมาเป็นอย่างยิ่ง

การระแวดระวังภัย ยังต้องมีทุกย่างก้าวเช่นเคย และ ตลาดสดก็เป็นอีกแห่งหนึ่ง ที่เจ้าของเขตคุมเข้ม... แม่หมีหมาแก่  เจ๊ใหญ่คุมตลาด ขนยาวสีดำปลอดตลอดทั้งตัว ขาสั้น ร่างยักษ์ หน้าตาขึงขัง  เธอประกาศห้ามเด็ดขาด ไม่ให้หัวโตเข้าไปยุ่งในถิ่นของเธอ

เจ้าของแม่หมี คือ อาเฮียเจ้าของร้านโชห่วยในตลาด  ที่ไม่ใช่ร้านเซเว่น   แต่เฮียแก

อยากเปิดบริการลูกค้า ตลอด 24 ชั่วโมง แม่หมีจึงมีหน้าที่เฝ้าร้าน รักษาความปลอดภัย อยู่เคียงข้างอาเฮีย เธอก็มีอำนาจสิทธิขาดในเขตตลาด เพราะว่าแม่กี๋ไม่เคยเห็นหมาตัวไหน กล้าเดินเกะกะตามทางเดินในตลาดเลย นอกจากแม่หมี....เจ้าแม่ตลาดสด แต่เพียงผู้เดียว

 แม่หมีไม่นิยมความรุนแรง เธอปกป้องเขตแดน โดยการตระโกนด่าหน้าตลาด  เห็นเช้าด่าเช้า เห็นดึกด่าดึก หัวโตไม่ตอบโต้ เพียงแค่ยกขาหลังปล่อยกลิ่น แก้เขินสองสามครั้ง แล้วเดินหนีเสียงแหลมเล็ก ที่นอกจากจะเสียดแทงใจ และระคายหูแล้ว  มันยังทรงพลัง สามารถเรียกลูกฝูงอีกหลายตัว ที่นอนเรียงราย กระจายกำลังอยู่นอกตลาด ให้วิ่งกรูเข้ามาร่วมวงขับไล่

การพบปะหมานอกบ้าน ไม่ได้หมายถึงการต่อสู้หรือทะเลาะเบาะแว้งเสมอไป ถึงแม้นหัวโต จะไม่เคยชวนหมาอื่นเล่น หรือเล่นเมื่อถูกเชื้อเชิญ แต่ก็ไม่เคยพุ่งเข้าทำร้ายหมาอื่นไม่เลือกหน้า

การที่หัวโตเข้าสังคมไม่เก่ง อาจเป็นเพราะผลพวงมาจากการถูกตัดออกจากสังคมเสียนาน จึงไม่รู้จักการปรับท่าทีของตัวเอง ให้เป็นที่ยอมรับของคนและหมาตัวอื่น ...

“น้ำตาล” ลูกของนังแดงรุ่นสุดท้าย ที่หลงเหลืออยู่เพียงตัวเดียว น้ำตาลต้องใช้ชีวิตจรจัดอาภัพเหมือนแม่ เพราะตอนเล็กๆขี้ระแวงมาก กลัวคน วิ่งตามติดอยู่กับแม่ตลอดเวลา จึงไม่มีใครสามารถจับตัวไปเลี้ยงได้ น้ำตาลวิ่งหนีและหลบซ่อนตัวจนโตและกลายเป็นหมาที่ไม่มีใครต้องการอีกต่อไป

เมื่อพบกับหัวโต น้ำตาลจะยืนให้หัวโตดมสำรวจ และเอาตัวรอด ในท่านอนหงาย โชว์ท้องที่แสดงความอ่อนแอและยอมแพ้ในทุกกรณี น้ำตาลจึงอยู่นอกสายตาของหัวโต แม้นจะอยู่ในฝูงเดียวกันกับเจ้าสุดหล่อก็ตาม

ส่วนเจ้าไข่ตุ๋น ลาบราดอร์ หมาหัวใจเด็ก ตัวโข่ง รู้ว่าหัวโตเขม่นเหม็นหน้า เนื่องจากคดีเก่าที่ชอบมาอ้อน ขอขนมแม่กี๋ที่รั้วหน้าบ้าน

ไข่ตุ๋นจะแสดงความอ่อนน้อม ใช้กลยุทธ์เอาอกเอาใจแบบหวาดๆ ย่อตัวลงต่ำและสะบัดหางที่ลู่ลงไปมาช้าๆ มองหน้าหัวโตแบบระมัดระวัง และอยู่ในท่าเตรียมพร้อมวิ่งหนี หากถูกหัวโตจู่โจม

แต่หมานักเลงย่อมไม่รังแกหมาที่ไม่มีทางสู้  หัวโตเพียงแต่เดินไปรอบๆ ส่งเสียงขู่ในลำคอ  แค่นี้ไข่ตุ๋นก็ปัสสาวะเล็ดออกมาเล็กน้อย

พฤติกรรมเช่นนี้ อาจพูดได้ว่า กลัวจนฉี่ราด แต่ที่จริง มันจะเกิดขึ้นกับหมาที่มีนิสัยอ่อนน้อม เวลาทักทายหมาที่อยู่ในอันดับสูงกว่า ในฝูงหรือสมาชิกในครอบครัว ซึ่งจากการศึกษาพฤติกรรมของสุนัขในตำราฝรั่ง การปัสสาวะเล็ด เป็นการส่งสัญญาณเหม็นๆ เพื่อบอกให้รู้ว่า ตัวเองไม่มีอันตรายใดๆ

การผูกมิตรกับหัวโต  สำหรับแขกคนผู้มาเยือน ยังคงยากลำบากใจ จนแม่กี๋เกือบจะถูกตัดขาดออกจากสังคมชุมชน เพราะการข่าวแพร่กระจายออกไปว่า บ้านแม่กี๋เลี้ยงหมาบางแก้วพันธุ์ดุ

ยกเว้นแต่คนที่พอจะเข้าใจธรรมชาติของบางแก้ว  จะเห็นพร้องต้องกันว่า การหวงบ้านและหวงเจ้าของ เป็นแบบฉบับของหมาบางแก้วทั่วไป ไม่ได้เกิดจากความดุร้ายแต่อย่างใด ตรงกันข้าม หัวใจห้องที่ห้าของหัวโต พร้อมที่จะยินดี เปิดต้อนรับมิตรผู้มีน้ำใจและให้ความเมตตาอย่างจริงใจ


ตอบ: รักลูกให้ถูกทาง...เมื่อเรื่องเล่า! เรื่องลูก! ถูกบันทึก?
โดย มัตติกา จอมเพ็ชร์ - Wednesday, 8 March 2006, 10:16PM
 

ช่ายแล้วแม่กี๋  เวลาเจ้าหมาของคุณ ๆ เอาจมูกจิ้มดินเมื่อไหร่ล่ะก็  อย่าไปเรียก  ดึง  ลากซะให้ยาก  เวลาเค้าดมล้อรถของพ่อเวลากลับมาบ้าน  เค้าคงคิดออกได้เป็นฉาก ๆ ว่าพ่อไปเที่ยวที่ไหนมามั่ง  แล้วก็ให้มานั่งครางงี๊ดง๊าด  ประท้วงว่าทำไมไม่พาหนูไปเที่ยวไอ้ที่ว่านั่นบ้างหนอ  ร้อนถึงแม่ต้องคอยบอกพ่อให้พาคุณลูกหมาไปเที่ยวกันทีเถอะ (แม่จะได้ไปเที่ยวด้วย...)  เอ๊ยไม่ช่าย  จะได้ไปเปิดหูเปิดตารู้จักกับโลกภายนอกบ้าง  ...อย่าลืมสายจูงกับถุงพลาสติกด้วยนะจ๊ะ

...แต่แม่กี๋ต้องเตรียมพร้อมเสมอเวลาปล่อยให้เจ้าตัวดีเดินดม ๆ ล่ะนะ  เพราะเวลาเจอกลิ่นถูกใจล่ะก็  เป็นอันลงไปนอนเกลือกลิ้งไม่บอกล่วงหน้า  ให้แม่ต้องทนดมกลิ่นเหม็น ๆ ไปตลอดไม่รู้ด้วย


ตอบ: รักลูกให้ถูกทาง...เมื่อเรื่องเล่า! เรื่องลูก! ถูกบันทึก?
โดย จิตรใส สิระชัยนันท์ - Wednesday, 8 March 2006, 11:02PM
 

แม่กี๋ครับ....เหมือนมานั่งในใจบางแก้วเลย  อย่างกับเล่าเรื่องของผม  ชักอยากไปเป็นลูกแม่กี๋แล้วซิครับ

แม่โอ๊ต >>  อ้าว! เจ้าตังแปรพักตร์หรือเจ้า

ข้าวตัง  >>  เห็นด้วย 


ตอบ: รักลูกให้ถูกทาง...เมื่อเรื่องเล่า! เรื่องลูก! ถูกบันทึก?
โดย พายุ วงศ์วายุ - Thursday, 9 March 2006, 08:45AM
 
พายุอิจฉาปู่หัวโตจังครับ... คุณแม่กี๋ขยันพาไปดมโน่นดมนี่ให้ปู่ได้ชุ่มชื่นหัวใจ... พายุน่ะได้ดมอยู่แต่ในอาณาจักรของพายุเท่านั้นเองครับ... มันก้อไอ้กลิ่นเดิมๆ... พายุละเซ็งอาโกว...

น้องนีโมยืนดูอะไรครับ ท่าทางน่าสนใจนะครับ... แล้วพี่ข้าวตังทำไมนั่งหน้านิ่วคิ้วขมวด... บอกบุญไม่รับยังงั้นล่ะครับ... พายุเห็นหน้าพี่ข้าวตังแล้ว...พายุใจฝ่อจนหดหมดเยย ย ย ย...

ตอบ: รักลูกให้ถูกทาง...เมื่อเรื่องเล่า! เรื่องลูก! ถูกบันทึก?
โดย กี๋ ปากอ่าว - Thursday, 9 March 2006, 11:12AM
 

น้องปลานีโม ณ.ปัตตานี เจ้า..ขา ล้อรถขอคุงพ่อ นำพากลิ่นแปลกจากแดนไกล หลายร้อยไมล์ กลับมาให้น้องปลาได้ฝันถึงที่มาของกลิ่น หลายตลบเชียวนะคะ

ส่วนพฤติกรรม "กลิ้งไว้ก่อน พ่อสอนไว้" ต้องยกให้คุณเต๋าเต้ย  ที่ถูกปล่อยไว้ในป่าปูน ที่เชียงใหม่หลายอาทิตย์แล้ว...( ตามท้องเรื่อง )

เจ้านี่กลิ้งทุกอย่าง นอกจากจะกลิ้งชโลมกลิ่น ยังกลิ้งกระจายกลิ่น ชอบปล่อยกลิ่นกายตัวเอง ลงบนของเล่น กระดูกเทียม กระดูกแท้ ฯลฯ ประกาศก้องว่า อันนี้ของผม อันโน้นนน ก็ของผ้ม ไม่เชื่อดมดูก็ได้!! กลิ่นผมฟุ้งเลยครับ...งกกกก..ม้ากๆฮ้า

พ่อหนุ่มข้าวตังของแม่โอ๊ต..ครับ แม่กี๋ชอบหลายๆ จะได้มีลูกชายหมาเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งโต๋ว!! พิศดูรูปพ่อตังแล้ว แม่กี๋ขอเวลาอีกเทอมหนึ่งนะ แม่กี๋จะไปฝึกศิลปะป้องกันตัว..คอร์ส ขอมดำดิน?  ช่วงปรับตัวกับพ่อตัง แม่กี๋ต้องหาทางหนีทีไล่ ละเอียดละออหน่อยล่ะ

พี่พายุก็ไม่เบา จ้องเอ้า..จ้องเอา แม่กี๋มองสบตาที่ไร หนาวสะท้านทู้กที

แม้นพี่พายุและน้องน้ำมนต์ จะไม่ได้ออกไป ประมวลภาพเรื่องราวนอกบ้าน แต่แม่กี๋แอบสังเกตบ้านของอาโกว มีบริเวณกว้างขวาง มีสนามหญ้า ต้นไม้ใหญ่สวยๆ ดูร่มรื่นเย็นสบาย ให้บางแก้วคู่ขวัญได้วิ่งเล่น อย่างเพลิดเพลินใจ

แม่กี๋ว่าลำดับภาพในจินตนาการของพี่พายุและน้องน้ำมนต์ จะบรรเจิดสวยงาม มีแต่กลิ่นไอบรรยากาศ..ธรรมชาติรอบๆตัว....ดีจังค้า


ตอบ: รักลูกให้ถูกทาง...เมื่อเรื่องเล่า! เรื่องลูก! ถูกบันทึก?
โดย eve Savangpop - Thursday, 9 March 2006, 02:09PM
 

เห็นอย่างนี้แสดงว่าปู่หัวโตหายป่วยเป็นปลิดทิ้งแล้วแน่เลยใช่มั้ยคะ  คงเหลือไว้แต่ความสุขใจ  สบายตัว  อีฟเข้ามาอ่านแล้วก็ยังพลอยให้สุขใจไปด้วย  เรื่องราวความรู้สึกของหมาทุกตัวก็คงไม่ต่างกันเท่าไหร่นัก  ไม่ว่าเจ้าของหมาคนใดพอได้มาอ่านแล้ว  ก็คงต้องนั่งนึกยิ้มๆ ในใจกันทั้งนั้นนะคะ  เอ๊ะ...ลูกเราที่บ้านมันก็เป็นแบบเลยนี่นา

เห็นแล้วอิจฉาหมาหลายๆ ตัวแทนถุงเงินค่ะ  ที่ได้มีโอกาสได้ไปเที่ยวนอกบ้าน  อย่างสุขใจ  อยากไปไหนก็ไปได้ทุกที่  สำหรับถุงเงินแล้วอย่างเก่งก็ได้แต่วิ่งไป วิ่งมาในบริเวณบ้านนี่แหละค่ะ  ขนาดอยู่แต่ในบ้านก็ยังไม่วาย  เมื่อวานมีคนโทรไปแจ้งปศุสัตว์ที่นี่ให้มาตรวจสอบอีกนะคะ  ว่าเรามีใบอนุญาติให้เลี้ยงรึเปล่า  จะมาจับหมาไปเฉยเลยอ่ะ  ยังดีที่เรามีเอกสารยืนยันไว้(สำหรับถุงเงินกับเจ้าเอ๋อปอมฯ)  และถึงแม้จะเป็นหมาข้างล่างอีกหลายตัวที่เรารับทอดเลี้ยงดูต่อมา  อีฟก็ยังมีเอกสารทำวัคซีนให้เค้าดูได้ทุกตัว  เพราะเราก็ว่าเราดูแลดีไม่เคยขาดตกอะไรเลย  เค้าเลยต้องพากันยกทัพกลับไป  รอดตายไปได้กันอย่างหวุดหวิดเลยค่ะ  แต่เจอเรื่องแบบนี้แล้วหัวอกคนเลี้ยงหมา  มันก็น่าเจ็บใจนักนะคะ  ทั้งๆ ที่หมาเราก็อยู่แต่ในบ้าน  ไม่เคยไปสร้างปัญหาให้ใครเลย  ทำไมเค้าต้องมามีปัญหากับหมาเราด้วยน๊า  ได้แต่ยืนกัดฟันนึกอยู่ในใจ  คิดไว้ว่าเย็นไว้เหอะลูก  เด๋วย้ายกลับเมืองไทยเมื่อไหร่  จะพาเที่ยวซะให้หนำใจไปเลย  อยู่ที่ไหนคงไม่สุขใจเท่าบ้านเราแน่  ก็ได้แต่ห่วงเจ้าพวกหมาข้างล่างที่นี่หล่ะค่ะ  ถ้าอีฟย้ายไปแล้ว  ชีวิตพวกเค้าจะเป็นไงต่อไป

ตอบ: รักลูกให้ถูกทาง...เมื่อเรื่องเล่า! เรื่องลูก! ถูกบันทึก?
โดย กี๋ ปากอ่าว - Thursday, 9 March 2006, 03:54PM
 

สวัสดีค่ะคุณ eve หลังฟื้นจากอาการป่วย ปู่หัวโตยังไม่ค่อยเจริญอาหารนัก

ช่วงนี้อากาศร้อนมาก แดดจัด ดูลูกๆจะเบื่ออาหาร บางวันกินแต่น้ำ

และหงุดหงิดง่าย

เวลาอากาศร้อนๆ แม่กี๋สงสารบางแก้วจริงๆ เมื่อเห็น ขนที่ยาว

และหนาตั้งสองชั้นของเขา ไม่ทราบว่าบ้านอื่นๆ เป็นอย่างไรกันบ้าง?

แม่กี๋ได้อ่านเรื่องห่วง.. เด็กๆในอุปการะของคุณ eve... แล้วอินตามไปด้วย

หากวันหนึ่งต้องจากพวกเด็กๆ คุณ eve.....คงไม่มีวันลืมพวกเขา

ในขณะที่เด็กๆ....คงจะมีแต่ความคิดถึงและรอคอย....


ตอบ: รักลูกให้ถูกทาง...เมื่อเรื่องเล่า! เรื่องลูก! ถูกบันทึก?
โดย น้ำอบ ^o^ - Friday, 10 March 2006, 08:55PM
 

เวลาปล่อยน้ำอบออกมานอกกรง น้ำอบก็ต้องวิ่งๆๆ สำรวจรอบบ้านเลย

แล้วชอบที่สุดคือ ชอบกลิ้งตัวตามแอ่งน้ำ ดินเปียกๆ หลังรถน้ำต้นไม้นี่จะชอบมาก 

ต้องคุ้ยๆๆๆ พอดินเริ่มและๆ  ก็จะลงไปนอนคลุกดินเล่น ตัวงี้เลอะเทอะไปหมด

หรือไม่ถ้าเจอกลิ่นอะไรแปลกๆ เช่น คางคกโดนรถเหยียบเหม็นๆ นี่ น้ำอบจะนอน เอาหลังถูไปถูมา 

ไม่รู้ว่าโตขึ้นน้ำอบจะเลิกเล่นแบบนี้รึเปล่า


ตอบ: รักลูกให้ถูกทาง...เมื่อเรื่องเล่า! เรื่องลูก! ถูกบันทึก?
โดย กี๋ ปากอ่าว - Friday, 10 March 2006, 11:59PM
 

สวัสดีค่ะน้องน้ำอบ..น้องน่ารักมากเลย ขนสวย ตาแจ๋วแหวว สงสัยกำลังหมายตาแอ่งน้ำ แอ่งใหม่ใช่มั๊ยจ้ะ.น้องบางแก้วตัวน้อย!! แม่กี๋ขอเอาเรื่องเก่ามาเล่าใหม่นะคะ ก็เรื่องของเหม็นกับการคลุกดิน..และเล่นน้ำ

สำหรับรสนิยมเรื่องของเหม็น เลิกไม่ได้ดอกจ้ะ เดี๋ยวบรรพบุรุษตีตาย..ก็หนูๆ..ผมๆเป็นบางแก้วแท้นี่นา การล่าเหยื่อเป็นนิสัยสืบทอดมาจากสายเลือดเจ้าคุณทวดๆๆๆปู้น ยิ่งพวกสัตว์เลื้อยคลาน กบ เขียด คางคก ไก่หรือนก หนู กระรอก กระแต เร้าใจมากๆ 

ก่อนล่าเหยื่อ บางแก้วจะชอบพลางตัวเป็นทหารพราน เจอของเหม็นที่ไหนจะไปกลิ้งเกลือกข้างตัวให้ของเหม็นติดตัวไป แล้วจึงไปหมอบคลานล่าเหยื่อ

พอตัวเหม็น พวกแมลงต่างๆชอบมาตอม หม้ด เหา ไร เพิ่มเข้าไปอีก บางแก้วเกิดความรำคาญและคันตามตัว คราวนี้หันไปอาบน้ำ แมลง เหา ไร หมัดจะได้หลุดลอยน้ำตายไปไง นี่จึงเป็นสาเหตุที่บางแก้วชอบอาบน้ำ(เอง) และอีกสาเหตุหนึ่งคือขนที่ยาวและหนาแน่น ทำให้อุณหภูมิร่างกายสูง มันร้อนครับ..ค่ะ..

แต่การฝึก อบรม สั่งสอน ช่วยได้ค่ะ  เมื่อเจ้าของเห็นพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์ ต้องฝึกโดยการห้ามทุกครั้งที่เห็น "ไม่"เป็นคำตอบสุดท้าย  อาจช่วยบรรเทาลงได้ระดับหนึ่ง ขึ้นอยู่กับความเด็ดขาดของคำสั่ง (แต่ถ้าเผลอเจอของเหม็น หนูจะทำอีกนะ...หนูช้อบ..ชอบ ยิ่งคางคกโดนเหยียบ แบนๆแห้งๆ ยิ่งคลุกมันอย่าบอกใคร)

พี่เต๋าเต้ยเคยออกไปนอกบ้าน และกลับมาพร้อมกลิ่นเหม็น แม่กี๋จับฟอกสบู่ตั้งนาน ยังติดตัวไปอีกตั้งหลายวัน อาบไปบ่นไป ทีหลังเลยต้องกำชับให้คนพาเที่ยว ช่วยกันสอดส่องอีกแรง ตอนนี้ไม่ค่อยเก็บกลิ่นเหม็น กลับมาบ้าน..แต่ห้ามเผลอนะแม่!!!

 


ตอบ: รักลูกให้ถูกทาง...เมื่อเรื่องเล่า! เรื่องลูก! ถูกบันทึก?
โดย กี๋ ปากอ่าว - Sunday, 19 March 2006, 11:41PM
 

การเลือกที่รักมักที่ชัง ที่หัวโตแสดงออกมาอย่างชัดเจน เป็นข้อกังขาที่น่าสะกิดใจ ในความคิดของหมา ที่ไม่ต่างไปจากคน ในการรับรู้ได้โดยสัญชาตญาณว่า ใครรัก ใครชอบ ใครเกลียด และคนไหนเป็นพวกพ้อง คนไหนเข้าข่ายศัตรู เปรียบเสมือนการยอมรับสมาชิกในฝูงเดียวกัน และ การปฏิเสธการเป็นพันธมิตรกับสมาชิกในฝูงคู่แค้น โดยตั้งแง่ทะเลาะเบาะแว้ง แบบเหมายกฝูง

แม่กี๋ของเริ่มที่คนแปลกหน้า ที่ไม่ใช่สมาชิกในครอบครัวก่อน โดยนิสัยแล้ว บางแก้วจะไม่ค่อยสบายใจและแสดงอาการดุร้าย หากมีคนที่ไม่รู้จักมักคุ้น เข้ามาเดิน มานั่งหรือข้องแวะพูดคุยกับเจ้าของ ภายในบริเวณบ้าน

 ดังนั้นการที่คนแปลกหน้าจะเข้ามาผูกมิตรกับบางแก้วถึงในบ้าน จึงเป็นเรื่องที่ยาก และไม่นิยมทำกัน จึงมีน้อยคนที่จะประสบความสำเร็จ ส่วนใหญ่พอเห็นบางแก้วแยกเขี้ยวก็ถอดใจ ถอยหลังโบกมือลาลับ แต่คนที่ทำได้ก็ใช่ว่าจะหาไม่ได้ในปฐพี

“นักการ” ผู้มีหน้าทำความสะอาด ประจำพื้นที่ แฟลต บ้านพักและห้องแถว เป็นคนแปลกหน้า ที่จำเป็นต้องเข้านอกออกในบ้านแม่กี๋ทุกวัน เพราะโดยหน้าที่ๆต้องเข้ามา ดูแลเรื่องความสะอาด ตัดหญ้า และรดน้ำต้นไม้รอบๆบริเวณบ้าน เขาจะทำอย่างไรถ้าต้องเผชิญหน้ากับหมาบ้าน...ดุ?

นักการคนแรก...  เข้าบ้านกี่รอบๆก็สอบไม่ผ่าน เข้ามาทีไร เจอหัวโตจ้องจู่โจม ไม่ชอบหน้าหน้าเอามากๆ หยิบจับของในบ้านไม่ได้ ตัวเขาเองก็ไม่ใช่ย่อย ชอบเงื้อไม้กวาด ทำท่าไล่และขู่จะตี แม่กี๋ต้องล่ามหัวโตไว้ เวลาเขาเข้ามาทำงาน เจอกันนอกบ้าน หัวโตก็ยังเห่าไม่เลิก เขาทำงานได้ไม่นาน  ทางการเชิญออก เพราะทั้งขี้เกียจ และขี้เมา

นักการคนต่อมา ขอเรียกว่า “น้านักการ” คนนี้ท่าทางมีอายุแล้ว แกขอเข้ามาทดลองงานแบบไม่รับเงิน ขอเพียงได้สัมปทานมุมขยะ ที่แกสามารถ เก็บกระดาษ ขวด กระป๋อง เพื่อเอาไปขายเป็นรายได้เลี้ยงครอบครัว แกเข้ามาเก็บกวาด ตัดหญ้า รดน้ำต้นไม้ โดยไม่สนใจหัวโต ที่วิ่งพุ่งเข้าขู่และเห่าไล่ งับน่องบ้าง เอาปากกระแทกขา พ่นน้ำลายเปียกกางเกง

น้าทำใจเย็น หน้าตายบวกใจสู้ ไม่ตอบโต้ ทำงานของแกไปเรื่อยๆ อย่างมากก็แค่ หันไปถาม……”ทำไมเล่า...!! “แกไม่เคยดุ ไล่ หรือตีหัวโตเลยสักครั้ง เจอไม้นี้หมาแก่หัวโตงง ถอยไปนอนหมอบมองเฉยๆ แต่ก็อดตามไปตรวจเช็คดูว่า น้าเดินไปทำอะไรตรงไหนในบ้านทุกฝีก้าว หัวโตเริ่มคุ้นเคยกับการที่น้าเข้ามาทำงานในบ้าน

เคล็ดลับของน้าคือ ความเอื้ออาทร  แกมีน้ำใจหิ้วกระดูกหมูอันโต ที่แกไปขอมาจากร้านข้าวขาหมู บางวันก็เป็นหัวปลาทอด ที่แกได้มาจากแฟลตและห้องแถว มาฝากหัวโตทุกวัน 

ยามที่หัวโตไม่สบาย ได้รับบาดเจ็บ แกจะป้อนยาและล้างแผลใส่ยาให้จนหาย และยังอาบน้ำให้หัวโตทุกอาทิตย์ นอกจากนั้น แกยังรับงานพิเศษ คือเปิดรั้วให้หัวโต ได้เข้าออกไปเที่ยวนอกบ้านทุกเช้า

 คงไม่ต้องบอกว่า หัวโตนั้นติดอกติดใจน้าเข้าอย่างจัง ทุกๆเช้าเวลาได้ยินเสียงรถมอเตอร์ไซด์ของน้า มาจอดข้างบ้าน หัวโตจะร้องคร่ำครวญ ขอร้องให้เปิดประตู เฝ้าเดินตามไปทุกหนทุกแห่งที่น้าทำงาน ตั้งแต่พื้นราบไปจนถึงบนแฟลตชั้นสี่ หัวโตยอมรับในไมตรีจิต ด้วยการเปิดหัวใจต้อนรับน้านักการ เข้าไปเก็บไว้ในหัวใจห้องที่ห้า...อย่างถาวร

การเลือกที่รักก็พอจะเข้าใจได้ว่า เมื่อคนทำสิ่งดีๆให้ หมารู้คุณคน ย่อมจะรักตอบ มันก็ไม่เห็นเป็นเรื่องแปลก แต่ที่ไปเกลียดคน ที่เขาไม่เคยทำร้ายหรือแม้นแต่ดุด่านี่สิ มันแปลกดีนะ!!

“สมพงศ์” ผู้มีหน้าที่ดูแล ให้อาหาร เจ้าแซมและเจ้าบอส หมาเชพพอดสองพ่อลูกบ้านตรงกันข้าม คู่พิฆาตที่เป็นศัตรูคู่แค้นเจ้าเก่า สมพงศ์ถูกหัวโตเหมาให้อยู่ในฝูงของหมาเชพพอด และตกเป็นจำเลยโดยไม่รู้ตัว หัวโตวิ่งไล่เห่าสมพงศ์ทุกครั้งที่เห็นเดินหรือขับรถผ่านหน้าบ้าน

 ตลอดทั้งวันหัวโตจะเอียงหู คอยฟังเสียงเดิน เสียงรถ ที่แม้นจะอยู่ในระยะไกล ก็ไม่อาจพ้นรัศมีการได้ยิน เพราะเวลานอน หัวโตจะแนบหูข้างหนึ่งลงกับพื้น เหมือนวิธีของนายพรานป่า ที่ช่วยให้การได้ยินเสียงในระยะไกลมีประสิทธิภาพมากขึ้น เหตุการณ์นี้เล่นเอาสมพงศ์ยิ้มอย่าเอียงอายทุกครั้งที่เดินผ่าน ทำหน้าทำนองว่า ”ผม..นายสมพงศ์...โดนเหมาเป็นศัตรูของหมาแบบยกฝูง เสียแล้วครับ”

 การมีนายเพียงคนเดียวของบางแก้วหัวโต จึงไม่ได้ปิดกั้นการมีความสัมพันธ์อันดีกับคนอื่นๆ หากแต่การเลือกยอมรับมิตรใหม่หรือตั้งตนเป็นศัตรูกับใคร หัวโตขอสงวนไว้เป็นเรื่องของความพึงพอใจส่วนตัว

ดังนั้นหากคนที่คิดจะคบหมาเป็นเพื่อน การทำความรู้จักและผูกมิตร โดยเฉพาะการแนะนำตัว ควรคำนึงถึงปัจจัยต่างๆ ที่อาจเป็นตัวช่วย ให้การเริ่มต้นของมิตรภาพ ให้เป็นไปอย่างราบรื่น

ปัจจัยข้อที่หนึ่ง: ลักษณะนิสัยหมา หมาบางตัวขี้อายและไม่ค่อยไว้ใจใคร เจอคนวิ่งหนีสุดชีวิตหรือบางทีฉี่ราด ตื่นเต้นหรือหวาดกลัว ตัวสั่นงันงกแตะเนื้อต้องตัวไม่ได้ ถ้าไม่กัดตอบ ก็ร้องราวกับโดนทุบหัว เจ้าหมาพวกนี้มักผ่านการถูกทิ้งให้อยู่ตามลำพังตั้งแต่เด็ก ตลอดทั้งวัน ไม่ได้พบปะใครเลยนอกจากเจ้าของ

เจ้าแจ๊ค เป็นลูกติดท้องของ มิเกิลหมาท้องแก่ ที่พี่หล้าพี่เลี้ยงปลาทู เก็บเอามาเลี้ยงไว้ มิเกิลออกลูกมาห้าตัว สวยเนี๊ยบทุกตัว ขนปุยสีขาวสลับน้ำตาลอ่อน พันธุ์เตี้ย พี่หล้าแจกจ่ายเพื่อนๆคนงานที่รักหมาเหมือนกัน ให้เอาไปช่วยเลี้ยง บางคนส่งกลับไปอยู่บ้านนอก บางคนเลี้ยงอยู่ไว้ในห้องพัก 

เจ้าแจ๊ค ได้ชื่อตามพระเอกหนังเรื่องไททานิค เจ้าของเป็นแม่บ้านที่โรงงาน แต่งงานแล้วหลายปีไม่มีลูก เธอจึงเลี้ยงเจ้าแจ๊คเหมือนลูกแท้ๆ เลี้ยงไว้ในห้องพัก นอนบนเตียงด้วยกัน อาหารการกินจัดเตรียมให้อย่างดี เจ้าแจ๊คอาบน้ำบ่อย จนตัวขาวสะอาดน่าอุ้ม

แต่นิสัยเจ้าแจ๊คแปลก เจ้านี่กลัวคนแปลกหน้ามาก เวลาเอามาเที่ยวที่โรงงาน ใครทักทาย เจ้าแจ๊คจะนอนตัวสั่น พร้อมกับฉี่ราดเปียกไปทั้งตัว พอเข้าไปใกล้ เจ้าแจ๊คจะขู่และแว้งกัด แม่กี๋ว่า เจ้าแจ๊คเป็นหมามีปัญหาทางจิต ชีวิตปราศจากสังคม เพราะต้องอยู่แต่ในห้องกล่องสี่เหลี่ยมมืดๆทั้งวัน 

เมื่อนำไปเปรียบเทียบกับพี่น้องในคอกเดียวกัน ตัวอื่นๆ ที่พี่หล้าเอาขังรวมไว้ในกรงหน้าบ้าน อยู่กับแม่หมามิเกิลและมีคนแวะเวียนมาทักทายบ่อยๆ พวกนั้นขี้เล่น ร่าเริงและชอบคลุกคลีอยู่กับคนและหมาด้วยกัน

 แม่กี๋ขอเรียกญาติพี่น้องเจ้าแจ๊คว่า “หมาเจนสังคม” เจ้าหมาพวกนี้จะกระดิกหางเชิญชวน หน้าตายิ้มละไมไทยแลนด์ แสดงความสบายใจกับการอยู่ใกล้ชิดกับคนและหมาตัวอื่นมากกว่าเจ้าแจ๊ค  

ดังนั้นถ้าตกลงใจแล้วว่า อยากเป็นเพื่อนกับหมาขี้อาย ช่วงของการแนะนำตัว อาจต้องใช้ความสุภาพอ่อนโยน หลีกเลี่ยงการหักหาญน้ำใจ รอให้เพื่อนหมาคลายความกังวล จนหายเครียดเสียก่อน แล้วค่อยจับตัวหรืออุ้ม ไม่ควรอุ้มทั้งๆที่หมากำลังหวาดกลัว เพราะเพื่อนหมาอาจกัดและ ปฏิเสธการสร้างมิตรสัมพันธ์กันตลอดไป

 แต่หมาบางตัว ชอบต่อสู้หรือทะเลาะเบาะแว้งกับคนและหมาอื่น มีพฤติกรรมก้าวร้าว ที่มีเหตุผลหลายประการ เช่น เผ่าพันธุ์ การเลี้ยงดูและประสบการณ์การถูกทารุณกรรมตั้งแต่เล็กจนโต

ภาวะใดๆที่กดดัน ให้หมามีความคิดทางด้านลบต่อเจ้าของ บุคคลอื่น สุนัขตัวอื่นหรือสัตว์อื่น จะแสดงอาการต่อต้าน ที่เห็นได้จากพฤติกรรมที่ก้าวร้าว เจ้าหมาพวกนี้จึงมักได้คำต่อท้ายว่าหมา...ดุ

หมาที่ดุจากสายเลือด หรือ ยีน เมื่อเจอคนหรือหมาอื่น หากเจ้าของควบคุมไม่ได้ หรือสุนัขไม่ได้ถูกฝึกให้เชื่อฟังคำสั่งและ ไม่คุ้นเคย  อาจเข้าจู่โจมทำร้าย เกิดอันตรายได้ ดังนั้นควรอยู่ห่างๆเข้าไว้ ไม่ต้องอยากไปทำความรู้จักมักคุ้น หรือหากเจ้าหมาไม่ได้เปิดไฟเขียว ก็อย่าเลี้ยวเข้าใกล้ เป็นอันขาด

หมาดุจากการเลี้ยงดู เช่น การเลี้ยงแบบขังหรือ ล่ามโซ่ไว้ตลอดเวลา ทำให้เครียด อารมณ์เสีย เพิ่มความโหดมากขึ้น  หรือการเลี้ยงแบบไม่ให้เห็นคน พอมีคนมาบ้านก็จับไปขัง กลัวหมาจะทำร้ายแขก เลยกลายเป็นว่า ชีวิตนี้มีแต่หน้าเจ้าของเท่านั้น ไม่เคยพบเห็นคนแปลกหน้า

รวมถึงหมาที่เจ้าของเลี้ยงด้วยลำแข้ง เช้าเตะ เย็นตี สะสมความรุนแรง ไว้ในความทรงจำของหมา หมาสามจำพวกนี้ จะเห่าและอาจกัดคนที่เข้ามาในบ้านเพราะเข้าใจว่า..คนแปลกหน้าคือศัตรู

ถ้าเกิดไปถูกชะตากับหมาดุ อยากคบไว้เป็นมิตรคู่ใจสักตัว การแนะนำตัวอาจต้องพึงพาเทคนิคทางด้านจิตวิทยาหมา ที่ว่าด้วยการเดินเข้าหาหมาดุหรือหมาก้าวร้าว จะต้องเดินเอาด้านข้างของลำตัวเข้าหา ถ้าเอาด้านหน้าหรือเดินเข้าไปตรงๆ หมาจะเข้าใจว่าไปประจันหน้า ท้าทาย และหากไม่แน่ใจว่าเพื่อนหมาจะโจมตี ในนาทีนั้น การยื่นแขนออกไปข้างหนึ่งก็เป็นการเบี่ยงเบนความสนใจของหมาออกจากลำตัวและขาได้  

 ลักษณะของหมา ที่แม่กี๋ได้เขียนพาดพิงข้างต้น อาจแยกออกได้เป็นสองประเภท ได้แก่หมาไร้สังคมและหมาเจนสังคม ที่มีผลมา_จากธรรมชาตินิสัยของหมาและการเลี้ยงดูของเจ้าของ

ปัจจัยข้อที่สอง: การสื่อสารระหว่างคนกับหมาไม่ใช่เรื่องง่ายเสมอไป การเข้าไปความรู้จักกับหมาในครั้งแรก ไม่ควรเริ่มต้นที่การสัมผัสตัว การกอดรัดสิ่งที่เรารักเป็นเรื่องของคน แต่สำหรับหมาการนัวเนียกันเป็นพัลวัน เกิดขึ้นเมื่อกำลังต่อสู้หรือผสมพันธุ์กัน

ดังนั้นส่วนใหญ่จะคุ้นเคยกับกิริยาอาการทักทายอย่างเป็นมิตร ที่หมาชอบทำเพียงแค่ยืน อ้าปาก “ยิ้ม” และกระดิกหาง ดังนั้นถ้ายังไม่ใช่มิตรกัน อย่าคิดไปจับหัว จับหู จับหาง หรือ ลูบหน้า ลูบหลัง โดยเจ้าหมายังไม่ได้เชื้อเชิญ

อวัยวะสาม “” ที่ทำไม หมาถึงหวง หู หาง หัวนักหนา? ก็เพราะอวัยวะทั้งสามเป็นจุดยุทธ์ศาสตร์สำคัญของหมา ที่ใช้แสดงอารมณ์ต่างๆ กระดิกหางเมื่อดีใจ หางจุกตูดหรือหางห้อยตกอยู่ด้านหลังเมื่อกลัวหรือยอมแพ้ พอสงสัยอะไรบางอย่างก็ทำหางตั้งขึ้น ขยับหูไปมา หรือเอียงหน้า เอียงคอ เมื่อได้ยินเสียงปกติผิด

ปัจจัยข้อที่สาม: สถานการณ์และสภาพแวดล้อม   เช่น อากาศที่ร้อนจัด หนาวเย็น หรือ ลมเย็น ชุ่มฉ่ำหลังฝนซา มีผลต่ออารมณ์แปรปวนของคนและหมา ปัจจัยภายนอกที่สามารถ ส่งผลดีและผลเสียต่อมิตรภาพ ในการพบปะกันเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะอากาศร้อนอบอ้าว และอึดอัด หมาจะหงุดหงิดและ ฉุนเฉียวได้ง่าย เคยมีข่าวขึ้นหน้าหนึ่งเรื่องหมาทำร้ายสิ่งมีชีวิตร่วมบ้านปางตาย มานักต่อนัก

หมาบาดเจ็บ ป่วย หมาแม่ลูกอ่อน ภายใต้สถานการณ์เหล่านี้ หมาจะดุและหวาดระแวง บางตัวกัดได้แม้นกระทั่งเจ้าของและ คนเลี้ยง หมาในอารมณ์นี้ ไม่เหมาะกับการทักทายหรือเริ่มทำความรู้จักกัน

จากประสบการณ์วัยเด็กของแม่กี๋ ที่บ้านมีหมาไม่มีเจ้าของชอบมาป้วนเปี้ยนหลายตัว มีทั้งดุมากไปจนถึงเชื่องเหมือนแมว อยู่มาวันหนึ่งเจ้าตัวเมียสองตัว อุ้มท้องพร้อมกัน แถมยังยังนัดกัน เข้ามาหาทำเลออกลูกในบ้าน เจ้าตัวดุและนังหนูตัวเชื่องออกลูกอ้วนจ่ำม้ำหลายตัว

ปกติแม่กี๋จะเป็นมิตรกับเจ้าตัวดุได้ดี จึงเข้าดูเด็กๆได้ใกล้ๆ แต่ไม่กล้าจับ ส่วนลูกนังหนูตัวเชื่องเข้าไปอุ้มได้สบาย ครองใจทั้งสองแม่หมาได้เพราะแอบเอาข้าวไปให้บ่อยๆ แต่คนอื่นๆเฉียดเข้าไปใกล้ แม้นจะโดยบังเอิญก็ตาม ได้รอยเขี้ยวหรือไม่ก็ช้ำเลือดทุกราย

มีอยู่วันหนึ่งแม่กี๋ดันอุตริเอาถุงสวมหัว แล้วย่างสามขุม เข้าไปหาหมาแม่ลูกอ่อน เจ้าตัวดุกระโจนงับเข้าให้ที่น่องทันที และมีนังหนูตัวเชื่องจดๆจ้องๆ กำลังจะเข้ามาร่วมวงขย้ำ แต่พอเอาถุงออก ก็พากันถอยห่างออกไป

แม้นเรื่องจะเกิดขึ้นมานาน แต่แม่กี๋ยังจำภาพได้ชัดเจน เพราะมันเป็นบทเรียนราคาแพง ที่ทำให้แม่กี๋ต้องโดนเข็มจิ้มจนระบมแล้วระบมอีก ดังนั้นหากรู้ตัวว่าหน้าไม่คุ้น อย่าเข้าไปจุ้นกับหมาแม่ลูกอ่อนที่ไม่รู้จักเป็นอันขาด

แม่กี๋ลองหาสาเหตุของความโหดที่ร่ำลือของหัวโต สาเหตุอาจเกิดจากการเคยถูกทำร้ายโดยคนและหมา เมื่อถูกทำร้าย ให้เจ็บตัว ก็ต้องต่อสู้ป้องกันตัว ไม่ยอมปล่อยให้ใครมาข่มเหง แต่ในทางตรงกันข้าม ถ้าไม่มีใครมาตอแยหาเรื่อง หัวโตไม่เคยวิ่งเข้าไปจู่โจมคนหรือหมาอื่น ที่อยู่นอกอาณาเขตเลย....หัวโตดุ..และโหดจริงหรือ?

เมื่อชีวิตเปลี่ยนไป กลายมาเป็นหมาบ้าน หัวโตมีเหตุผลของความเป็นหมาดุอีกมุมมองหนึ่งมันกลับกลายเป็นเรื่องของนิสัยประจำพันธุ์ของบางแก้ว อาจเรียกได้ว่า นิสัยเหล่านี้เป็นแรงขับให้แสดงความก้าวร้าว ดุดัน

นิสัยขี้หวง หัวโตไม่ชอบให้ใคร เดินเข้ามาในรั้วบ้าน ยืนหน้าบ้าน เกาะรั้วบ้านหรือเอารถมาจอดขวางประตูบ้าน และยิ่งยกของเข้าหรือออกจากบ้าน หัวโตจะวิ่งเห่าต้อนหน้าต้อนหลัง นอนขวางประตูบ้าน หรือนอนทับรองเท้า ไม่ให้ใครเดินผ่าน ส่งเสียงคำรามเตือน ให้รู้ว่าถ้าใครกล้าข้ามต้องได้เห็นดีกัน

ช่างไฟฟ้าที่มาเดินสายไฟในบ้าน มาฟ้องแม่กี๋ว่า หัวโตไปนอนเฝ้ากระเป๋าเครื่องมือของเขา พอจะหยิบ สายไฟ  ไขควง ค้อน ตะปู  จะโดนงับมือ และยังนอนทับรองเท้าของเขา ไม่ยอมให้หยิบจับเช่นกัน  โดนทั้งขึ้น ทั้งล่อง ช่างไฟฟ้ายืนเกาหัว ขำนิสัยขี้หวงของหัวโต

 แขกที่มานั่งคุยกับพ่อจ๋าที่โต๊ะหินหน้าบ้านก็เช่นกัน หัวโตแอบมุดใต้โต๊ะเข้าไปงับขากางเกง จนแขกรีบอำลากลับ โกยอ้าวไม่เหลียวหลัง โชคดีที่หัวโตไม่เคยกัดใครเข้าเนื้อเลย น้ำหนักเขี้ยวจะงับเบาๆแล้วปล่อย  เหมือนแค่เตือนให้รู้ว่า...อย่านะ!!..ผมเป็นหมา...ดุ นะจะบอกให้...ขอเตือน!!

ส่วนนิสัยอื่นๆเช่น นิสัยขี้อิจฉา หัวโตเป็นหมาขี้หึงเจ้านายมากๆ  นิสัยหวงอาหาร หัวโตงกอาหารแบบสุดๆ อิ่มแล้วก็อย่าหวังว่าจะยกกระดูกให้กับหมาหน้าไหน และ นิสัยเลือดนักสู้เพื่ออิสระ หัวโตมีความเป็นจ่าฝูงเกินร้อย มั่นใจในตัวเอง ยอมหัก ไม่ยอมงอ ดื้อหัวชนฝา...ไม่ไว้หน้าหมาหรือคน...แม่กี๋ต้องทำใจยอมรับนิสัยหมาในปกครอง โดยสดุดี

หลังจากนินทาหมาบ้านอื่นมาหลายบ้าน ผนวกกับความเข้มข้นของนิสัยหัวโต ทำให้แม่กี๋ชักเกิดกิเลสพอกพูนเป็นทวีคูณ อยากรู้เสียเหลือเกินว่า นิสัยหัวโตมีที่มาที่ไปอย่างไร? คราวนี้แม่กี๋จะเอาจริง ยอมตากหน้า หาข่าว...จริงๆจังๆเสียที

 


ตอบ: รักลูกให้ถูกทาง...เมื่อเรื่องเล่า! เรื่องลูก! ถูกบันทึก?
โดย จิตรใส สิระชัยนันท์ - Sunday, 19 March 2006, 11:25PM
 

คุณแม่กี๋จะสวมวิญญาณ...โคนัน...หรือครับ  ต้องการผู้ช่วยอย่างผมมั๊ยครับ


ตอบ: รักลูกให้ถูกทาง...เมื่อเรื่องเล่า! เรื่องลูก! ถูกบันทึก?
โดย กี๋ ปากอ่าว - Sunday, 19 March 2006, 11:45PM
 

สวัสดีจ๋าจ้ะ...มาเร็วจริงนะพ่อตัง...หน้าพ่อตังเข้มแบบ..อ้ายเจมส์..บอลลล...เมืองผู้ดี..แต้ว่าเน้อ..อ้าย

ตอบ: รักลูกให้ถูกทาง...เมื่อเรื่องเล่า! เรื่องลูก! ถูกบันทึก?
โดย กี๋ ปากอ่าว - Thursday, 23 March 2006, 04:39PM
 

อันที่จริงหัวโตอยู่ที่ใต้ถุนแฟลตมานาน ก็น่าจะมีคนที่รู้ความเป็นมาบ้าง แต่เรื่องเล่ากลับไม่ค่อยจะประติดประต่อเท่าใดนัก อาจเป็นเพราะคนมักมองข้ามชีวิตหมาจรจัด จึงทำให้หัวโตไม่มีตัวตนอยู่ในสายตาของใคร แม่กี๋เริ่มสืบสาวราวเรื่องจากคนใกล้ตัวก่อน เขาเป็นเพื่อนร่วมงานของพ่อจ๋า ที่พักอยู่บ้านห้องแถวคนนั้น คำถามของแม่กี๋คือ เขาพบเห็นหัวโตเป็นหมาจรจัด ที่อาศัยแถวแฟลต มานานเท่าไร?

เขาเล่าว่า “ผมรับข้าราชการ พอเรียนจบ ก็ถูกส่งมาบรรจุอยู่ที่จังหวัดสมุทรสาครเป็นแห่งแรก และมาพักอยู่ที่ห้องแถวแห่งนี้ ตอนย้ายมาอยู่ใหม่ๆ ผมก็เห็นจอมโหดวิ่งอยู่แถวนี่แล้วครับ จอมโหดเป็นหมาที่ดุ เค้าสู้ทุกคน หมาทุกตัวที่มาข่มเหง หมาแถวนี้เคยปะทะกับจอมโหดมาแล้วทุกรุ่น ปกติไม่ค่อยมีใครอยากยุ่งด้วย ชาวแฟลตเคยแจ้งให้ เทศบาลมาวางยา จ้องจะจับหลายครั้งแล้ว แต่ก็เหมือนกับรู้ตัว หนีรอดไปได้ทุกปี ช่วงหลังๆคงอายุเยอะและร่างกายทรุดโทรมลงมาก จะกลัวคน ไม่ค่อยออกมาให้เห็น อีกอย่างบางคนเค้าก็รังเกียจ เห็นนอนตรงไหนก็ไล่ตี ผมทำงานอยู่ที่นี่จะสิบปีแล้วครับ”

แม่กี๋ได้ข้อมูลเบื้องต้นที่พอจะคาดเดาอายุของหัวโตได้ ไม่น่าเชื่อว่าหัวโตจะทนมีชีวิตอยู่กับสังขารเช่นนี้มาได้นานถึงสิบปี  น่าแปลกจริงๆ ทีหมาที่เลี้ยงไว้ในบ้าน กินดีอยู่ดี เจ้าของรักมาก มีชีวิตอยู่อย่างสุขสบาย  พบหมอเป็นประจำ กลับป่วยออดๆแอดๆ สารพัดโรค  บางตัวตายจากไปเมื่ออายุยังน้อย ด้วยโรคที่รักษาไม่หาย เช่น โรคมะเร็ง โรคเบาหวาน โรคหัวใจ โรคไตฯลฯ สรรหาจะสมัครเข้ามาบั่นทอนชีวิตแสนสบายของเจ้าหมา

 คนที่อายุยืนยาว มีชีวิตที่สุขสบาย ถูกชื่นชมสรรเสริญว่าเป็น “คนมีบุญ” แต่ถ้าคนใดมีชีวิตที่ทุกข์เข็ญ แถมตายยากตายเย็น เป็นกี่โรคก็ไม่ยอมตาย กลับถูกประณามว่าเป็น “คนมีกรรม” ต้องมีชีวิตอยู่อย่างยั่งยืนยงเพื่อชดใช้กรรม แต่สำหรับหมาในความเห็นส่วนตัวของแม่กี๋ จะอยู่อย่างสุขสบายหรือทุกข์ทรมาน ความตายก็ช่วยทำให้พ้นจากสภาพของชีวิตสัตว์ ....หมดเวร สิ้นกรรม

คำถามที่ยิงข้อต่อไปก็คือ เรื่อง เจ้าของเก่าของหัวโต หมาบางแก้วเลือดดี แม่กี๋หมายถึง หมาที่ดูดี มีชาติตระกูล ลักษณะของหัวโตนั้นสวยงามตามแบบฉบับหมาบางแก้ว ใบหน้ามีลักษณะคล้ายสิงโต บุคลิกและนิสัยประจำพันธุ์ที่แสดงออกให้เห็นค่อนข้างชัดเจน และที่น่าสังเกตคือหัวโตทำหมันแล้ว หมาแบบนี้น่าจะเคยมีเจ้าของ หมาไปหาหมอทำหมันเองไม่ได้หรอก..ว่าแต่ว่าเขาคือใคร?

คำตอบก็คือ “เจ้าของจอมโหด เป็นตำรวจครับ มาประจำอยู่มหาชัยไม่กี่ปี พักอยู่ที่แฟลตชั้นบน แต่พอย้ายไปอยู่ที่อื่น ไม่ได้เอาจอมโหดย้ายตามไปด้วย ไม่มีใครรู้ว่าเพราะเหตุใด หลังจากเจ้าของย้ายออกไป ผมก็เห็นมันวิ่งหากินตามถังขยะ จนเป็นขี้เรื้อนร่างกายทรุดโทรมอย่าที่เห็น คนแถวนี้ทั้งเกลียด ทั้งกลัว ส่วนใหญ่จอมโหดจะหลบคน ปกติไม่เคยกัดใคร นอนซมอยู่ที่ทิ้งขยะของแฟลต ถ้าอยากรู้รายละเอียดมากกว่านี้ ลองถามสาวโรงงานที่มาให้อาหารหมาจรจัดพวกนี้สิครับ ตอนค่ำๆ เขาจะปั่นจักรยานหิ้วถุงอาหาร มายืนเรียกหมาจรจัดแถวแฟลต วางเศษอาหารไว้ให้เป็นกองๆ ยืนเฝ้าคอยระวังไม่ให้แย่งอาหารกัน หมากินเสร็จ เขาเก็บกวาดเศษอาหารทิ้งและเล่นกับพวกมันสักครู่ ถึงจะกลับ มาทุกคืน หลายปีมาแล้วครับ”


ตอบ: รักลูกให้ถูกทาง...เมื่อเรื่องเล่า! เรื่องลูก! ถูกบันทึก?
โดย กี๋ ปากอ่าว - Thursday, 23 March 2006, 04:43PM
 

แม่กี๋พยายามหาเหตุผล ว่าทำไมเจ้าของเก่า ถึงทอดทิ้งหมาอย่างหัวโตได้ลงคอ เพราะเมื่อหัวโตมาอยู่กับแม่กี๋ หัวโตทั้งรักทั้งหวงเจ้าของมาก รู้จักประจบประแจง เวลาพูดด้วยหรือตั้งคำถาม จะตอบโต้ด้วยการ ยกไม้ยกมือขึ้น เหมือนเป็นการรับรู้ ชอบเอาตัวเข้ามาเบียดชิด พยายามให้แม่กี๋ได้กอดและลูบไล้ ชอบนอนหมอบอยู่ข้างๆ เวลาเดินออกนอกบ้าน คอยระวังภัย เป็นห่วงไปทุกฝีก้าว พอกลับบ้าน หัวโตจะออกมาแสดงความยินดีปรีดา ต้อนรับประจิ้มประเจ๋อ แล้วหมาที่รักเจ้าของขนาดนี้ จะไม่มีความผูกพันทางใจกับเจ้าของเลยเชียวหรือ? ถ้าหัวโตเป็นหมาพลัดหลง แม่กี๋คงไม่สะท้อนใจถึงเพียงนี้ !!

ในวัยหนุ่มหัวโตอาจเป็นหมาที่ร้ายกาจเอาการ เจ้าของจึงพยายามลดความดุดัน โดยการทำหมัน เพราะเชื่อกันมานมนานว่า หมาที่ตอนแล้วจะเลิกนิสัยดุและ ไม่กัดคนอีก ตอนเด็กๆได้ยินชาวบ้านเล่าว่า เขาต้องตอนหมาตัวผู้ดุๆ โดยใช้หนังยางรัดที่ลูกอัณฑะ จนมันหลุดออกไปทั้งพวง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องจริงหรือหลอกเด็ก แต่ก็ทำให้แม่กี๋จดจำเรื่องเล่าการทารุณกรรมนี้ได้ไม่เคยลืม !!

ฉะนั้นการที่หัวโตผ่านการทำหมันมาแล้ว ย่อมแสดงว่า หัวโตเป็นหมาที่เคยได้รับการดูแลเอาใจใส่มาอย่างดี  หรือว่าการทำหมันจะไม่ได้ผล เจ้าของจึงตัดความยุ่งยาก ด้วยการทิ้งเจ้าตัวปัญหาไว้เบื้องหลัง..

หัวโตเป็นหมาที่ฉลาด พอๆกับหัวแข็งและดื้อรั้น  คงจำเรื่องที่หัวโตกัดมือพี่ชายของคนที่หัวโตไปอยู่กับเขาที่ห้องแถว  เคยทำเสียงขู่จะกัดแม่กี๋  และเมื่อแม่กี๋หยั่งเชิงแกล้งเอาไม้แหย่เข้าใต้ท้องรถ หัวโตงับไม้และส่งเสียงดังมากขึ้น การทำหมันไม่ได้ทำให้หมาตัวนี้เลิกนิสัยดุหรืออย่างไร?


ตอบ: รักลูกให้ถูกทาง...เมื่อเรื่องเล่า! เรื่องลูก! ถูกบันทึก?
โดย กี๋ ปากอ่าว - Thursday, 23 March 2006, 04:49PM
 

แม่กี๋เคยคุยกับสัตวแพทย์ เรื่อง ข้อเท็จจริงที่ว่าหมาตัวผู้ เมื่อทำหมันแล้วจะเลิกดุ จริงหรือ? คุณหมออมยิ้มและแถลงไขว่า นิสัยดั่งเดิม ไม่ได้มลายหายไปไหน นั่นหมายถึง ต่อม..ดุ ยังทำงาน หากได้รับการกระตุ้นจากสิ่งเร้าภายนอก

 กิจกรรมที่เลิกประพฤติคือ ติดสัด ติดสาว ไม่ออกไปเที่ยว ติง..นังๆ ตังนิง  ตามตื้อขอรักจากสาวในบ้าน นอกบ้าน รวมไปถึงพฤติกรรมกวนๆเช่น อาการตะกายรั้ว เจาะรั้ว ปีนรั้ว ไม่ยอมกินข้าว เห่าหอน นอนไม่หลับ หงุดหงิด อารมณ์เสีย พฤติกรรมที่เจ้าของต้องผจญกับมันทุกฤดูกาลรัก จะหายไป

ถึงแม้นว่าหมาสาวๆจะมารวมกลุ่ม ส่งซิกส่งกลิ่น เกาะรั้วส่งเสียงสื่อความหมาย ส่งเอ็สเอ็มเอ็ส หรือ ลงทุนปีนรั้ว หนีออกจากบ้าน มาหาถึงหน้าประตูบ้าน ก็จะไม่ส่งผลใดๆกับหมาหนุ่ม หมาแก่..ชาวขันทีทั้งหลายอย่างแน่นอน

 เมื่อกลายเป็นหมาเรียบร้อย อยู่กับเย้าเฝ้ากับเรือน กินอิ่มหลับสบาย กิจกรรมน้อยลง บางตัวน้ำหนักอาจขึ้นเป็นเงาตามตัว ตัวกลมอุ้ยอ้าย ไม่ค่อยเคลื่อนไหว และเวลาส่วนใหญ่หมดไปกับการนอน

ดังนั้นหมาหนุ่มที่เคยอยู่ไม่ค่อยติดบ้าน ชอบออกเที่ยวตระเวนฉี่ไปทั่ว วันดีคืนดีไปจ๊ะเอ๋กับเจ้าถิ่น เจ้าของกลิ่นเดิม อาจเจอข้อหาท้าทายเจ้าถิ่น  ได้เลือดได้แผลกลับมาฝากเจ้าของ หลบเลียแผลอยู่กับบ้านเป็นพักๆ พอหายก็ออกไปซ่าได้อีก

ยิ่งช่วงติดสัดติดหมาสาว เจ้าหมาหนุ่มจะแกล้งทำเป็น หาทางกลับบ้านมาถูก ลืมประตูทางเข้าบ้านไปเลย เจ้าของต้องชอกช้ำตามหาด้วยความห่วงใย พอได้ตัวมา ก็เนื้อตัวมอมแมม ผอมเหลือแต่ซี่โครง แถมยังส่งสายตาตัดพ้อ..ขังตัว อย่าขังหัวใจดีกว่า...เศร้าจริงๆ ดังนั้นส่วนใหญ่ เจ้าของจึงนิยมใช้วิธีทำหมันเพื่อลดพฤติกรรมติดสัด...จะได้หายซ่า ว่านอนสอนง่ายอยู่กับเย้าเฝ้ากับเรือน

 แม้นว่าตอนพบกัน หัวโตจะผอมเหลือแต่หนังหุ้มกระดูกก็จริง แต่พอมีอาหารการกินอุดมสมบรูณ์ หัวโตกลับกลายเป็นหมาที่กินจุเหมือนหมู ไม่รู้ว่าชดเชยที่เคยอดยากมานานหรือเปล่า น้ำหนักตัวเลยพุ่งพรวดๆ อ้วนขึ้นมากๆในไม่กี่เดือน

การนอนคืองานประจำ ส่วนการออกไปเที่ยวนอกบ้านถือเป็นงานอดิเรก การฉี่ทำเครื่องหมายยังคงดำเนินต่อไป ตามนิสัยหมาตัวผู้  ชอบไล่งับเจ้าสุดหล่อเพราะเห็นเป็นของเล่นยามว่าง แต่ที่แน่ๆ ไม่แยแสหมาสาวตัวไหนๆ ไม่ดมก้นหมาตัวอื่นพิสูจน์กลิ่นของใคร.... เรื่องรักๆใคร่ๆ หัวโตเปรียบเสมือนภูเขาไฟที่ดับสนิท


ตอบ: รักลูกให้ถูกทาง...เมื่อเรื่องเล่า! เรื่องลูก! ถูกบันทึก?
โดย กี๋ ปากอ่าว - Thursday, 23 March 2006, 04:56PM
 

หลังจากแม่กี๋แอบซุ่มมองสาวโรงงานอยู่หลายวัน แม่กี๋ก็สบโอกาสได้เข้าไปชวนคุยเรื่องหมาจรจัดฝูงนั้น เธอเล่าเรียงรายตัวเป็นฉากๆ ดูเธอจะมีความสุขและโปรดปรานการเลี้ยงหมาเป็นที่สุด เธอเลี้ยงหมาของเธอเอง ไว้ที่บ้านอีกหลายตัว จนแม่กี๋วกเข้าเรื่องของหัวโต เธอยิ้มๆและเริ่มเล่าให้ฟัง

“จอมโหดน่าสงสารกว่าหมาตัวอื่นๆ เพราะมันเป็นขี้เรื้อนและมีเห็บหมัดมากผิดปกติหมา ที่เห็นตอนนี้ดีกว่าก่อนเยอะแล้วนะ สี่ห้าปีก่อนไม่มีขนเลย ทั้งตัวมีแต่เห็บตัวอ้วนๆ เกาะเต็มหัวเต็มหู เป็นร้อยๆตัว ฉันพยายามรักษาตามมีตามเกิด ใช้ผงกำมะถัน ทาให้ทั่วตัว พอแผลแห้งขนเริ่มขึ้นก็กลับมาเป็นอีก จนฉันท้อใจ คิดแล้วว่ารักษายังไงก็ไม่หายขาด ได้แต่พยุงให้บรรเทาลงบ้างเท่านั้น “

แม่กี๋ไม่รอช้ารีบซักต่อ “จอมโหดมีชีวิต ความเป็นอยู่อย่างไรบ้างคะ“เธอมองไปที่หมาอีกครั้ง แล้วเล่าต่อ “ฉันให้อาหารหมาพวกนี้ทุกวัน แต่ถ้าฉันไม่อยู่ก็อด หากินเศษอาหารตามถังขยะ วัคซีนไม่มีใครฉีดให้หรอก เวลาไม่สบายมันก็ไปแอบนอน อยู่ใต้ถุนแฟลต บางทีมันหายไปหลายวัน เคยมีคนโทรศัพท์แจ้งให้เทศบาลมาจับ ฉันบอกจอมโหดให้หนีไป จะมีคนมาจับนะ มันก็หายไปสองสามวัน ไม่โผล่หน้าออกมาให้เห็น ไม่รู้ไปซ่อนตัวอยู่ที่ไหน รอดพ้นไปได้ทุกปี หมาหลายตัวถูกจับไป เมื่อก่อนมีมากกว่านี้ ฉันว่าจอมโหดมันแสนรู้นะคุณ”

เธอย่อตัวลงนั่ง ลูบไล้หัวโตที่นอนอยู่ใกล้ๆที่เรายืนคุยกัน “มันเคยถูกรถชนนะ รถคันนั้นชนแล้วลากตัวมันตั้งแต่ปากซอย ยาวมาถึงที่เรายืนอยู่ตรงนี้ ไกลร่วมสิบเมตร มันร้องเสียงดังจนคนแถวนี้ได้ยินกันทั่ว หลังจากโดนชนก็ไม่มีใครเห็นมันหลายวัน จนฉันคิดว่ามันคงตายไปแล้ว แต่มันก็กลับมาอีก มันทรหดสมชื่อ จอมโหด จริงๆ ฉันว่ามันคงได้รับบาดเจ็บมาหลายครั้งหลายหน ฉันจับที่หัวกระโหลกมันนูนๆยุบๆไม่เรียบ ขาหน้าด้านซ้ายมีกระดูกปูด คงเคยหักมาก่อนและไม่ได้รักษา มันเลยคดและปูดอยู่อย่างนั้น ที่โคนหางก็แปลกๆ เหมือนกระดูกไม่เชื่อมต่อกัน มันห้อยๆชอบกล”

เธอหยุดเล่า และล้วงหยิบอาหารเม็ดในถุงหูหิ้ว ที่เธอใช้แบ่งมาจากบ้าน แล้วยื่นให้หัวโต ลุกขึ้นยืนมองหัวโตที่กำลังกินอาหารเม็ด พร้อมกับเล่าต่อ “มันเคยมีเรื่องกับหมาบ้านห้องแถว บ้านผู้หญิงที่ขายปาท่องโก๋นั่นแหละ หมาเค้าก็ เจ้าบูธอันธพาลปากซอยไง เจ้าบูธกัดจอมโหดก่อน พอมันสู้ เจ้าของดันเข้าข้างหมาตัวเอง เข้าร่วมกัดกับหมา ฉันเห็นเขาจับตัวมันเหวี่ยงกระแทกกำแพงบ้านเต็มแรง พอมันตั้งตัวได้ มันกัดขาผู้หญิงคนนั้นจนเย็บตั้งหลายเข็ม บ้านนั้นเกลียดมันเข้าไส้เลยล่ะ”

แม่กี๋และสาวโรงงานได้โคจรมารู้จักกัน เพราะหมาจรจัดฝูงนี้โดยแท้ เวลาคุยกันเราต่างรู้ว่าเราเป็นเพื่อนร่วมเส้นทางเดินเดียวกัน เส้นทางของ “คนรักหมา”

 แม่กี๋ชื่นชมและซึ้งใจ ในความเมตตาที่เธอมีต่อหมาจรจัดเหล่านั้นมานานแรมปี ด้วยน้ำใสใจจริงที่หาได้ยากในสังคมปัจจุบัน ขอให้ผลบุญนี้ส่งให้เธอมีชีวิตที่ดี ประสบแต่ความสุขความเจริญตลอดไป....แด่สาวโรงงาน แม่พระของหมาจรจัด ณ.แฟลตแห่งหนึ่งในอำเภอมหาชัย

เรื่องเล่าจากปากสาวโรงงาน ได้ตอบคำถามที่ค้างในใจแม่กี๋มานาน เหตุใด?หัวโตถึงตกใจกลัวเสียงรถและเสียงเครื่องยนต์!! และเหตุใด? หัวโตถึงเกลียดและกลัว ระแวงระวังหมาอื่น และมนุษย์!!

เรื่องเก่าแต่หนหลัง ของอดีตหมาจรจัด ที่ต้องฟันฝ่าอุปสรรค ผ่านศัตรูชีวิตมาแล้วหลายรูปแบบ หากหัวโตพูดได้เราคงได้บทเรียนจากการต่อสู้ของหมาตัวนี้อีกมากมาย แต่เท่าที่ทำได้ก็แค่จับต้นชนปลายเรื่องราว นำมาถ่ายทอดเป็นอนุทินเรื่องเล่า..เรื่องลูก เพื่อเป็นอนุสรณ์ มอบแด่หมาจรจัดผู้ร้าวรานทุกตัวในโลกใบนี้


ตอบ: รักลูกให้ถูกทาง...เมื่อเรื่องเล่า! เรื่องลูก! ถูกบันทึก?
โดย กี๋ ปากอ่าว - Thursday, 23 March 2006, 05:34PM
 

สวัสดีค่ะ ป๊าป๋าน้องฟ้ามุ่ย ไม่ได้คุยกันนาน น้องฟ้ามุ่ยคงโตขึ้นอีกโข ขนาดน้องใบเตยที่ชอบมรกตเขียวเหมือนกัน ตอนนี้ยืดตัวไม่ปุ๊กลุ๊กแล้วล่ะค่ะ โพสต์รูปน้องฟ้ามุ่ย มาให้ชมหน่อยน้า จะได้เห็นการพัฒนาการของน้องหนู

เรื่องเล่าของแม่กี๋ก็ว่าไปเรื่อยๆ ทิ้งห่างไปบ้างกลัวสมาชิกเบื่อน่ะ แต่ก็อยากเข้าโพสต์ให้คนชอบอ่านเรื่อยาวๆ ได้อ่านไปเรื่อยๆ เหมือนเรื่องนิยายรัก ในหนังสือสกุลไทยรายสัปดาห์ไง..คิกๆๆเจ้าๆๆ

ตอบ: รักลูกให้ถูกทาง...เมื่อเรื่องเล่า! เรื่องลูก! ถูกบันทึก?
โดย ยศชัย ชัยพรหมมา - Friday, 24 March 2006, 09:26AM
 

สวัสดีครับคุณกี๋ ระยะหลังงานยุ่งมากครับแต่ก็เข้ามาดูตลอด อยากฝากข้อความมาคุยบ้างแต่สมองมันตื้อไปหมดก็เลยได้แต่เข้ามาอ่าน ว่าแต่แม่ทัพหัวโตกับพลทหารเต๋าเต้ยจัดทัพเสร็จหรือยังครับจะได้ยกพลไปกำหลาบนักเลงเชียงใหม่เสียทีขอฝากพยาบาลฟ้ามุ่ยไปด้วยตัวนะครับจะได้ไปคอยดูแลบรรดาพลทหาร

แล้วนิยายรักฉบับรักลูกใหถูกทาง จะร่ายเสร็จทันหนังสือบางแก้วของเราหรือเปล่าครับ หากได้บรรจุนิยายรักลูกให้ถูกทางลงไปต้องเพิ่มสีสันได้มากเลย

ส่วนฟ้ามุ่ยตอนนี้โตขึ้นเยอะครับอายุจะ 5 เดือนแล้ว น่ารักมากฟังคำสั่งดีค่อนข้างมากดื้อเป็นบางครั้ง แต่เรื่องนั่งไหว้ยังทำไม่ได้เสียทีเพราะคุณเธอเป็นกุลสตรีจะนั่งแต่ละทีต้องนั่งพับเพียบพอยกเท้าหน้าแต่ละทีเป็นอันต้องหงายหลังเลยไม่ได้ฝากรูปมาไหว้สวยๆมาให้แม่กี๋ดูเสียที

ตอบ: รักลูกให้ถูกทาง...เมื่อเรื่องเล่า! เรื่องลูก! ถูกบันทึก?
โดย eve Savangpop - Friday, 24 March 2006, 05:51PM
 

ชีวิตปู่หัวโตนี่ทรหดจังเลยนะคะ  เจออะไรมาเยอะแยะมากมาย  แต่ก็ยังอุตส่าห์สู้ชีวิตมาได้ขนาดนี้  อ่านแล้วอยากจะร้องไห้เลยค่ะเศร้า  ขนาดหมาที่บ้านอีฟเลี้ยงมา  ตีซักแปะก็ยังไม่เคย  อย่างมากก็แค่ดุเสียงดัง  สุดท้ายเจ้าของยังต้องมานั่งจ๋อยทีหลังเลย  เพราะกลัวหมาเสียใจ  อีฟก็คิดอยู่เสมอว่าหมามันก็มีหัวใจ  มีความรู้สึกเหมือนกัน  แล้วหมาแบบปู่หัวโตนี่ยิ่งแล้วใหญ่  ชีวิตไปเจอแต่เรื่องบอบช้ำมาตั้งเยอะ  ทั้งถูกทิ้ง  โดนรถชนโดยขาดคนเหลียวแล  ไหนจะถูกยกพวกรุมอีก  ไม่รู้ว่าเค้าต้องหัวใจสลายมาสักกี่ที  กว่าจะมาเจอความรักที่จริงใจ  ได้มีความสุขกับชีวิตที่ดีอย่างในตอนนี้  สู้ต่อไปนะ~*~ปู่หัวโตยักคิ้ว

ตอบ: รักลูกให้ถูกทาง...เมื่อเรื่องเล่า! เรื่องลูก! ถูกบันทึก?
โดย กี๋ ปากอ่าว - Friday, 24 March 2006, 06:30PM
  สวัสดีค่ะคุณ eve.. วันนี้ชีวิตของปู่หัวโต การเคลื่อนไหวเชื่องช้าลงไปเยอะเลยค่ะ ยืนนานๆไม่ได้ สิ่งที่กลัวที่สุดก็คือ วันหนึ่งหัวโตจะจำแม่กี๋ไม่ได้...ตามอายุที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วทุกนาที
ตอบ: รักลูกให้ถูกทาง...เมื่อเรื่องเล่า! เรื่องลูก! ถูกบันทึก?
โดย eve Savangpop - Friday, 24 March 2006, 07:06PM
 

อ๋า........ดูท่าปู่หัวโตคงจะเข้าช่วงหมาผู้สูงอายุซะจริงๆ แล้วนะคะ  แต่อย่าห่วงไปเลยค่ะและถึงแม้ว่าวันนึงปู่หัวโตจะต้องหลงๆ ลืม  ทำอะไรงกๆ เงิ่นๆ นั่นก็เป็นเพียงเพราะร่างกายที่เสื่อมโทรมไปตามวัย  แต่อีฟเชื่อค่ะว่า  ในหัวใจที่มีความรักให้แม่กี๋ของปู่หัวโต  จะไม่เปลี่ยนแปลงไปเหมือนอย่างร่างกายเค้าแน่นอนค่ะสับสน

ที่บ้านคุณยายอีฟก็มีหมาแก่มากๆ อยู่ตัวนึงค่ะ  หูตาฝ้าฟางแล้ว  เดินชนโน่นชนนี่ประจำ  แต่ความจำกะจมูกยังดีค่ะ  เวลาเจ้าของมาทีไร  เค้าจะพยายามวิ่งมารับเสมอ  ถึงแม้จะไม่ค่อยมีแรงและต้องเจ็บตัวระหว่างทางบ้างก็ตาม  นี่นะคะที่เค้าว่า  ความรักในหัวใจที่หมาตัวนึงจะมีให้กับเจ้าของ  มันช่างยิ่งใหญ่เกินตัวเค้าจริงๆ

ตอบ: รักลูกให้ถูกทาง...เมื่อเรื่องเล่า! เรื่องลูก! ถูกบันทึก?
โดย กี๋ ปากอ่าว - Friday, 24 March 2006, 09:41PM
 

ขอบคุณมากๆๆค่ะ... คุณ eve ได้ให้กำลังใจแม่กี๋กองโต งกเงิ่นๆ เดินเตะของ ชนโน้นชนนี่ สะดุดขาตัวเอง วิ่งไล่เต๋าเต้ยแล้วลื่นล้มเอง..นั่นแหละค่ะ..ปู่หัวโตของแม่กี๋

อ้อ!! มีเรื่องน่าชื่นใจอีกเรื่อง..เมื่อสองวันก่อน แม่กี๋แอบหนีไปเที่ยวเมืองกรุงฯ  กลับบ้านดึกโข ปู่หัวโตยืนรอหน้าประตู พร้อมกับกระดิกหาง ต้อนรับดีใจที่แม่กี๋กลับบ้าน ตั้งแต่อยู่ด้วยกันมา..ไม่เคยเลยสักครั้ง..พ่อจ๋ายังร้องจ๊าก..." แม่ๆ หัวโตกระดิกหาง"


ตอบ: รักลูกให้ถูกทาง...เมื่อเรื่องเล่า! เรื่องลูก! ถูกบันทึก?
โดย จิตรใส สิระชัยนันท์ - Friday, 24 March 2006, 09:47PM
 

หางพวงโตของปู่ เวลากระดิกคงเก๋พิลึก กัดฟัน

เรื่องของปู่เนี่ยยิ่งอ่านยิ่งซาหนุก..ซานุ๊ก..ซาหนุก ไม่เบื่อเลยครับ


ตอบ: รักลูกให้ถูกทาง...เมื่อเรื่องเล่า! เรื่องลูก! ถูกบันทึก?
โดย กี๋ ปากอ่าว - Friday, 24 March 2006, 10:45PM
 

แม่โอ๊ตฮับบ..โปรดสังเกตฝีมือกรูมเมอร์คู่แข่งที่น่ากลัวของช่างหนุ่มคนล่าสุด งานตัดแต่งพวงหางของปู่เป็นรูป..?...

สาเหตุเพราะแรงเบ่งอึของปู่ จะแผ่วก่อนถึงเส้นชัย เลยต้องตัดขนที่ย้อยลงมาปิดก้นให้สูงขึ้นไปและโค้งมนเพื่อความจ๊าบ!! ตัดขนรอบๆรูทวารให้โล่งเตียนเป็นวงกลม ดูแล้วก้อโจ๊กดี นี่ใกล้จะต้องตัดอีกครั้งแล้วค่ะ แม่โอ๊ตมีทรงกิ๊บเก๋แนะนำปู่บ้างเป่าฮะ

ตอบ: รักลูกให้ถูกทาง...เมื่อเรื่องเล่า! เรื่องลูก! ถูกบันทึก?
โดย จิตรใส สิระชัยนันท์ - Friday, 24 March 2006, 10:55PM
 

ทรงนี้แหล่ะใช่เลย  อย่าเปลี่ยนเลยครับ

แม่กี๋ทราบมั๊ยครับว่าแม่ผมน่ะเค้าอยากตัดแต่งขนใต้หางให้ผมแบบปู่นี่แหละ

แต่ข้าวตังซะอย่าง  มีหรือจะยอมง่ายๆ ไม่ได้แอ้มผมหรอกครับ

อีกอย่างหางผมก็ไม่สวยแบบปู่ ยิ่งตอนนี้กำลังผลัดขนเล่นเอาหางลีบเลยครับ

แถมหางผมเนี่ยข้อด้อยเลยครับปลายมานตกข้างๆ สะโพกอ่ะครับมานไม่ยอมอยู่กลางหลัง 

ตอบ: รักลูกให้ถูกทาง...เมื่อเรื่องเล่า! เรื่องลูก! ถูกบันทึก?
โดย กี๋ ปากอ่าว - Wednesday, 29 March 2006, 06:20PM
 

 คนที่รักและเลี้ยงหมาบางแก้ว ร้อยทั้งร้อยจะเห็นว่าหมาของตัวเองเป็น “สารพัดช่าง”

ช่างน่ารัก... ดูงดงามทุกท่วงท่า ช่างประจบ... เอาอกเอาใจ คลอเคลียไม่ยอมห่าง ช่างแสนรู้... พูดจาสื่อสารกันได้ ช่างสังเกต... น้ำเสียง สีหน้า ท่าทางและอารมณ์ของเจ้าของ ทำให้เจ้าของมีความสุขทางใจ ยามเมื่อได้คลุกคลีอยู่ใกล้ชิดกัน

ความฉลาดของบางแก้ว ไม่น้อยหน้าหมาพันธุ์อื่น ไม่ว่าจะอยู่ในสถานะนักเรียนของครูฝึกในโรงเรียนฝึกหมา หรือหมากะโปโลของเจ้าของในบ้าน บางแก้วก็สามารถฝึกให้เชื่อฟัง รู้จักระเบียบวินัย สามารถปรับตัวให้เข้ากับสังคมและทำตามคำสั่งได้

ขอเพียงแต่คุณครูและเจ้าของเข้าใจและอดทน ให้อภัยในความซุกซน ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค เท่านี้บางแก้วก็จะเติบโตเป็นหมาบ้านที่ดี น่าประทับใจไม่รู้ลืม

  เจ้าเล่ห์เหลือเฟือ  รู้จักการเอาตัวรอดเป็นยอดดี ระวังภัยตลอดเวลา จนสัตวแพทย์และเจ้าของต้องจับมือกัน หลอกล่อด้วยกลลวง เมื่อถึงคราวต้องจิ้มเข็ม ที่บั้นท้ายของบางแก้ว

บางแก้วชอบทำตัวแปลกๆ ราวกับรู้กำหนดเวลา กิจกรรมประจำวัน เช่น เวลาพาเดินเที่ยว เวลาให้อาหาร จนถึงการนั่งคอยเจ้าของหน้าบ้าน ที่เก่าเวลาเดิม ตรงตามเวลาที่เจ้าของกำลังจะกลับมาถึงบ้านทุกวัน สายตาจดๆจ้องๆ หรือเหม่อมองออกไปที่ถนนหน้าบ้าน นานหลายชั่วโมง เพียงเพื่อ..เฝ้ารอใครสักคนกลับมา

หลายคนอาจมองว่าเป็นเรื่องไร้สาระและ เห็นว่ามันเป็นเรื่องของคนที่หลงใหลเสน่ห์หมาหน้าขน เลยอุปทานเข้าข้างหมาตัวเองไปต่างๆนาๆ  ทำไมคนถึงมีความคิดต่อพฤติกรรมของหมา ต่างมุมมองกันเช่นนั้น?

 คำตอบเรื่องนี้อยู่ที่  “การใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน” ไม่ว่าคนหรือหมา เมื่อตกลงปลงใจ เข้ามาอาศัยอยู่ภายใต้หลังคาบ้าน ชายคาเดียวกัน การหมั่นเอาใจใส่สิ่งมีชีวิตข้างกาย ให้เวลา คอยสังเกต สอบถามสาระทุกข์สุขดิบซึ่งกันและกัน ปฏิบัติดีต่อกันอย่างเสมอต้นเสมอปลาย ผลที่ได้นั้นมีคุณค่าทางใจมหาศาล ซึ่งมันตรงกันข้ามกับคนที่ไม่เคยกระทำ หรือไม่คิดจะกระทำ คนๆนั้นจะไม่มีวันได้รู้แจ้งเห็นจริง ในคุณค่าของการอยู่ร่วมกัน

ความอาทรต่อกันนั้น มีอานุภาพยิ่งใหญ่ สามารถส่งผลเพิ่มพูนความสัมพันธ์ที่ดีงาม นำมาซึ่งความเข้าใจกันอย่างลึกซึ้ง จนถึงวันหนึ่งที่ อาจจะไม่มีความจำเป็น ต้องใช้คำพูดใดๆ นอกจากภาษาใจที่สื่อสารกันได้ด้วยดวงตา....ดวงตาที่เปรียบเสมือนหน้าต่างของหัวใจทุกดวง

แม่กี๋เป็นคนหนึ่งที่หลงเสน่ห์...หมาบางแก้วของตัวเองเข้าอย่างจัง  วันๆแอบจับตามองอิริยาบถต่างๆ ของหัวโต จ้องจับถูก จับผิด ความคิดของลูกวัยดึก มันเป็นวิธีการแก้เหงา คลายเครียด ในเวลาว่างสำหรับแม่กี๋ได้เสมอ และสิ่งที่แม่กี๋ค้นพบคือ..สมองก้อนน้อยๆ ของหมาแก่ตัวนี้ ช่างน่าทึ่ง..เสียเหลือเกิน


ตอบ: รักลูกให้ถูกทาง...เมื่อเรื่องเล่า! เรื่องลูก! ถูกบันทึก?
โดย กี๋ ปากอ่าว - Wednesday, 29 March 2006, 06:28PM
 

แม่กี๋อดไม่ได้ ที่จะนึกถึงเจ้าของเก่าของหัวโต อยากรู้ว่า เขาเลี้ยงดูหัวโตอย่างไร? วัยเด็กของหัวโต รูปร่างหน้าตาและนิสัยเป็นอย่างไร? หรือเป็นหมามาจากจังหวัดไหน?  คนหรือประสบการณ์กันแน่ ที่หล่อหลอมให้หมาตัวนี้..เข้าใจและเรียนรู้การมีชีวิตอยู่ร่วมกับคนอย่างเป็นสุข

หัวโตเข้าใจคำสั่งของแม่กี๋ได้เป็นอย่างดี ทำตามคำสั่งสั้นๆ ง่ายๆได้หลายคำ เช่น นั่ง ยืน ลุกขึ้น เงียบ กินข้าว กินน้ำ นอน  อาบน้ำ สะบัดตัว สวัสดี  .. .

แม่กี๋ได้ใช้คำพูดเหล่านี้สื่อสารระหว่างกัน ตั้งแต่หัวโตมาอยู่ด้วย แน่นอนที่มันไม่ได้เกิดจากการฝึกของแม่กี๋เอง  หากแต่มันติดสมองน้อยๆนั้นมาจากอดีต  จนถึงวันนี้ แม้นสมองจะเสื่อมถอย หัวโตก็ยังจดจำ คำพูดคำสั่งใหม่ๆของแม่กี๋  เช่น ม๊ะ(มาหา)  ป๊ะ(ไปกัน) มาหาแม่ กินขนม ไปเที่ยว เข้าบ้าน ฉีดยา เป็นต้น

แม่กี๋ชอบคุยเล่นๆกับพ่อจ๋าว่า “พ่อจ๋า สงสัยหมาหัวโต ใกล้จะเป็นคนแล้วละมั้ง หมั่นไส้จังเป็นหมาจะรู้อะไรกันนักหนา” แม่กี๋จึงไม่อายที่จะพูดคุยกับหมาของตัวเองในบ้าน หรือพูดทักทายกับหมานอกบ้าน

 “หัวโต...ทำไมไม่กินข้าว แม่เบื่อหัวโตจริงๆ บอกให้กินข้าวก็ไม่กิน เดี๋ยวก็ไม่สบายหรอก พูดไม่รู้เรื่อง” เสียงเข้มๆ ประกอบท่าทางขมึงตึงของแม่กี๋ ทำให้หัวโตเหลือบตามอง แล้วค่อยๆลุกขึ้น เดินไปที่ชามข้าว เริ่มกินไปเรื่อยๆจนหมดชาม ส่วนแม่กี๋ยืนอมยิ้มแก้มตุ่ย ภูมิใจที่หลอกหมาหัวโตได้สำเร็จ ไม่เชื่ออย่าลบหลู่.......ถึงสมองหมา แต่ปัญญาน่ารักเกินบรรยาย

แม้นว่าบ้านพักจะมีบริเวณโดยรอบรวมถึงลานดิน ที่มีหญ้าธรรมชาติเหมาะกับการขับถ่ายของหมา แต่โดยธรรมชาติ หมาเป็นสัตว์รักความสะอาด ไม่ชอบปล่อยของเสียเลอะเทอะ ในที่อยู่ของตัวเอง หัวโตก็เช่นกัน ไม่เคยทำความสกปรกในรั้วบ้าน

บางวันหัวโต แอบเข้าไปอึ ที่ดงตะไคร้ ป่ารกบริเวณหลังบ้านผู้อื่น บ้านหลังนี้อยู่เยื้องๆกันไม่ไกล หรือบ้านหลังไหนที่มีพื้นดินและกลิ่นหญ้า หัวโตจะพยายามแฝงกายหลบแวบเข้าไป โดยไม่มีใครทันสังเกตเห็น

บางวันเจ้าของบ้านออกไปทำงาน ปิดล็อคประตูรั้ว สักครู่แม่กี๋จะได้ยินเสียงหัวโตร้องเสียงดังกรี้ดกร้าด นั่งคอยาวอยู่ในรั้วบ้านเขา ไม่นานนักจะเห็นน้านักการปีนข้ามรั้วเข้าไปอุ้มหัวโต ยกข้ามรั้วออกมาอย่างทุลักทุเล ก็น้าตัวผอมเล็กกระจิดริด แต่หัวโตตัวอ้วนหนามหึมา

ถึงแม่กี๋จะเข้าใจว่าเป็นธรรมชาติของหมา ที่ต้องหาทำเลเหมาะแบบหมาๆ แต่การเข้าไปละเมิดสิทธิของผู้อื่นถึงในบ้าน เป็นเรื่องที่เสียมารยาทคนเลี้ยงหมาและเพื่อนบ้านที่ดี สองคดีนี้ติดคุกทางใจหัวโต แม่กี๋จึงต้องรีบหาทางป้องกัน ไม่ต้องการให้”การถูกละเมิดสิทธิ” เกิดขึ้นกับใคร

แม่กี๋เคยถูกละเมิดสิทธิ ที่บ้านในหมู่บ้านแห่งหนึ่งที่เมืองกรุงฯ โดยหมาที่เจ้าของเปิดไฟเขียว ให้ออกไปหา ที่ขับถ่ายนอกบ้านเอง

เมื่อใดที่หมาในซอยถูกปล่อยออกจากบ้าน เจ้าหมาจะเริงร่าพากันวิ่งอ้าว ฝุ่นตลบ เพื่อทำเวลา หาทำเลขับถ่าย เพราะถ้าขืนชักช้าโอ้เอ้ เจ้านายผู้มีชีวิตเร่งรีบเป็นอาจิณ จะเรียกกลับเข้าบ้าน อดปล่อยทุกข์!!!

เจ้าหมาต้องเก็บของเสียเอาไว้ รอรอบต่อไป ที่กว่าจะมาถึงอีกตั้งหลายชั่วโมง..ถ้าอดรนทนไม่ไหว ขืน ”ปล่อย.” ของเหม็นภายในบ้าน มีหวังถูกเจ้านายด่าเปิดเปิง แม่กี๋เห็นแล้ว แอบเห็นใจหมาเมืองกรุงฯอย่างแรง

หมาเมืองกรุงฯ ที่อยู่ในนิวาสถานเช่น ทาวน์เฮาส์ แฟลต คอนโดฯ หอพัก  ฯลฯ จะถูกเจ้าของฝีกไม่ให้ “ปล่อย” เรี่ยราด ไม่เป็นที่เป็นทาง เจ้าของจะไม่ยอมให้หมาของตัวเอง”ปล่อย” ในบ้านโดยเด็ดขาด หมาพวกนี้จะมีความอดทนอดกลั้นได้ดีเยี่ยม

หมาเมืองกรุงฯจะต้องอั้นฉี่ อั้นอึ รอเจ้านายกลับบ้านทุกเย็น และสถานการณ์จะแย่ลงกว่าเดิม ถ้าเจ้านายติดธุระ มีเหตุต้องกลับบ้านช้า ผิดเวลา ในความเห็นของแม่กี๋ หมาเหล่านี้น่าสงสารมาก เพราะพวกเขาต้องพลอยมีความเป็นอยู่ ที่ฝืนธรรมชาติหมา และต้องปรับตัวให้เข้ากับ วิถีชีวิตของเจ้านาย

เจ้าหมาในหมู่บ้านแม่กี๋ แม้นจะถูกปล่อยออกมานอกรั้วบ้าน แต่เมื่อเริ่มวิ่งมันก็ยิ่งไกล ตั้งแต่ต้นซอยไปจนถึงท้ายซอย มันก็ยังหาทำเลที่ถูกใจไม่ได้ เพราะตลอดเส้นทางที่วิ่งไป มีแต่ถนนคอนกรีตที่ร้อนระอุ ประตูบ้าน รถยนต์ที่จอดเรียงรายไปตลอดทาง

แม้นในขณะที่กำลังหมุนตัวจนได้ที่ หย่อนก้นจัดท่าถนัด ก็ต้องสะดุ้งสุดตัว เมื่อมีวัตถุลึกลับและเสียงขับไล่ลอยออกมาจากในรั้วบ้าน “ไป โป๊ ไปขี้ที่อื่น” เจ้าหมาต้องหาทางออก แก้ปัญหาเฉพาะหน้า หาที่ขับถ่ายตามธรรมชาติของหมา

กล่าวคือธรรมชาติอย่างหนึ่งของหมาจะชอบขับถ่ายในบริเวณที่สกปรก หรือมีขยะมูลฝอย ซึ่งเป็นที่มาของคำพังเพยที่ว่า “ไม่มีมูลฝอย หมาไม่ขี้ “

ดังนั้นหน้าบ้านหลังไหน ที่ไม่ค่อยทำความสะอาด ไม่เคยชะล้างหน้าบ้าน ปล่อยให้มีกลิ่นเน่าเสียของขยะบนพื้นหน้าบ้าน มีมูลฝอยหลงเหลือ ตกเรี่ยราด ไม่ค่อยเก็บกวาดใบไม้ ที่ร่วงหล่นทับถมกัน ระวังเถอะ!!หน้าบ้านนั้น อาจจะกลายเป็นส้วมของหมาในซอยหมู่บ้าน แล้วอย่าไปโทษหมาก็แล้วกัน

ที่หน้าบ้านของแม่กี๋ถูกละเมิดสิทธิ มิได้เกิดจาก การขาดการดูแลรักษาความสะอาดหน้าบ้าน แต่เพราะบ้านที่อยู่ติดกัน มันดันรกร้าง ไม่มีผู้พักอาศัย เจ้าของบ้านคนเดิม ปลูกมะม่วงต้นใหญ่ไว้หน้าบ้าน พอไม่มีคนดูแลเก็บกวาด ใบมะม่วงจึงร่วงทับถมกันเป็นกองพะเนิน กลายเป็นมูลฝอยทั้งในบ้านและนอกบ้าน และมีของแถมจากบุรุษลึกลับ ที่ชอบเอาขยะมาทิ้งแปะไว้

หมาๆในซอยบ้านไหนๆ ต่างยกพวกพากันมาจับจองใช้เป็นที่อึถาวร และที่แย่ก็คือ อึกันแสนเพลิน เดินล้ำเส้น เผื่อแผ่มาถึงหน้าบ้านของแม่กี๋ด้วย


ตอบ: รักลูกให้ถูกทาง...เมื่อเรื่องเล่า! เรื่องลูก! ถูกบันทึก?
โดย กี๋ ปากอ่าว - Wednesday, 29 March 2006, 07:37PM
 

แฟนจ๋า..ของปู่หัวโตเจ้า

วันนี้ปู่ซึมอีกแล้ว..อาเจียนเป็นนสีเหลืองมากๆ

พอปล่อยออกไปนอกบ้าน กลับมา เห็นมีอาเจียนเป็นหญ้า หญ้ายังมีสีเขียวใหม่ๆกองโต

นอนนิ่งๆเหมือนเดิม..พรุ่งนี้ถ้ามีอ๊วกอีก..ต้องพบแพทย์แน่นอนค่ะ

ตอบ: รักลูกให้ถูกทาง...เมื่อเรื่องเล่า! เรื่องลูก! ถูกบันทึก?
โดย พายุ วงศ์วายุ - Wednesday, 29 March 2006, 07:43PM
 
หมาพวกนั้นเจ๋งจริงๆ... มีจิตใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่... ปฏิบัติการมาถึงหน้าบ้านของคุณแม่กี๋ด้วย... แล้วคุณแม่กี๋ตอบสนองไม้ตรีของเหล่าหมาๆในซอยยังไงล่ะครับ

แล้วถ้าเผื่อพายุจะส่งน้องน้ำมนต์ไปร่วมขบวนด้วย... คุณแม่กี๋จะว่าจะใดพ่องเจ้า

ตอบ: รักลูกให้ถูกทาง...เมื่อเรื่องเล่า! เรื่องลูก! ถูกบันทึก?
โดย กี๋ ปากอ่าว - Wednesday, 29 March 2006, 09:00PM
 

พี่พายู้...แม่กี๋ก๊จะลักปาตั๋วอี่น๊องน้ำ(ก้น)มน ไปเป๋นลูกสาวจาวเจียงใหม่น่าก่าเจ้า

ตอบ: รักลูกให้ถูกทาง...เมื่อเรื่องเล่า! เรื่องลูก! ถูกบันทึก?
โดย จิตรใส สิระชัยนันท์ - Wednesday, 29 March 2006, 09:41PM
 

ปู่ครับ  พรุ่งนี้กลับมา...ปึ๋งปั๋ง ปึ๋งปั๋ง อย่าซึม อย่าซึม...นะครับ  จะได้ไม่ต้องพึ่งคุณหมอ

ตังเอาใจช่วยครับ  ตัวตลก

ตอบ: รักลูกให้ถูกทาง...เมื่อเรื่องเล่า! เรื่องลูก! ถูกบันทึก?ครง
โดย กี๋ ปากอ่าว - Thursday, 30 March 2006, 08:45AM
 

สวัสดีค่ะแม่โอ๊ต...เช้านี้ปู่ดูดีขึ้นแต่มีขี้ตาสีเหลือง และเกาตาข้างซ้ายจนเป็นแผลใต้ตาเล็กๆมีเลือดซิบๆ ใส่ยาให้แล้วค่ะ

แต่ดีใจที่ปู่ยอมกินโครงไก่ต้มสองชิ้นโต น่าจะไม่เป็นอะไรมาก สายๆจะไปคลินิกใกล้ๆบ้านเอายาหยอดตาเสียหน่อย

อากาศร้อนจัดๆทีไรได้เรื่องทุกที..


ตอบ: รักลูกให้ถูกทาง...เมื่อเรื่องเล่า! เรื่องลูก! ถูกบันทึก?ครง
โดย จิตรใส สิระชัยนันท์ - Thursday, 30 March 2006, 09:30AM
 
ดีใจด้วยครับ   ปู่หัวโต๊...โต จูบ  อึ๋ยย์! จั๊กจี๋ จั๊กจี๋
ตอบ: รักลูกให้ถูกทาง...เมื่อเรื่องเล่า! เรื่องลูก! ถูกบันทึก?ครง
โดย กี๋ ปากอ่าว - Thursday, 30 March 2006, 03:20PM
 

สวนสาธารณะที่เป็นเสมือนปอดของคนในหมู่บ้าน มีการปลูกหญ้าไว้เพื่อความสวยงามและเป็นที่เล่นของเด็กๆ การปล่อยให้หมาเข้าไป อึและฉี่รดหญ้า นอกจากจะทำให้หญ้าบริเวณนั้นตายแล้ว ยังแพร่เชื้อโรคสู่เด็กๆที่วิ่งเล่นและลงไปนอนล้มลุกคลุกคลานบนพื้นหญ้าอีกด้วย ดังนั้นสวนสาธารณะจึงเป็นเขตปลอดสุนัข ทำให้หมาหมดทางเลือก ไม่มีตัวช่วย ไม่ได้รับสิทธิ์นั้น.... สิทธิที่จะเข้าไป....... “ติดดิน กินหญ้า” ที่เป็นความต้องการตามธรรมชาติของหมาทั่วไป

 กฎกติกามารยาทของการเลี้ยงหมาในเมืองใหญ่ ทำให้เกิดข้อพิพาทกันถึงขั้นเจ้าของหมาโดน “เป่า” เพราะหมาดันไป”ปล่อย” ของเหม็น หน้าประตูบ้านเพื่อนบ้านทุกวัน กลายเป็นเรื่องใหญ่ที่ไม่ใช่เรื่องขี้หมา!!!

เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว จะปล่อยให้หมาคิดเองงูๆปลาๆ...หรือว่า คนควรจะช่วยกัน ลงมาคิดแทนหมา อย่างน้อยๆก็เพื่อรักษามิตรภาพอันดี ที่ควรมีต่อคนบ้านใกล้เรือนเคียง ที่ต้องเห็นหน้ากันทุกเช้าเย็น

แม่กี๋ต้องเชิญคู่หูคู่ฮา น้านักการและหัวโตมาตกลงเงื่อนไข เวลาการเข้าออกนอกบ้านเสียใหม่ เวลาที่ปิดโอกาสไม่ให้หัวโตเข้าไปละเมิดสิทธิบ้านผู้อื่น เพื่อแสดงความรับผิดชอบ เคารพสิทธิของผู้อื่นและดำรงไว้ซึ่ง จรรยาบรรณ....ของเจ้าของหมาที่ดี

หัวโตมีวิธีการออกคำสั่งด้วยสายตาและการส่งเสียงให้รู้ว่า หัวโตกำลังต้องการให้แม่กี๋ทำอะไร?  ถ้าหากแม่กี๋เห็นหัวโตนั่งมองหน้านิ่ง แม่กี๋จะถามว่า”ทำไม จะเอาอะไร หิวหรือเปล่า” อีตาหมาเฒ่าสมองใส จะทำตาเป็นประกาย พร้อมกับมองไปที่ประตูรั้ว ขยับขาย่ำพื้น แสดงว่ากำลังวิงวอนให้เปิดประตู “ผมอยากออกไปอึนอกบ้านเต็มทน” แต่ถ้าหัวโตแลบลิ้น เลียปาก น้ำลายหก แปลว่า “ผมอยากกินมั่กๆๆ”

หากหัวโตต้องการให้ออกไปหา เพื่อแจ้งความประสงค์ จะทำปากสั้นปากยาว ส่งเสียงร้อง....ดัง “แง้งๆๆๆๆ” พร้อมกับยกขาหน้าขึ้นๆลงๆสลับกันไปมา กริยาอาการแบบนี้หมายความว่า”มาหาผมเร็วๆเข้า...เร็ว เร้ว ผมอยากๆๆๆๆ ทำโน้น ทำนี่ ทำนั่น ออกมาดูผมหน่อยเร็วๆ!!!”

พฤติกรรม “การยกขา” ของหมา เป็นที่ภูมิใจของเจ้าของ ที่มักนำไปเมาส์กระจายว่า หมาสามารถ ไหว้ สวัสดี ทักทายตอบ หรือ เชกแฮนด์กับคนได้

นอกจากนั้น หมาบางตัวยังใช้การยกขา สะกิดสะเกา เพื่อขออาหารจากคน หมาตัวไหนมีพฤติกรรม”การยกขา”ติดตัวไว้ ไม่ต้องกลัวอดตาย ใครพบเห็นก็ใจอ่อน ยอมยื่นขนมให้ทุกที

ผู้เชี่ยวชาญท่านหนึ่ง ได้เขียนอธิบายไว้ในหนังสือสัตว์เลี้ยงยอดนิยฉบับหนึ่งว่า การที่หมายกขาหน้าขึ้น เป็นการแสดงเมื่อหมาต้องการสิ่งใดสิ่งหนึ่ง  และมีความเชื่อว่า พฤติกรรมนี้เกิดจากสัญชาตญาณตามธรรมชาติของหมาตั้งแต่แรกเกิด

ลูกหมาเวลาดูดนมจากเต้าของแม่ จะใช้เท้าหน้าทั้งสองข้าง ดันนมแม่หมาเป็นจังหวะ เพื่อกระตุ้นให้น้ำนมไหล เมื่อเติบโตขึ้นพฤติกรรมนี้จึงติดมาใช้แสดงกับคน  การที่หมามักยกขาหน้าให้คนจนติดเป็นนิสัย เพราะมันคือพฤติกรรมทีทำให้หมาเคยได้มาในสิ่งที่มันต้องการ

นอกจากนี้ ยังมีการศึกษาพฤติกรรมของสุนัข โดยนักวิเคราะห์พฤติกรรมสัตว์ ที่ได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับหมา สังเกตหมาในทุกท่วงท่าอารมณ์ ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการยกขาไว้ว่า

 “หมาเกิดการเรียนรู้ว่า เมื่อยกขาให้กับคนที่ถือขนม ลูกชิ้นปิ้ง หมูย่างฯลฯ หมามักจะได้กินของอร่อยเสมอ และการที่หมายกอุ้งเท้าหน้าขึ้น หน้าตั้งตรง เนื่องจากประสาทสัมผัสของหมากำลังจดจ่ออยู่กับอาหารที่คนกำลังยื่นให้กิน “

“การยกขา อาจมีวัตถุประสงค์แตกต่างออกไป มันคือการขอคารวะความยิ่งใหญ่ของใครบางคน ผู้ที่หมารู้สึกว่าตัวเอง กำลังตกอยู่ในตำแหน่งที่ต่ำกว่า เพื่อแสดงความอ่อนน้อม ไม่ใช่ยื่นออกมาเพื่อให้คนจับ อย่างเช่น หมาบางตัวที่ถูกจ้องเป็นเวลานานๆ จนทำให้หมารู้สึกกังวลใจ หมามักก้มหัวลงและยกขาหน้าขึ้น การที่ก้มหัวลงก็เพื่อแสดงให้เห็นว่า ฟันที่เป็นอาวุธประจำกาย ไม่ได้อยู่ในจุดที่จะจู่โจมได้และจะไม่ทำอันตรายใดๆต่อผู้ที่อยู่ตรงหน้า”

 ด้วยเหตุนี้ “การยกขา” จึงเป็นอีกลูกไม้หนึ่ง ที่หัวโตงัดออกมา เพื่อส่งสัญญาณ เมื่อต้องการใช้งานแม่กี๋ และ แสดงความนอบน้อม เมื่อหัวโตต้องการทักทาย หรือ ยามที่แม่กี๋ชวนคุย หัวโตจะยกขาวางบนมือ ทุกครั้งที่แม่กี๋พูดจบประโยคคำถาม หัวโตอาจจะไม่ได้เข้าใจคำถามใดๆ แต่หัวโตก็บอกให้แม่กี๋รู้ว่า หัวโตกำลังฟังในสิ่งที่แม่กี๋กำลังพูดทุกประโยค

และสิ่งที่ทำให้แม่กี๋ประหลาดใจ ในพฤติกรรมแปลกๆของหัวโต ก็เกิดขึ้นอีกครั้ง เมื่อมีแขกคนสำคัญมาเยือนที่บ้านมหาชัย

แม่กี๋ยังจำวันแรกที่คุณพ่อคุณแม่มาเยี่ยมที่มหาชัย ก่อนหน้านี้แม่กี๋ได้เคยเล่าเรื่องหัวโตให้ท่านฟัง จนท่านรู้สึกคุ้นเคยกับหัวโตก่อนที่จะได้มาพบกับตัวจริงเสียอีก แต่แม่กี๋ก็ยังอดหวั่นใจไม่ได้ว่า หัวโตจะเห็นท่านทั้งสองเป็นคนแปลกหน้า เหมือนคนอื่นๆที่แม่กี๋เชิญเข้ามานั่งคุยในบ้านหรือไม่?

 ก่อนมาถึงมหาชัย ท่านแวะห้างบิ๊กซี เพื่อซื้อขนมเค้กเนยของ S& P ไส้กรอกรมควันและไก่ทอด KFC มาเป็นของกำนัลให้หัวโต เป็นการรับขวัญหลานหมาตัวใหม่

พอท่านมาถึงบ้าน แม่กี๋รีบจัดการขังหัวโตไว้ในห้องครัว และพูดกรอกหูหัวโตกำชับหนักแน่นว่า “นี่แม่ของแม่ และนี่พ่อของแม่นะ หัวโตห้ามดุ ห้ามกัดนะลูก”

พอหัวโตได้ยินเสียงคนคุยกันในห้องรับแขก ก็ส่งเสียงโวยวาย ขอเข้ามาร่วมวงกับคนในบ้าน แม่กี๋เปิดประตูให้หัวโตเดินเข้ามาพร้อมกับกำชับกำชาให้หัวโตทำตัวให้ดีๆ

หัวโตโบกหางเบาๆและยื่นหน้าเข้าไปแนบที่ขาของคุณแม่อย่างคุ้นเคย และนั่งแหมะ ประจบน้ำลายยืด ขอกินขนมเค้ก ไส้กรอกและไก่ทอด กินเสียจนอิ่มพุงกาง คุณแม่ยิ้มแก้มแทบปริ ที่สามารถผูกมิตรกับหลานหัวโตได้อย่างง่ายดาย

แต่เมื่อหัวโตเข้าไปใกล้คุณพ่อ ทันทีที่คุณพ่อลูบหัว หัวโตกลับทำเสียงขู่ จนแม่กี๋ร้องห้ามเสียงหลง...ทำไม..เกิดอะไรขึ้นระหว่างคุณพ่อกับหัวโต ?แม่กี๋รู้ดีว่ามันผิดปกติอย่างมาก!! เพราะคุณพ่อคือครูคนแรกที่สอนให้แม่กี๋รักหมา หมาในความทรงจำของแม่กี๋.. รักคุณพ่อทุกตัว

หมาที่เลี้ยงที่บ้านในอดีต มีความผูกพันใกล้ชิดกับคุณพ่อมาก เหล่าหมาจะชอบมานอนห้อมล้อมอยู่ใกล้ๆคุณพ่อเสมอ แม้นวันสุดท้ายของชีวิตหมาตัวหนึ่ง มันยังหอบสังขารมานอนตายข้างๆ ที่ๆคุณพ่อนั่งทำงาน

เมื่อคุณพ่อกลับถึงบ้าน ไม่ว่าจะดึกดื่นแค่ไหน เหล่าหมาจะวิ่งนำหน้ารถของท่านที่แล่นเข้ามาในบ้าน และ เจ้านายผู้ที่ไอ่อ้วน “หมาผู้หายสาบสูญ” ไปนอนเฝ้ารออยู่ที่ล็อบบี้โรงแรมถึงเช้า เมื่อหลายปีก่อนก็คือ...คุณพ่อนั่นเอง

พฤติกรรมต่อต้านคุณพ่อของหัวโตทำให้คุณแม่และแม่กี๋ต่างมองตากัน ราวกับหยั่งรู้ความคิดของกันและกัน ถึงความผิดปกติของหมา ที่เราทั้งสองคนคาดไม่ถึง

การมาเยี่ยมแม่กี๋ที่มหาชัยครั้งนี้ของคุณพ่อ  เป็นการเยี่ยมครั้งแรกและครั้งสุดท้าย ท่านมากรุงเทพเพื่อรักษาอาการป่วยด้วยโรคมะเร็งปอดระยะสุดท้าย หลังจากวันมาเยือนมหาชัยได้เพียงไม่กี่เดือน ท่านก็ได้จากแม่กี๋ไปอย่างไม่มีวันกลับ

 แม่กี๋เคยอ่านพบเรื่องที่เกี่ยวกับการใช้หมาวินิจฉัยโรค ของสถาบันแห่งหนึ่งในประเทศสหรัฐอเมริกา ที่ทำการทดลองโดยให้หมาดมกลิ่นลมหายใจของผู้ป่วยโรคมะเร็งชนิดต่างๆ ที่ต่อมาจากท่อ โดยที่ผู้ทำการทดลอง เจ้าหน้าที่ และ.....หมา ไม่รู้วัตถุประสงค์ของการทดลอง

ผลของการทดลองคือ หมาสามารถบ่งชี้ได้ว่า ผู้ป่วยคนไหนเป็นมะเร็ง.......ชนิดใดได้แม่นยำถึง 99% และที่แม่กี๋จำได้ไม่เคยลืมว่า หนึ่งในสองอันดับแรกมันก็คือ “มะเร็งในปอด”

เรื่องนี้อาจต้องใช้วิจารณญาณในการอ่าน แต่สำหรับแม่กี๋ เรื่องนี้จะยังคงติดค้างอยู่ในใจของตัวเองไปตลอดชีวิต.....ในความคิดที่ว่าหมาตัวนี้ได้กลิ่นไอของโรคร้ายจริงหรือไม่....?


ตอบ: รักลูกให้ถูกทาง...เมื่อเรื่องเล่า! เรื่องลูก! ถูกบันทึก?ครง
โดย กี๋ ปากอ่าว - Friday, 31 March 2006, 11:39AM
 

สวัสดีค่ะ ท่านสมาชิกทุกท่าน ที่ติดตามอ่านเรื่องเล่าของเด็กบางแก้วท่ายาง มาตั้งแต่ต้นจนถึงตอนล่าสุดนี้

หวังเป็นอย่างยิ่งว่า เรื่องเล็กเกร็ดย่อย ที่แม่กี๋เก็บเล็กผสมน้อย จากหนังสือต่างๆบวกกับเรื่องจริงผ่านจอของบางแก้วทั้งสองหน่อ คงจะให้ความบันเทิงสำหรับท่านสมาชิก ที่ว่างเว้นจากงานราษฏร์ งานหลวงไม่มากก็น้อย

ขอขอบพระคุณเป็นอย่างสูง ที่แม้นจะคุยกันน้อย แต่ก็คอยเข้ามาเยี่ยมกันเป็นประจำสม่ำเสมอ และคงจะได้มาร่วมส่งความสุขให้แก่กันในตอนต่อๆไปนะคะ

             รักน้องบางแก้วทุกตัวค้า

              แม่กี๋ แห่งอำเภอท่ายาง เมืองเพชรฯ


ตอบ: รักลูกให้ถูกทาง...เมื่อเรื่องเล่า! เรื่องลูก! ถูกบันทึก?ครง
โดย พายุ วงศ์วายุ - Friday, 31 March 2006, 12:06PM
 
จบเรื่องของปู่หัวโตแล้วเหรอครับ... พอปู่อึเสร็จ ปู่ก็เผ่นแน่บเลยนะครับ...

ตานี้ก็ถึงเรื่องของน้องเต๋าเต้ยแล้วสิครับ... เรื่องของน้องเต๋าเต้ยจบลงตอนที่น้องเต๋าเต้ยโดนคุณแม่กี๋ละไว้ที่เจียงใหม่... เมื่อไหร่น้องเต๋าเต้ยจะได้คืนถิ่นมหาชัย และย้ายถิ่นไปท่ายางล่ะครับ...

พายุกับน้องน้ำมนต์นั่งคอยนอนคอยฟังข่าวอยู่นะครับเนี่ย

ตอบ: รักลูกให้ถูกทาง...เมื่อเรื่องเล่า! เรื่องลูก! ถูกบันทึก?ครง
โดย chuleekorn komson - Friday, 31 March 2006, 01:16PM
 

แม่กี๋เก่งจังเลยนะค่ะ สามารถเล่าเรื่องราวต่างๆ ของเหล่าลูกสมุนตัวน้อยผ่านตัวหนังสือได้เป็นอย่างดีเลยค่ะ อ่านแล้วก้อเพลินดีจนเกือบจะหลับแน่ะค่ะ (ปกติไม่ค่อยอ่านอะไรนานๆ แบบเนี้ยสักเท่าไรอ่านแล้วง่วงทุกทีเลย ยกเว้นอ่านการ์ตูน) แต่ยังงัยก้อขอบอกว่า แม่กี๋ซู๊ดยอด เลยค่ะ


ตอบ: รักลูกให้ถูกทาง...เมื่อเรื่องเล่า! เรื่องลูก! ถูกบันทึก?ครง
โดย eve Savangpop - Friday, 31 March 2006, 03:20PM
 

เป็นอีกคนนึงค่ะ  ที่พยายามติดตามเรื่องเล่าของคุณแม่กี๋มาตลอด  ถึงแม้บางทีจะมีเวลาน้อย  ได้แค่เข้ามาอ่าน  แต่ไม่ได้แวะทักทายก็ตามที  แล้วจะคอยแวะเวียนมาเรื่อยๆ นะคะ  จะรอติดตามตอนต่อไปค่ะสับสน

เวลาปู่หัวโตนอน  ดูแล้วคล้ายๆ ลูกขนุนยังไงบอกไม่ถูกนะคะกัดฟัน

ตอบ: รักลูกให้ถูกทาง...เมื่อเรื่องเล่า! เรื่องลูก! ถูกบันทึก?ครง
โดย กี๋ ปากอ่าว - Friday, 31 March 2006, 10:08PM
 

สวัสดีเจ้า พี่พายุ กะ น้องน้ำมนต์ ; คุณ Chuleekorn komson และ คุณ eve..

แม่กี๋ม่วนอ๊กม่วนใจ๋แต้ว่า ตี้เข้าอู้ทักทายกั๋นพ่อง..นะค้า แหมๆๆขอส่งภาษา ตามประสาเด็กนอก..เขตปริมณฑลหน่อยน้า!!

โปรดติดตามตอนต่อไป เรื่องเล่าเข้าด้ายเข้าเข็ม เมื่อเต๋าเต้ยปิ๊กมหาชัย บางแก้วคู่เจ็บ จะรีเทิร์นมารวมตัวกันอีกครั้ง

หัวโต VS เต๋าเต้ย นักเลงภูเขาไฟ (ชนโรง หนังไทย โหน่ง VS เท่ง นักเลงภูเขาทอง)

 ....ชวนเชิญ คุณeve เข้ามาชิมลูกขนุน ลูกอ้วนๆ แก่จั๊ดจัด..รสหวานฉ่ำตามสะดวกนะคะ

 


ตอบ: รักลูกให้ถูกทาง...เมื่อเรื่องเล่า! เรื่องลูก! ถูกบันทึก?ครง
โดย จิตรใส สิระชัยนันท์ - Friday, 31 March 2006, 10:28PM
 

ภาพบนเนี้ย...เจ้าเล่ห์จริงนะเต๋าเต้ย

จะรอดู  หัวโต VS เต๋าเต้ย นักเลงภูเขาไฟจ้า 

โหน่ง-เท่งก็โหน่ง-เท่งเหอะ รับรองได้ว่าเป็นรองชัวร์   เห็นด้วย

ตอบ: รักลูกให้ถูกทาง...เมื่อเรื่องเล่า! เรื่องลูก! ถูกบันทึก?
โดย ยศชัย ชัยพรหมมา - Thursday, 23 March 2006, 04:55PM
 

ยิ่งอ่านยิ่งน่าติดตามครับ เรื่องราวของหัวโต

ตอบ: รักลูกให้ถูกทาง...เมื่อเรื่องเล่า! เรื่องลูก! ถูกบันทึก?
โดย กี๋ ปากอ่าว - Friday, 10 March 2006, 09:31PM
 

สวัสดีค่ะ......วันนี้ขอเล่นละครเวที...เล่าด่วน !เรื่องวันนี้ไปก่อนนะคะ เรื่องเล่ายาวๆ ขอเวลาอีกจั๊กหน้อยเน้อค่ะ..แต่ตอนนี้..แบบว่า..แบบว่าอยากโม้อ่ะ!!

เมื่อตอนบ่าย ข้างบ้านของแม่กี๋มีขบวนแห่ของ การเปิดงาน "งานมหกรรมเกษตรของดีท่ายาง"   มีทั้งดนตรี ผู้คนและ ขบวนกลองยาว  ทึ่งๆๆ ม่องๆๆ...ยาวเหยียด..(แฮ่ๆ แม่กี๋ขอเม้าท์เพื่อชุมชนคนท่ายางหน่อยนะ ไม่ได้ชวนเล่น poker สักหน่อย)

แม่กี๋ก็สนุกล่ะสิ นานๆจะได้มีงานเถิดเทิงในอำเภอเสียที..แต่ลูกๆนะสิ..ได้ยินเสียงขบวน พากันถอยทัพไปนั่งทำหู กระดิกซ้าย กระดิกขวา เปิดๆปิดๆ บิดไปบิดมา ทำหน้าตื่นเต้น..เห็นเป็นเรื่องใหญ่...ฮิๆ..เชยจริง จริ้ง!! น้องหมาชนบทของแม่...สงสัยตื่นคนมากันล้นหลาม

ถึงเวลาทำอาหาร ขณะที่แม่กี๋กำลังสาระวนอยู่ในครัว นาฬิกาบอกเวลาหกนาฬิกา บรรเลงเพลงชาติ อัญเชิญธง.. เต๋าเต้ยเข้ามายืนโก่งคอ ร้องเพลงหน้าวิทยุ...อู..อู้ๆๆๆๆ เพราะนี่คืองานประจำทุกเช้าเย็น แต่วันนี้เสียงตามลำโพงงด เพราะเจ้าหน้าที่เทศบาลไม่ว่าง..เลยต้องร้องในร่ม ที่จริงต้องนั่งกลางแจ้ง หันหน้าไปทางลำโพงที่ติดอยู่ที่เสาไฟฟ้าหน้าบ้านจ้า

ร้องเพลงเสร็จ...ก็นอนเจ่าจุกกันอยู่ในครัวทั้งปู่หัวโตและเต๋าเต้ย หลบเสียงดังของขบวน เวลาแม่กี๋ทำครัวต้องเขย่งก้าวกระโดด หลบเครื่องกีดขวาง

แม่กี๋กำลังทอดปีกไก่อย่างเพลินเพลิด ก็เหลือบไปเห็นเต๋าเต้ย นั่งสวัสดีครับ ขอกินปีกไก่ ...ที่หน้าประตู...หิวล่ะสิท่า ก็สองสามวันมานี้ ไม่ยอมแตะต้องอาหารเม็ดเลย กินแต่เนื้อ หมู ไก่ล้วน แม่กี๋เลยคลุกปีกไก่ทอดร้อนๆกับอาหารเม็ด เจริญอาหารไปตามระเบียบ หมดเกลี้ยงชาม

เดี๋ยวแม่กี๋ว่าจะจูงไปเดินเที่ยวงานเสียหน่อย..หวังว่าจะไม่ป่วนงาน จนพาแม่กะพ่อเข้าไปนั่งตบยุงในที่พักนักเลงด้วยกันเน้อลูก!!


Click to enter http://www.bangkaew.com/elearning3

Bangkaew.net and Bangkaew.org are for sale
See details at https://sedo.com/search/?keyword=bangkaew