 | ตอบ: เฮ้อ....เห็นแล้วเหนื่อย |
|
น่าจะรวบรวมเรื่องราว จริงๆ เหตุการณ์จริงๆ ของผู้ที่ต้องสูญเสียสุนัขที่ซื้อมาจาก มหกรรมทรมารสัตว์เหล่านี้ ทำเป็นหนังสือ ขาย/แจกจ่าย เผยแพร่ทางเวปไซด์ และทางนิตยสารสัตว์เลี้ยงต่างๆ ให้สามารถเข้าถึงกลุ่มคนรักสุนัขให้มากที่สุด เท่าที่จะมากได้ ให้เป็นอุธาหรณ์สำหรับปีต่อๆไป เหตุการณ์ที่เกิดความสูญเสียขึ้น ควรจะนำมาเป็นบทเรียนและเพิ่มเติมความรู้ จากประสบการณ์เหล่านี้ ไม่ควรให้ปล่อยผ่านไปโดยไม่ได้นำมาใช้ประโยชน์ อีกเรื่องหนึ่งที่เราสามารถสอดแทรกเข้าไปได้ คือการตั้งระดับมาตรฐานของลูกสุนัขที่จะซื้อในงานมหกรรมต่างๆ เช่น เมื่อตกลงซื้อขายกันแล้ว ต้องนำไปตรวจเลือด ตรวจสุขภาพทันที ทางผู้จัดอาจจะมีซุ้มเจ้าหน้าที่บริการให้ และถ้าตรวจพบว่าสุนัขของร้านไหน มีเชื้อหัด หรือเชื้อโรคติดต่อร้ายแรงอื่นๆ ก็ต้องให้ขนออกจากงานไปทันที ห้ามมาวางขายอีกต่อไป เป็นการป้องกันไปในตัว... เหมือนกับมาตรฐานคุ้มครองผู้บริโภคนั่นแหละครับ...จะได้กระตุ้นให้คนขายปรับตัว และปรับปรุงคุณภาพไปในตัว แล้วคนขายที่ไม่เคยใส่ใจเรื่องพวกนี้ หรือเอาเปรียบผู้ซื้ออยู่ ก็จะค่อยๆหมดไป ผู้ซื้อก็จะสามารถซื้อสุนัขจากแหล่งเหล่านี้ได้อย่างสบายใจ ราคาอาจจะแพงขึ้นกว่าเดิม แต่จะเป็นประโยชน์ต่อผู้ซื้อโดยตรง... |
 | ตอบ: เฮ้อ....เห็นแล้วเหนื่อย |
|
เห็นด้วยครับว่าน่าจะรวบรวมทำเป็นอุทาหรณ์ ถ้าติดตามข้อมูลในเวบมาตลอดก็จะพอเห็นหลักในการเลือกซื้อมาเป็นระยะๆ คุณวิเชียรหรือท่านผู้อาวุโส (ทางความรู้) ไม่ลองสรุปอีกครั้งในเรื่องการเลือกซื้อหรือครับ (เช่น อายุ วัคซีน ฯลฯ) แล้วเอาไว้ข้างหน้าเวบ เหมือน คู่มือการเลี้ยงของคุณเพื่อนบางแก้ว จะได้มีทั้งหลักการซื้อ-หา และหลักการเลี้ยงไปเลย ปัญหาในงานเกษตรแฟร์ก็มีมาทุกปี เลยในเรื่องหมาป่วย (ปีก่อนพาหมาที่บ้านไปฉีดยาที่คลีนิย ก็เจอโกลเด้นที่ซื้อจากในงานกำลังให้นำเกลืออยู่ ไม่รู้สุดท้านรอดหรือเปล่า) เมื่อก่อนเคยนึกว่าในงานแบบนี้ น่าจะดีกว่าซื้อจาก JJ ตอนนี้คงต้องเปลี่ยนความคิดแล้ว ข้อดีของงานแบบนี้คือมีมาจากหลายค่าย ให้เลือกดูโดยไม่ต้องไปดูถึงคอกแต่ละแห่ง แต่เสียดายจังที่เป็นแบบนี้ (มานึกๆดู คนขายจะรู้มั้ยว่าหมาตัวเองป่วยอยู่แล้วเอามาขาย?) คนขายดีๆก็น่าจะมีแต่ทำให้ภาพรวมเสียหมดเลย |