ถ้ามีเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในบริเวณพื้นที่พักอาศัยของท่านใน 1 – 2 สัปดาห์ข้างหน้า ท่านจะป้องกันความเสียหายได้อย่างไรบ้าง หรือให้เกิดความเสียหายน้อยที่สุด
โดย ไตรสิทธิ์ . - Wednesday, 28 September 2005, 09:21PM
 

11 – 29 ตุลา 48  เตรียมรับมือเหตุร้ายกันหน่อย

      - ในเดือนหน้า ช่วง 11 – 29 ตุลา 48 อาจมีเหตุร้ายเกิดขึ้นในประเทศไทย  
ซึ่งเป็นคำบอกเล่าของ ดร.กัญจีรา กาญจนเกศ นักวิทยาศาสตร์ ผู้ที่ผันตัวมาฝักใฝ่สนใจในการปฏิบัติธรรมมากผู้หนึ่ง ปัจจุบันเป็นประธานชมรมวิถีธรรม – วิถีไท แถวเขตคันนายาว ในสายหลวงปู่ทวด ได้นำข่าวสารมาแจ้งในที่ประชุมสมาคมค้นคว้าทางจิตแห่งประเทศไทย ให้ได้ทราบเมื่อบ่ายวันเสาร์ที่ 24 กันยายน 2548 ที่ผ่านมา และเนื่องจากผู้เขียนนั่งติดกับ ผศ.ดร.พรชัย พัชรินทร์ตนะกุล อดีตประธานสภาคณาจารย์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นนักวิทยาศาสตร์ แต่มีความสนใจในเรื่องวิทยาศาสตร์ทางจิตมากผู้หนึ่ง และเป็นสมาชิกตลอดชีพของสมาคมค้นคว้าทางจิตฯ เหมือนผู้เขียน ขอให้ผู้เขียนช่วยสรุป และเผยแพร่เรื่องนี้ให้แก่ผู้สนใจได้ทราบด้วย ผู้เขียนได้รับปากว่าจะรีบสรุป และเขียนสิ่งที่ได้รับฟังมา และรีบ Mail ให้สมาชิกชมรมศาสนาและการกุศลทุกคนได้รับทราบโดยเร็วต่อไป บทความนี้จึงได้ผลิตออกมาเผยแพร่ในทันที

      - หากช่วง 11 – 29 ตุลา 48 มีเหตุร้ายเกิดขึ้นจริงในประเทศไทย ดร.กัญจีราฯ ก็มีชื่อเสียงดังระเบิดเถิดเทิงกันแน่ในคราครั้งนี้ ซึ่งท่านผู้อ่านทุกท่าน ก็จะได้ทราบผลกันในเร็ววันนี้ว่าเป็นเรื่องจริงหรือมั่วนิ่ม

      - ดร.กัญจีราฯ เล่าให้ฟังว่า ขอให้ติดตามดูสถานการณ์ ตั้งแต่วันที่ 11 ตุลา 48 เป็นต้นไป ท่านว่าจะมีภัยธรรมชาติที่ร้ายแรงเกิดขึ้นในเมืองไทย

  • 11 ตุลา 48 จะมีน้ำท่วมในหลายพื้นที่ของไทย
  • 13 – 14 ตุลา 48 จะเกิดคลื่นสึนามิอีกครั้ง
  • 18 ตุลา 48 จะมีน้ำป่าเข้าท่วมบ้านเรือน และมีน้ำท่วมขัง 2 สัปดาห์
  • 21 – 23 ตุลา 48 จะมีแผ่นดินไหวในกรุงเทพฯ จะมีรถติดวินาศสันตะโร

            ให้ระวังเขตอันตรายย่านหัวลำโพง ปทุมวัน มาบุญครอง เขตดินแดง และแถวรัชโยธิน จะมีเรื่องร้ายแรงเสียหายเกิดขึ้นที่เกิดจากแผ่นดินยุบหรือไหวตัว 

  • 29 ตุลา 48   อาจมีพายุทอนาโดเข้ามาทางอ่าวไทย

      - ดร.กัญจีราฯ ท่านบอกว่า ช่วง 11 – 29 ตุลา 48 ไม่ว่าภาคใต้ ภาคตะวันตก ภาคกลาง ภาคอีสาน และภาคเหนือ ล้วนมีผลกระทบทั้งประเทศ จังหวัดที่ได้รับผลกระทบรุนแรงมากและน้อยที่ต้องเตรียมรับมือมากหน่อยมีดังนี้.-

      1)  ภาคใต้ นครศรีธรรมราช (หนักสุด) รองๆลงมาคือ

                        สุราษฎร์ พังงา และชุมพร 

      2) ภาคตะวันตก ราชบุรี (หนักสุด) รองๆลงมาคือ กาญจนบุรี

                        สุพรรณบุรี และ สมุทรสาคร

      3) ภาคกลาง กรุงเทพมหานคร (หนักสุด) รองๆลงมาคือ ปทุมธานี 

                        นครปฐม ชัยนาท และพิษณุโลก

      4) ภาคอีสาน หนองคาย (หนักสุด) รองๆลงมาคือ ขอนแก่น

                        อุบลราชธานี และร้อยเอ็ด

      5) ภาคเหนือ เชียงราย (หนักสุด) รองๆลงมาคือ ลำพูน ลำปาง

                        เชียงใหม่ และตาก

      - ดร.กัญจีราฯ เล่าว่า อุทกภัยครั้งนี้ จะมีความรุนแรงมากกว่าช่วง 500 ปี  
ที่ผ่านมาก็แปลว่า ครั้งนี้จะต้องหนักมากกว่าทุกครั้งที่ท่านเคยเห็นเคยพบในช่วงชีวิตของท่าน แต่ผู้เขียนไม่แน่ใจว่าจะถึงระดับเช่นว่าคงต้องติดตามดูครับ

      - ในช่วงปลายตุลา ถึงต้น พฤศจิกา 48 ต้องงดไปลอสแองเจลลิส และนิวยอร์ค เพราะสหรัฐอเมริกาจะโดนพายุใหญ่ 2 ลูกถล่มที่ 2 เมืองนี้นั่นเอง

      - เนื้อหาสาระที่รับฟังมา แม้จะมิได้บันทึกเทปไว้ แต่คิดว่าจำมาได้ไม่น้อยกว่าร้อยละ 90 หากคลาดเคลื่อน ท่านที่ฟังมาพร้อมกัน ช่วยบอกเพิ่มให้ผู้เขียนทราบด้วย  
จักขอบคุณมาก

      - ถ้ามีเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นจริง ต้องยกประโยชน์และปรบมือขอบคุณ แก่ดร.กัญจีรา กาญจนเกศ โดยผู้เขียนจะได้ติดตามข่าวสารจากท่านผู้นี้มานำเสนอท่านผู้อ่านเป็นระยะๆต่อไป แต่ถ้าไม่มีเรื่องร้ายแรงใดๆ เกิดขึ้นในช่วง 11 – 29 ตุลา 48  
ก็ต้องกล่าวโทษ ดร.กัญจีราฯ และก็คงไม่มีข่าวสารจากท่านผู้นี้อีกต่อไป เว้นแต่มีคำอธิบายที่น่าเชื่อถือและมีเหตุปัจจัยสนับสนุนที่มากเพียงพอ แต่ทั้งนี้ และทั้งนั้น จะมีเหตุร้ายแรงเกิดขึ้นหรือไม่ก็ตาม ก็ให้ถือเป็นเรื่องการซ้อมรับมือเหตุร้ายแรงดังกล่าว ซึ่งในระบบป้องกันความปลอดภัย หรือแม้แต่ระบบป้องกันอัคคีภัย ก็ยังมีการซ้อมดับไฟก่อนเกิดไฟไหม้จริง

            ก็ขอให้ท่านผู้มีโอกาสอ่านบทความชิ้นนี้ทาง Mail ทุกท่าน โปรดใช้เป็นโจทย์การบ้านว่า “ถ้ามีเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในบริเวณพื้นที่พักอาศัยของท่านใน  
1 – 2 สัปดาห์ข้างหน้า ท่านจะป้องกันความเสียหายได้อย่างไรบ้าง  หรือให้เกิดความเสียหายน้อยที่สุด”
 อย่างไรก็ตาม เหตุร้ายแรงที่ ดร.กัญจีราฯ บอกกล่าวนี้ ยังไม่ถึงระดับมหันตภัยที่แท้จริง หากมีเกิดขึ้น ก็เป็นเพียงเหตุร้ายแรงระดับเล็ก ถ้าจะเทียบกับเหตุการณ์ในปี 2551 ทั้งนี้ผู้เขียนมิได้ยอมรับ และมิได้ปฏิเสธว่า ช่วง 11 – 29 ตุลา 48 จะมีเหตุร้ายแรงเกิดขึ้นหรือไม่ช่วงนี้ เขียนตามที่ฟังมาจากดร.กัญจีราฯ แล้วนำมาเล่าต่อ บอกต่อก่อนนะครับ

สำหรับข้อแนะนำเล็กๆ  น้อยๆ จากผู้เขียน : ถ้าจะมีเหตุร้ายแรงเกิดขึ้นจริง

      1. กรุณาช่วยตรวจความมั่นคงแข็งแรงของตัวบ้าน ประตู หน้าต่าง หลังคา ต้นไม้ใหญ่ สายไฟ สายโทรศัพท์ ป้ายโฆษณา ฯลฯ ซึ่งอาจหลุด อาจตกหล่น อาจล้มทับ ที่อยู่อาศัยของท่านหรือสถานที่ท่านพักอาศัย เพราะลมพายุพัดใส่ ท่านต้องตรวจตราดูแลกันสักหน่อยนะครับ หากไม่มั่นคงต้องซ่อมด่วน ต้องป้องกันก่อนครับ

      2.  ฝาท่อระบายน้ำหน้าบ้าน หลังบ้าน ในซอย และบริเวณถนนหน้าบ้าน / หลังบ้าน อุดตันเพราะฝุ่นผง และขยะ หรือไม่ หากมีการทำท่อระบายน้ำใหม่ กรุณาอย่าประมาทเพราะอาจทำฉาบฉวย มีรางบนถนน แต่มิได้เชื่อมกับตัวท่อระบายน้ำ และถังพักน้ำจริง โปรดตรวจตรา หาไม้แยงดู หากติดตัน แจ้งสำนักงานระบายน้ำ หรือสำนักผู้ว่า กทม. หรือสำนักงานเขตจัดการลอกขยะออกโดยเร็วต่อไป

      3. ถ้าน้ำท่วมมากจนรถนำออกจากบ้านไม่ได้ ท่านมีแม่แรงไว้ยกรถหรือยัง มีอิฐบล็อค หรือขอนไม้ใหญ่ หรือเหล็กค้ำยันไว้รองดันให้รถลอยสูงหนีน้ำหรือยัง ถ้าสมมุติน้ำจะท่วมสูง 1 เมตร เข้ามาในบ้านท่าน คิดเผื่อกันเหนียวหน่อยจะดีไหม ? สิ่งของที่วางอยู่บนพื้น หากน้ำท่วมถึงจะเสียหายได้ หาทางเคลื่อนย้ายไปไว้ชั้นบนบ้าน หรือเก็บไว้ในที่สูงเกิน 1 เมตรจะดีไหม (ของใครของมัน ตัดสินใจกันเอาเอง ของใช้ของใคร ก็ต้องดูแลกันเอาเองครับ)

      4. จะมีอะไรเกิดขึ้นก็ตาม ตั้งสติกันให้มากหน่อย ถ้าจะไม่อยู่ในกรุงเทพฯ ชั่วคราว ครอบครัวของท่านจะไปไหนกัน ปรึกษาหารือ พูดคุยกันก่อนถึง 11 ตุลา 48 จะดีไหมครับ

      5. ถ้าช่วง 11 – 29 ตุลา 48 หากมีเหตุร้ายเกิดขึ้นจริง แต่ละคนในครอบครัว ไม่ควรนัดรวมพลพร้อมกันที่บ้านเก่า มิฉะนั้น อาจต้องกลับบ้านเก่า (บ้านเก่า เป็นคำสะแลง หมายถึง ตาย) และต้องระวังวิกฤติจราจร แม้มีน้ำมันเต็มถัง แต่วิ่งได้เพียง 4 – 5 กิโลเมตร น้ำมันอาจหมดถังได้ เพราะรถมันไม่เคลื่อนที่ รถอาจติดกันเหมือนแตงเมก็ได้ ถ้าใช้เวลา 1 ชั่วโมง วิ่งได้ระยะทางเพียง 100 เมตร มิใช่ 100 กิโลเมตร แล้วผลเป็นเช่นไร ท่านคงคาดเดาได้ หากรถคันข้างหน้าเรา เขาตัดสินใจทิ้งรถแล้วออกเดิน รถเขาจึงจอดขวางทางคนขับรถคันอื่นก็ทำตาม หากเราอยู่คันหลังๆ จะแซงได้อย่างไร เพราะบนท้องถนนไม่มีที่ว่างเปล่า มีรถจอดติดทุกช่องทางจราจร และรถอีกส่วนหนึ่งก็ปฏิบัติฝ่าฝืนกฎจราจร โดยมีปรากฏให้เห็นในถนนทุกสาย ถนนที่ให้รถวิ่งทางเดียว จะมีรถวิ่งสวนทางย้อนศร ถนนที่กำหนดให้วิ่ง 2 ทางจราจร จะมีรถเบียดแซงเป็น 3 – 4 ช่องทางจราจร ในบางแยกจึงมีการจอดประจันหน้ากัน เดินหน้าไม่ได้ ถอยหลังก็ไม่ได้ รถย่อมเคลื่อนที่ไม่ได้ กรุณาจินตนาการดูครับ อย่าคิดว่าไม่มีทางเกิดขึ้น คิดเป็นการบ้านเผื่อไว้ก่อน (วันนี้ ท่านอาจด่าว่าผู้เขียนว่า ไอ้บ้า เขียนข่มขู่ผู้คนให้ตื่นตระหนกกลัวอีกแล้ว ความจริงเป็นภาพที่ 
ผู้ยืนยันว่าเห็นชัดในปี 2551 แต่จะซ้อมคิดในปีนี้ก็ไม่น่าจะเสียหาย และต่อไปท่านอาจจะตระหนักได้ว่าไม่น่าที่จะไปด่าเขาเลย อย่างน้อยก็มีประโยชน์ที่เขาแนะนำสิ่งที่ดีๆให้ก่อน)

      6. ในวันนี้กรุณาทำการสำรวจทรัพย์สินที่มีค่าของท่าน ของรักของหวงของท่านคืออะไร อยู่ที่ไหน จัดทำรายการบัญชีไว้ จะดีไหม จะนำไปด้วย หรือทิ้งไว้ก่อน ของชิ้นเล็กของที่มีน้ำหนักน้อย ของที่มีค่ามาก ควรนำติดตัวไป ของใหญ่ของหนัก ของที่มีภาระมาก จำต้องทิ้งไว้ก่อน มิฉะนั้น ท่านอาจะต้องนำไปทิ้งระหว่างทาง หรือถูกชิงทรัพย์ ปล้นทรัพย์ระหว่างเดินทางก็ได้ คิดเผื่อไว้สักนิดจะดีไหม

      7. ความจริงไม่อยากแนะนำให้เอาอาวุธติดตัวไปด้วย เพราะไม่อยากให้เกิดการฆ่าฟันกัน แต่ช่วงวิกฤติดังกล่าว จะมีสมุนพญามาร และสมุนซาตานออกอาละวาด  
จะเป็นช่วงที่มีการ ลัก – วิ่ง – ชิง - ปล้น กันหนัก (ลัก คือ ลักทรัพย์, วิ่ง คือ วิ่งราวทรัพย์,ชิง คือ ชิงทรัพย์, ปล้น คือ ปล้นทรัพย์) นอกจากนั้น ก็จะมีการข่มขืนและฆ่า ในช่วงวิกฤติติดตามมา จึงจำใจต้องแนะนำ “ให้หาอาวุธ ไว้ป้องกันตนเองและครอบครัว” ขอย้ำว่า “ให้หาอาวุธไว้ป้องกันตนเองและครอบครัว มิใช่หาอาวุธให้ไปชิงทรัพย์ หรือปล้นทรัพย์ผู้ใด” 

      - ผู้ที่มีอาวุธปืน หากไม่เคยยิงเลย ระวังกระสุนด้าน ปืนอาจขัดลำกล้อง ในเวลาจำเป็นต้องใช้ก็อาจเป็นได้ ให้ไปทดลองฝึกยิงดูสักหน่อย เปลี่ยนกระสุนใหม่สักนิด

      -  ผู้ที่ไม่กล้าใช้ปืน จะหามีด หาไม้ เอาไว้ใกล้มือที่จะหยิบฉวยมาป้องกันตนเอง และครอบครัวได้ ก็ควรมีไว้ในช่วงวิกฤติ หากประมาทแล้วจะเสียใจ จะหาว่าไม่บอกกล่าวเล่าเตือนไม่ได้นะครับ (จะอย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ช่วง 11 – 29 ตุลา 48 ยังมิใช่เหตุร้ายแรงระดับมหันตภัยในระดับน่ากลัวมากนัก หากเกิดมีขึ้นจริงตามที่ดร.กัญจีราฯ เล่าให้ฟังก็ถือว่าเป็นการซ้อมรับมือปี 2551 ก็ไม่น่าจะเสียหายมากนัก)

      7. ปัจจัย 5 หาเตรียมไว้บ้าง ก็น่าจะดี ปัจจัย 4 เป็นที่ทราบอยู่แล้ว คือ อาหาร เครื่องนุ่มห่ม ที่อยู่อาศัย และยารักษาโรค สำหรับปัจจัยที่ 5 คือ น้ำมัน หรือพาหนะที่จะใช้เดินทางเคลื่อนที่

      8. ปัจจัยแรก อาหาร หมายรวมถึง น้ำดื่มด้วย และหมายรวมถึงอุปกรณ์นอกจากอาหารสด อาหารแห้งแล้ว เครื่องครัว ข้าวสาร อาหารแห้ง และแก๊สหุงต้มด้วย ระวังมีแต่ถัง แต่แก๊สหมด อาจเกิดขึ้นได้ ตรวจดูหน่อยจะเป็นไร ฯลฯ

      9.  ปัจจัยที่สอง เครื่องนุ่งห่ม นอกจากเสื้อผ้าแล้ว รวมถึงเครื่องนอนด้วย ในช่วงที่ไปอยู่ในที่อื่น ที่มิใช่บ้านอยู่อาศัยของตนเอง เสื้อผ้า ไม่ควรเป็นชุดหรูหราสวยงาม แต่ควรเน้นชุดธรรมดาๆ สวมใส่สบาย ให้ความอบอุ่นได้ดีก็พอแล้ว 

      10. ปัจจัยที่สาม ที่อยู่อาศัย นอกจากเป้าหมายสุดท้ายที่เป็นเป้าหมายหลักที่นัดหมายบุคคลในครอบครัวไปพบและพักอยู่ร่วมกันในยามวิกฤติแล้ว หมายรวมถึง จุดนัดพบระหว่างทางจุดที่ 1, 2, 3 หากพลาดนัดจุดที่ 1 กี่ชั่วโมง ไปพบจุดที่ 2, 3 เป็นต้น เพื่อมิให้ต้องเสียเวลาในการเดินทางไกลมากนัก และเพื่อมิให้เป็นกังวลตลอดระยะเวลาการเดินทาง ซึ่งไม่ต้องถูกถ่วงเวลาด้วยสภาพการจราจรที่ติดขัดวินาศสันตะโร (ไฟฉาย / ไม้ขีด ก็ควรมีไว้ใช้ในยามจำเป็น) (ช่วง 11 – 29 ตุลา 48 ไม่น่าถึงระดับวิกฤติถึงขนาดต้องอพยพ โยกย้าย เว้นแต่บางพื้นที่ ซึ่งเป็นแอ่งรับน้ำ หรือเส้นทางน้ำไหลผ่าน ก็คงจะจำเป็นต้องเคลื่อนย้ายที่หลับนอนเป็นการชั่วคราว แต่ไม่นานนัก)

      11. ปัจจัยที่สี่ ยารักษาโรค นอกจากยาสามัญประจำบ้านพื้นฐาน และเวชภัณฑ์ต่างๆที่จำเป็นแล้ว ผู้ที่มีโรคประจำตัวต่างๆ ต้องเตรียมปริมาณยาให้มากพอสัก 1 เดือน

      12. ปัจจัยที่ห้า น้ำมันเติมยานพาหนะเพื่อการเดินทาง ต้องเติมเต็มถังไว้ทุกวันในช่วงที่มีความเสี่ยงที่อาจเกิดเหตุการณ์ร้ายแรง และควรมีถัง 20 ลิตร ไว้สำรองเติมน้ำมันเพิ่มสัก 1 – 2 ถัง ก็น่าจะดี เพราะปั๊มน้ำมันต่างๆ จะขายน้ำมันหมด รถน้ำมันมาส่งไม่ทันความต้องการของประชาชน และสภาพการจราจรทุกสายในกรุงเทพฯ เข้าสภาวะจราจล รถเคลื่อนตัวช้ามากๆ 

      13. จะอย่างไรก็ตาม นับแต่วันนี้เป็นต้นไป เรามาฝึกฝนตน ลด ความโลภ ความโกรธ ความหลงให้น้อยลงกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ฝึกทำความเข้าใจในสามัญลักษณะ หรือลักษณะสามัญตามธรรมชาติ คือ อนิจจัง ทุกขัง และอนัตตา หรือทุกสิ่งไม่เที่ยง เกิดขึ้น ตั้งอยู่ แล้วก็แปรเปลี่ยน ในที่สุดก็สูญสลาย ทนอยู่ในสภาพเดิมโดยตลอดมิได้ แท้จริงเป็นสิ่งสมมุติทั้งสิ้น ปล่อยวางสิ่งต่างๆลงบ้างจะดีไหม

      เพิ่ม เมตตา มีความปรารถนาให้คนอื่นมีความสุข

      เพิ่ม กรุณา มีความปรารถนาให้คนอื่นพ้นทุกข์

      เพิ่ม มุทิตา มีความปรารถนาให้ผู้อื่นได้ดี / ยินดีที่ผู้อื่นได้ดีกว่า

      เพิ่ม อุเบกขา มีใจเป็นธรรมมากขึ้น

      เพิ่ม การกระทำความดีทุกรูปแบบ ทุกเวลา ทุกสถานที่ เพื่อให้มีจิตวิญญาณที่ดี

      เพิ่ม ความกตัญญู กตเวทีต่อคุณพ่อคุณแม่ ครูบาอาจารย์ ท่านผู้มีพระคุณทุกท่าน

      เพิ่ม ความมีศีล 5 ให้ได้หลายชั่วโมงในวัน และให้ได้นานวันมากกว่าเดิม

      เพิ่ม การสวดมนต์ / การทำสมาธิภาวนา การทำวิปัสสนาภาวนา และการทำเมตตาภาวนา (แผ่อุทิศส่วนกุศลให้ผู้อื่น สัตว์อื่น)

      เพิ่ม หิริ โอตตัปปะ / ละอายที่จะทำชั่ว กลัวบาป

      - ทั้งหมด เป็นการให้คำแนะนำเพิ่มเติมเล็กๆ น้อยๆ แก่ท่านผู้อ่าน ท่านใดมีสิ่งที่จะแนะนำเพิ่ม ช่วยส่งข่าวมาให้ผู้เขียนด้วยครับ โดยส่งทาง E-Mail ที่ mkrichti@ktb.co.th โทรสารที่ 0-2256-8320, 0-2423-0505

      สิ่งที่ว่ามาในข้อแนะนำ 13 ข้อนี้ ดร.กัญจีราฯ มิได้แนะนำ  ผู้เขียนเป็นผู้แนะนำเอง ผิด – ถูก ผู้เขียนขอรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว

      - ดร.กัญจีราฯ แจ้งข่าวดีว่า ในปี 2552 ประเทศไทย จะเป็นมหาอำนาจในเอเซียอาคเนย์ หรือในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และประเทศต่างๆ ทางตะวันออกของโลก จะย่างเข้าสู่ยุคเฟื่องฟู (ประเทศต่างๆในทางตะวันตกของโลก ก็จะเข้าสู่ยุคถดถอย หรือยุคเสื่อมถอย และหมดสภาวะเป็นผู้นำของโลก)

      - ดร.กัญจีราฯ ขอเชิญชวนพุทธศาสนิกชนช่วยกันสวดมนต์ ตามบทสวดแผ่เมตตาของหลวงปู่ทวด นับแต่วันนี้ ไปถึงเดือนกรกฎาคม 2549 หากตั้งใจสวดในช่วงเวลา 10.45 – 11.15 น. หรือ 22.45 – 23.15 น. ทุกวันธรรมสวนะ หรือทุกวันพระ จะเกิดคลื่น “พลังพิเศษ” ซึ่งจะเป็นคลื่นช่วยสลายพลังเลวร้าย และช่วยให้ผู้สวดและครอบครัว แคล้วคลาดจากภยันตรายต่างๆได้ แต่ถ้านัดหมายรวมตัวกันสวดเป็นหมู่คณะได้ ยิ่งจะเกิดพลังพิเศษมากขึ้น เป็นคลื่นพลังพุทธานุภาพ และจิตตานุภาพ ช่วยขับไล่พลังร้ายให้อ่อนตัวลง

            ในช่วงเวลา 10.45 – 11.15 น. หรือ 22.45 – 23.15 น. เป็นช่วงที่เหมาะแก่การสวดมากที่สุด เพราะเป็นช่วงรอยต่อของมิติเวลา โดยการแผ่เมตตาตามบทสวดของหลวงปู่ทวด และทำสมาธิต่อจากนั้นสักเล็กน้อย เพื่อลดแรงอาฆาตของเจ้ากรรมนายเวรจากนรกภูมิ และพญามารจากสวรรคภูมิ (สวรรค์ชั้นสูง) 

            อานุภาพการสวดฯ ต้องเปล่งเสียงดังให้หนักแน่น จะทำให้เกิดพลังพุทธานุภาพ และจิตตานุภาพมากขึ้น โดยเฉพาะถ้าผู้สวดเป็นบุคคลที่ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ  
มีจิตใฝ่กุศล รักษาศีลมั่นคงจะก่อให้เกิดพลังรักษาชาติบ้านเมืองได้ ช่วยให้สังคม  
มีความสงบ และมีสันติสุขได้ แต่ทั้งนี้ผู้เขียนเชื่อว่าย่อมต้องมีผู้ไม่เชื่อถือว่ามีผลเช่นดังว่า อีกทั้งยังต่อต้านค่อนแคะในรูปแบบต่างๆ ทั้งทางลับ และเปิดเผย เรียกว่าเป็นตัวฉุดรั้งและต่อต้าน ซึ่งทำให้ผู้ที่มุ่งหวังจะกระทำความดี เพื่อช่วยสังคมและประเทศชาติอ่อนแรง และไม่สามารถช่วยเหลือแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นได้ ซึ่งก็น่าวิตกพอสมควร

            อย่างไรก็ตาม ผู้เขียนขอสนับสนุนให้ท่านผู้อ่าน กรุณาหาเวลาชวนกันมาสวดแผ่เมตตาตามบทสวดดังต่อไปนี้ ในเวลา 22.45 – 23.15 น. อย่างน้อยก็ช่วยให้เกิดการคุ้มครองแก่ผู้สวด  และครอบครัว แต่ถ้าท่านผู้อ่านที่ได้รับ Mail เรื่องนี้ ปัจจุบันมิได้ประกอบอาชีพเป็นลูกจ้าง หรือเป็นพนักงานรัฐวิสาหกิจ หรือเป็นข้าราชการประจำ สามารถที่จะจัดสรรเวลาในช่วง 10.45 – 11.15 น. ได้อีก 1 ช่วงเวลา ก็ขอให้สวดเพิ่ม และทำสมาธิจิตในช่วงเวลาดังกล่าวอีก 1 ช่วงเวลา ซึ่งผู้เขียนก็ขอร่วมอนุโมทนาบุญกุศลกับท่านด้วย เพราะ 2 ช่วงเวลาดังกล่าวนี้ ถือว่า เป็นช่วงรอยต่อของมิติเวลา เป็นช่วงที่มีพลังแรงมาก

            ท้ายที่สุดนี้ ขอกราบเรียนเชิญท่านผู้อ่านทุกท่านและครอบครัว รวมทั้งญาติสนิทและมิตรสหาย ขอให้มาร่วมด้วยช่วยกัน ในการสวดโดยเปล่งเสียงดังว่า

นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต  สัมมาสัมพุท-ธัสสะ (3 จบ)

นะโม โพธิ  สัตโต อาคันติมายะ อิติภะคะวา (3 จบ)

                        เประมัง  ธัมมัง สังฆัง

( 3 – 11 จบ)

                        ประมัง ธัมมัง สังฆัง

                        ปรมัง ธัมมัง สังฆัง

                        เสสัง ธัมมัง สังฆัง

                        กะริยานัง อัตโน โหนตุ

( 1 จบ)

สัตว์ทั้งหลาย  จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด

อย่าได้เบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย

จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด จงไปสู่ภพภูมิที่ดีที่ชอบเถิด

จากนั้นนั่งสมาธิสักครู่  เป็นอันเสร็จพิธี

ด้วยความปรารถนาดี

จาก นายมงคล กริชติทายาวุธ

ประธานชมรมศาสนาและการกุศล

� � � � � � � � � � � � � � �

หมายเหตุ หากท่านใดต้องการรับข่าวสารชมรมศาสนาและการกุศล บมจ.ธนาคารกรุงไทย 

ฟรีทางจดหมายอิเล็คโทรนิค E-Mail ซึ่งท่านจะได้รับข่าวสารก่อนการจัดทำเป็น CD แจกฟรี

โปรดแจ้งมาที่ E-Mail : mkrichti@ktb.co.th หรือ โทร. 0-2208-7600,  0-2208-7601 

โทรสาร. 0-2256-8320  หรือ 0-2256-8322

ตอบ: ถ้ามีเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในบริเวณพื้นที่พักอาศัยของท่านใน 1 – 2 สัปดาห์ข้างหน้า ท่านจะป้องกันความเสียหายได้อย่างไรบ้าง หรือให้เกิดความเสียหายน้อยที่สุด
โดย Yo-jetsada sangjan - Thursday, 29 September 2005, 03:32PM
 

ประเทศไทยอยู่ได้ เพราะ พระพุทธชินราช  สมเด็จพระนเรศวร   บารมีของกษัตริย์ทุกพระองค์
บารมีของในหลวง    และพระผู้ปฎิบัติ

สิ่งที่แสดงให้เห็นแล้วว่า  เทคโนโลยี ไม่สามารถ รองรับภัยธรรมชาติ ยกตัวอย่างเช่นใน สหรัฐ หรือ ในบ้านเราตามจังหวัดต่างๆ   เมื่อเราทำลายธรรมชาติ ธรรมชาติก็ย้อนกลับมาทำลายเราเหมือนกัน

ตราบใดที่เทคโนโลยี นำหน้า ศาสนา วัฒนธรรม  และ ด้านจิตใจ  ตราบนั้นเราก็จะอยู่อย่างไม่มีความสุข สังคมปัจจุบัน แย่งกันอยู่ แย่งกันกิน เพราะปัจจัย สิ่งแวดล้อมบังคับ

ตอบ: ถ้ามีเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในบริเวณพื้นที่พักอาศัยของท่านใน 1 – 2 สัปดาห์ข้างหน้า ท่านจะป้องกันความเสียหายได้อย่างไรบ้าง หรือให้เกิดความเสียหายน้อยที่สุด
โดย Pingpong \(-_-)/ - Thursday, 29 September 2005, 03:57PM
 

บังเอิญได้รับอีเมล์ส่งต่อกันมา   เห็นเขาพูดจาดี   ก็เลยนำมาบอกต่อ

แม้จะไม่เชื่อว่า มีคนหยั่งรู้อนาคตได้    แต่ก็คิดว่า  ควรตั้งมั่นอยู่ในความไม่ประมาท

มีความเตรียมพร้อมอยู่เสมอ   ไม่รอให้เกิดเหตุการณ์แล้วนำค่อยมาคิดแก้ไข

เอาไปโพสต์ที่พันทิป(ห้องหว้ากอ)ด้วยเหมือนกัน    มีคนแสดงความเห็นมากมาย  ส่วนใหญ่ ก็เห็นด้วยว่าควรตั้งมั่นอยู่ในความไม่ประมาท  บางคนก็ว่าฝึกสวดมนต์ไว้แหละดี   บางคนก็ด่าว่าชมรมพุทธฯ นี้ฉวยโอกาส  ได้ทั้งขึ้นทั้งล่อง   ถ้าเกิดจริง  ก็มีคนชมว่าแม่น   ถ้าไม่เกิดจริง   เขาก็อาจจะบอกว่า เป็นเพราะเขาสวดมนต์ 
นานาจิตตัง 

แต่ก็ต้องชมเขาว่า  เขากล้าเปิดเผยตัวตน  ให้คนชมและด่า

เสียดายที่พันทิปลบกระทู้นี้ไปเรียบร้อย   คงกลัวว่า คนจะตื่นตกใจ โดยใช่เหตุ

ยังไง  ก็เตรียมสะเบียงไว้บ้างไม่เสียหาย   วันที่ ๑๑ ตุลา  ถ้าน้ำท่วมใหญ่จริง ช่วงนั้น  ก็อย่าไปชายทะเล  หาที่โล่งๆ คอยหลบแผ่นดินไหวละกัน   ถ้าแม่นจริง  คงหนีทัน  ฝึกรับมือกับสภาพวิกฤต  ไม่เสียหายอะไร   ถ้าเกิดอะไรร้ายแรง  จะได้บอกตัวเองได้ว่า  เราเตรียมใจไว้แล้วในทุกสถานการณ์  ไม่ว่า เพื่อนจะทิ้ง  แฟนจะหนี  หมาจะกัด  หรือเว็บจะล่ม ก็ตาม

แต่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น   วันที่ ๒๙ ต.ค  จะว่ายน้ำเกาะหลังปิงปองไปร่วมงานสัมนาเปิดดัวของชมรมฯแน่นอนครับ เท่

ตอบ: ถ้ามีเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในบริเวณพื้นที่พักอาศัยของท่านใน 1 – 2 สัปดาห์ข้างหน้า ท่านจะป้องกันความเสียหายได้อย่างไรบ้าง หรือให้เกิดความเสียหายน้อยที่สุด
โดย ป้าชัช swine - Thursday, 29 September 2005, 10:10PM
 

วันที่ ๑๑ ตุลา  ถ้าน้ำท่วมใหญ่จริง ช่วงนั้น  ก็อย่าไปชายทะเล  หาที่โล่งๆ คอยหลบแผ่นดินไหวละกัน   ถ้าแม่นจริง  คงหนีทัน  ฝึกรับมือกับสภาพวิกฤต  ไม่เสียหายอะไร  

คุณวิเชียร เล่าวิธีการป้องกันตัวจากแผ่นด้นไหวด้วยสิ ในฐานะที่เคยผจญแผ่นดินไหวที่ญี่ปุ่นมาก่อน

ตอบ: ถ้ามีเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในบริเวณพื้นที่พักอาศัยของท่านใน 1 – 2 สัปดาห์ข้างหน้า ท่านจะป้องกันความเสียหายได้อย่างไรบ้าง หรือให้เกิดความเสียหายน้อยที่สุด
โดย จรัญ กาลตนากูล - Friday, 30 September 2005, 09:50AM
 

กระทู้เหล่านี้มันดาบ 2 คมครับ ไม่มีอะไรมารองรับถึงเหตุถึงผลที่จะเกิดขึ้น ข้อความเหล่านี้ถ้าเป็นเมื่อ 30 ปีก่อน คงลือกันไปต่างๆนาๆ โดยเฉพาะสังคมที่ห่างไกลความเจริญ แล้วทำให้เกิดความกลัวขยายเป็นวงก้วาง แล้วเรื่องเหล่านี้ก็มีการทำนายกันเป็นประจำแต่ส่วนใหญ่แล้วเราจะลืมถ้ามันไม่เกิด พอมีเหตุการณ์ธรรมชาติที่มีผลกระทบกับมนุษย์ก็จะมีการทำนายทำนองนี้ออกมาเป็นประจำ  ผมยังจำได้ตอนเด็กมีอยู่วันหนึ่งฝนตกน้ำท่วมแม่ไม่ให้ผมไปโรงเรียนเพราะมีคนบอกว่าจะมีงูเหล็กกินคน จริงหรือไม่จริงไม่รู้แต่แม่ก็คงหว่งลูก ผมก็สงสัยจึงพยายามหาที่มาจึงรู้ว่าเป็นคำทำนายซึ่งหมายถึงจะมีอุบัติเหตุทางรถไฟ ทุกวันนี้แต่ผมยังขำๆ อยู่เลย 

คงต้องมีสติกับคำพูดใด คำพูดหนึ่ง ข้อความใดข้อความหนึ่ง แต่การตัดสินใจ ความคิด ของคนเราไม่เหมือนกัน การแยกแยะต่างกัน การแก้ปัญหาต่างกัน บางครั้งคำว่า "อรหันต์" กับ "บ้า" มันมีแค่เส้นยาแดงผ่าแปดกั้นอยู่เท่านั้นเอง ถ้าเจออรหันต์ก็ดีไป แต่ถ้าเจอบ้าก็เสียงานเสียการ ผมเองก็ไม่ได้ปฏิเสธสิ่งเหล่านี้ซะทีเดียว ศาสตร์ ศิลป์ บางอย่างยากที่จะพิสูจน์  ผมเคยเห็นคนสักเสือกับลิง ฟัดกันเสียงที่ออกมาเหมือนเสือกับลิง เจ้าลิงสู้ไม่ได้กระโดดจากชานบ้านไปยังต้นมะพร้าวที่อยู่ห่างเกือบเมตรแล้วก็ปีนขึ้นเร็วมาก ทั้งที่เมาทั้งคู่ มันคืออะไรก็อธิบายไม่ได้ แม้แต่ผีเจ้าเข้าทรงผมเห็นมีแต่คนหลอกลวงกันมากกว่า 90% ส่วนที่เหลือยากอธิบาย

ทั้งนี้ก็เป็นความเชื่อของแต่ละบุคคล ถ้าจะเตรียมตัวไว้ตามสมควรก็ไม่เสียหายแต่อย่าไปตุนข้าวสาร น้ำมัน ไว้เป็นโกดังก็แล้วกันเดี๋ยวขาดแคลนน้ำมันยิ่งแพงอยู่ ก็ขอบคุณคุณวิเชียรที่ส่งข่าวสารให้ทราบเพราะสมาชิกจะได้ไม่ตกข่าว แต่จะว่าไปตั้งแต่เกิดสึนามิ มีแผ่นดินไหวต่อเนื่อง แต่สิ่งที่น่าสังเกตุก็คือมีแผ่นดินยุบตัว หลายแห่ง แถมมีมนุษย์ต่างดาวเข้ามาอีก นี่ไม่รวมเต่า2หัว วัวห้าขา  แต่น้ำก็ไม่ท่วมกรุงเทพฯมาหลายปีแล้วเพราะไปจ่ออยู่แถวมีน หนองจอก ปีนี้ถ้าน้ำเหนือมามาก น้ำทะเลหนุน ยังไม่เท่าไหร่เจอประจำ แต่ถ้าดีเปรสชั่นเข้าเสริมบารมีถึงกลางกรุง คงตัวใครตัวมัน เดือดร้อนเจ้าปิงปองคงลำบากเรื่องส้วมอีกเป็นแน่แท้

ตอบ: ถ้ามีเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในบริเวณพื้นที่พักอาศัยของท่านใน 1 – 2 สัปดาห์ข้างหน้า ท่านจะป้องกันความเสียหายได้อย่างไรบ้าง หรือให้เกิดความเสียหายน้อยที่สุด
โดย Pingpong \(-_-)/ - Friday, 30 September 2005, 10:51AM
 

ขอบคุณคุณจรัลที่ช่วยเตือนสติกันนะครับ

ยังไง  ท่านผู้อ่านก็อย่าได้ตื่นกลัวเกินเหตุนะครับ

จากน้ำท่วมครั้งก่อน   ทางบ้านให้ซื้อเก้าอี้ ๓ ขา เปิดรูตรงกลางและซื้อถุงพลาสติกสำหรับรองไว้แล้ว   เพราะสงสารอาม่าที่ขึ้นบันไดไปทำธุระชั้น ๒ ไม่ไหว  ส่วนปิงปองต้องหาที่แห้งๆให้มันทำธุระ

ตอนเรียนอยู่โตเกียว  นอนๆจะสะดุ้งตื่นด้วยเตียงโยกสั่นประมาณเดือนละครั้ง    มาใหม่ๆก็ตกใจ    หลังๆก็ชาชินไปเอง    ถ้าเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่เหมือนที่โกเบ ก็คงแย่เหมือนกัน    เขาแนะนำให้มุดเข้าใต้โต๊ะหรือใต้เตียงเสีย      อย่าให้อะไรมันตกใส่หัว   ถ้าเห็นว่าท่าไม่ดี   ให้วิ่งไปสู่ที่โล่งตามสวนหรือทุ่งนาให้พ้นรัศมีของตึกถล่ม   รอให้แน่ใจสักพักค่อยกลับมา   เพราะแผ่นดินไหวลูกแรกผ่านไปไม่นาน  มักจะมีลูกที่ ๒-๓ ตามมา เขาเรียกว่า after-shock

Click to enter http://www.bangkaew.com/elearning3

Bangkaew.net and Bangkaew.org are for sale
See details at https://sedo.com/search/?keyword=bangkaew