อนาถ!! ข้าราชการหญิง สธ. รับจ็อบเสาร์-อาทิตย์ ขายหมาที่ “สวนจตุจักร” โดนล็อตไวล์เลอร์ของตัวเองกัดตั้งแต่ ธ.ค.ปีที่แล้ว ดันประมาทไม่หาหมอ เชื่อมั่นฉีดวัคซีนหมาบ้าให้เองกับมือ แต่กลับสังเวยชีวิตด้วยโรคพิษสุนัขบ้าในวันวาเลนไทน์ที่ผ่านมา “รองผู้ว่าฯ กทม.” เต้นสั่งติดตามเส้นทางขายหมา หาตัวอย่างวัคซีนที่ฉีดหวั่นของปลอม ล้อมคอกร้านขายหมาทั่วกรุง ขณะที่ “กรมควบคุมโรค” เผยแค่ต้นปี’53 คนไทยถูกหมาบ้ากัดตายแล้ว 6 ราย พญ.มาลินี สุขเวชวรกิจ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร(กทม.) เปิดเผยว่า ตนได้รับรายงานจากกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) ว่า มีข้าราชการเสียชีวิตด้วยโรคพิษสุนัขบ้า เนื่องจากขายสุนัขที่สวนจตุจักร จึงได้สั่งการให้หน่วยงานที่รับผิดชอบส่งเจ้าหน้าที่ลงไปตรวจสอบอย่างเร่งด่วนโดยเปิดร้านมีชื่อว่า TAKE CARE PET SHOP ตั้งอยู่ที่ตลาดนัดจตุจักร โครงการ 15 ซ.10/5 และจากการสำรวจบ้านพักพบว่ามีสุนัขป่วยและเสียชีวิตไปหลายตัว ทั้งนี้ ตนได้สั่งให้จัดทำเส้นทางของสุนัขก่อนที่จะมาถึงสวนจตุจักร รวมทั้งให้ตรวจสอบว่า มีลูกค้ากี่ราย เป็นใครบ้างที่ซื้อสุนัขจากร้านของข้าราชการคนดังกล่าวไป โดยสอบถามรายละเอียดเบื้องต้นจากสามีของผู้ตาย ทราบว่าขณะนี้ผู้ซื้อสุนัขจากร้านนี้ไปมีทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ เพื่อจะได้ติดตามบุคคลกลุ่มนี้ให้มารับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าโดยด่วน
พญ.มาลินี กล่าวต่อว่า หลังจากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น สามีผู้ตายให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ภรรยาได้ไปซื้อวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าเพื่อมาฉีดให้กับสุนัขที่นำมาขายเอง แต่กลับไม่สามารถป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าได้ เป็นเหตุให้เจ้าตัวเสียชีวิต จึงได้สั่งการให้มีการตรวจสอบโดยขอให้หาตัวอย่างของวัคซีนดังกล่าวมาเพื่อส่งให้สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ตรวจสอบอีกครั้งว่า เป็นวัคซีนจริงหรือไม่ หรือมีการผลิตวัคซีนปลอมขึ้นมาจำหน่าย ทั้งนี้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้กทม.ต้องประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อตรวจสอบร้านขายสุนัขไม่เฉพาะในสวนจตุจักรเท่านั้น แต่รวมไปถึงร้านขายสุนัขในห้างสรรพสินค้า หลายๆแห่งด้วย อย่างไรก็ตาม กทม.จะจัดเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่เพื่อฉีดวัคซีนป้องกันโรคในรัศมี 5 กม. และส่งเจ้าหน้าที่ลงตรวจพื้นที่บริเวณตลาดนัดจตุจักรในวันที่ 20 ก.พ. อีกครั้งหนึ่ง สำหรับประชาชนที่แตะต้องหรือซื้อสุนัขจากร้านดังกล่าว ให้เฝ้าระวังสุนัขของท่าน สังเกตอาการ หากพบว่าสุนัขมีพฤติกรรมที่เปลี่ยนไป ตัวแข็ง ให้รีบแจ้งได้ที่สายด่วน กทม. 1555 หรือที่หมายเลข 02-345 3311 เพื่อที่ กทม.จะได้จัดส่งเจ้าหน้าที่เพื่อเข้าดูแลโดยเร่งด่วนต่อไป
นพ.มานิต ธีระตันติกานนท์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ตนได้รับรายงานการเสียชีวิตของข้าราชการกระทรวงสาธารณสุขคนดังกล่าวแล้ว ทราบว่าเป็นเจ้าหน้าที่สาธารณสุขชำนาญการ สังกัดกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ซึ่งเสียชีวิตเมื่อวันที่ 14 ก.พ.ที่ผ่านมา โดยมีอาชีพเสริม คือ ขายสุนัขที่สวนจตุจักร และถูกสุนัขของตนเองกัดแต่ประมาทไม่ได้มีการไปพบแพทย์ เพราะไม่คิดว่าจะเป็นโรคพิษสุนัขบ้า โดยถูกสุนัขกัดตั้งแต่เดือน ธ.ค.2552 แต่มาเสียชีวิตในเดือนก.พ.2553
นพ.มานิต กล่าวอีกว่า สำหรับสถานการณ์ผู้เสียชีวิตด้วยโรคพิษสุนัขบ้าในไทย เมื่อปีที่ผ่านมา พบมีรายงานผู้ป่วยสูงขึ้นจากปี 2551 มาก โดยในปี 2551 มีรายงานผู้เสียชีวิตจากโรคพิษสุนัขบ้าเพียง 9 ราย แต่ในปี 2552 เพิ่มเป็น 24 ราย และปี 2553 ตั้งแต่ 1 ม.ค. – 16 ก.พ.มีรายงานผู้เสียชีวิตแล้วถึง 6 ราย เป็นชาย 4 ราย และหญิง 2 ราย ในจำนวนนี้อยู่ใน กทม.ถึง 3 ราย และกาญจนบุรี สระบุรี สมุทรปราการ อีกจังหวัดละ 1 ราย ซึ่งรายล่าสุด เป็นข้าราชการสังกัดกระทรวงสาธารณสุขคนดังกล่าว
“แม้ว่าผู้เสียชีวิตรายนี้ล่าสุดนี้จะเป็นเรื่องของความประมาทส่วนตัว แต่ก็ถือเป็นอุทธาหรณ์ครั้งสำคัญ ที่ทุกหน่วยงานจะต้องร่วมมือกันไม่ว่าจะเป็น สธ. กรมปศุสัตว์หรือแม้แต่ กทม. ในการเข้าไปควบคุมป้องกันโรค โดยเฉพาะในกลุ่มผู้จำหน่ายสุนัขที่สวนจตุจักร เนื่องจากสวนจตุจักรเอง ถือเป็นแหล่งศูนย์รวมการแพร่โรคพิษสุนัขบ้าไปสู่ประชาชนผู้ที่มาดูและเลือกซื้อหาสุนัขได้เป็นอย่างดี” อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าว
ด้าน
สพ.ญ.อภิรมย์ พวงหัตถ์ หัวหน้ากลุ่มโรคติดต่อจากสัตว์และคน สำนักโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค กล่าวว่า ได้ติดตามข้อมูลการเสียชีวิตของข้าราชการสธ.คนดังกล่าวแล้ว และประสานกับกทม.เพื่อรีบดำเนินการสกัดกั้นการแพร่ระบาดของโรค เนื่องจากผู้เสียชีวิตรายนี้ ได้รับสุนัขมาจากฟาร์มในจังหวัดเชียงใหม่ทุกวันศุกร์ เพื่อนำไปจำหน่ายที่ตลาดนัดสวนจตุจักรในวันเสาร์-อาทิตย์ โดยผู้ซื้อมีทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ เพราะเป็นสุนัขสายพันธ์ต่างประเทศที่เป็นที่นิยมหลายสายพันธุ์ ส่วนสุนัขตัวที่กัดเจ้าของจนเสียชีวิตด้วยโรคพิษสุนัขบ้านั้น เป็นสุนัขพันธุ์ร็อดไวล์เลอร์ อายุ 3 ปี กัดที่ต้นแขนของผู้ตายตั้งแต่เดือนธ.ค. ปี 52 โดยผู้ที่ถูกกัดในคราวเดียวกันมี 3 คน คือ ผู้ตาย สามีของผู้ตาย และ ลูกจ้างชาวพม่า ซึ่งลาออกไปแล้วและไม่ทราบไปอยู่ที่ไหน หลังถูกกัด ผู้ตายไม่ได้ไปพบแพทย์ เพราะไม่คิดว่าจะเป็นโรคพิษสุนัขบ้า เนื่องจากได้ไปซื้อวัคซีนมาฉีดให้กับสุนัขด้วยตนเอง จากนั้นสุนัขตัวดังกล่าวตาย ผู้ตายได้จัดการฝังสุนัขในบ้านของตนเอง ต่อมามีสุนัขในบ้านอีก 8 ตัวเสียชีวิต โดย 7 ตัว เป็นลูกของสุนัขร็อดไวล์เลอร์ตัวดังกล่าว ส่วนอีก 1 ตัวเป็นสุนัขพันธุ์พุดเดิ้ล
“แม้จะมีสุนัขในบ้านตายในเวลาใกล้เคียงกันถึง 9 ตัว แต่ผู้ตายก็มิได้เฉลียวใจ ว่าสุนัขอาจป่วยด้วยโรคพิษสุนัขบ้า ยังคงไปทำงาน และไปประชุมตามปกติ รวมทั้งไปขายสุนัขที่สวนจตุจักรทุกวันเสาร์-อาทิตย์อย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่วันที่ถูกกัด ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่ประมาทอย่างมาก ทั้งนี้ผู้ตายเริ่มมีอาการของโรคพิษสุนัขบ้าในวันที่ 11 ก.พ. โดยมีอาการหายใจไม่ออก จึงขับรถไปพบแพทย์ที่รพ.เอกชนแห่งหนึ่งด้วยตนเอง แพทย์ให้ยารักษาอาการทางเดินหายใจมากิน แต่อาการไม่ดีขึ้น ผู้ตายบ่นว่าปวดหัว ตึงตามแขน ขา ไหล่ และคอ คิดว่าตนเองเครียด จึงขับรถไปพบแพทย์ที่รพ.ศรีธัญญา เพื่อขอยาคลายเครียด ต่อมาวันที่ 13 ก.พ.มีอาการเหมือนติดเชื้อ ไม่สบายตัว จึงไปพบแพทย์ที่สถาบันบำราศนราดูร แพทย์ได้รับตัวไว้รักษาในรพ.พร้อมกับเก็บตัวอย่างเสมหะ สารคัดหลั่งส่งตรวจที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ต่อมาในช่วงเช้าประมาณ 04.00 น.ของวันที่ 14 ก.พ. ผู้ป่วยมีอาการกลัวน้ำ คอแข็ง และเสียชีวิตในช่วงบ้ายของวันเดียวกัน ต่อมาผลการตรวจสารคัดหลั่งทางห้องปฏิบัติการยืนยันชัดเจนว่า ผู้ตายเสียชีวิตด้วยโรคพิษสุนัขบ้า” สพ.ญ.อภิรมย์ กล่าว