เรื่องราวลักษณะนี้พบเห็นได้บ่อยกับผู้เลี้ยงบางแก้ว ในเวปพันธ์ทิปก็มีก็รายหนึ่งซึ่งถูกกัดบริเวณใบหน้าเย็บไปหลายเข็ม ดูเหมือนว่าสาเหตุเริ่มต้นคล้ายๆกัน แต่รายนั้นเกิดจากการเหยียบขณะเขานอน จากนั้นก็เริ่มกลัวเช่นกัน จนเขาได้ใจ แสดงอาการข่มขู่มากขึ้น จนเข้าสู่กระบวนการแบบนี้เช่นกัน การเลี้ยงแบบตามใจ มีส่วนอย่างสูงในการสะสมพฤติกรรมการเป็นจ่าฝูงแบบค่อยเป็นค่อยไป ด้วยความฉลาดของเขาเองหลายๆครั้งเท่าที่สังเกตุเขามักจะมีพฤติกรรมหลายๆอย่างทดสอบเราเสมอๆ ขึ้นอยู่กับว่าเราจะตามทันเขาแค่ไหนและจัดการกับพฤติกรรมเหล่านั้นอย่างไร ถ้าเราตามเขาไม่ทันหรือเห็นพฤติกรรมเหล่านั้นเป็นเรื่องแปลกๆหรือเห็นเป็นเรื่องเล็กน้อย เช่น การเริ่มหวงสิ่งของ หวงตัว หวงพื้นที่ ด้วยการขู่เล็กๆ หรือการแสดงอาการไม่พอใจ ฯลฯ สิ่งเหล่านี้ผู้เลี้ยงต้องจัดการทันที่ แต่ถ้าไม่จัดการหรือปล่อยปละละเลย เมื่อถึงเงื่อนเวลาหนึ่งที่คิดว่าเขาพร้อม เขาก็จะแสดงอาการก้าวร้าวออกมาให้เห็นในพฤติกรรมใดพฤติกรรมหนึ่ง น้องสาวทำเสียงสูงๆ ใส่เค้า แล้วเค้าโมโหเห่าใส่ และโดดกัด เราเลยไปตีเค้า โดยเอาผ้าตี เค้าก็ไม่ยอมแพ้สู้ใหญ่เลย จนเราสงสารเราก็เลยหยุดตี มันเลยกลายเป็นความระแวงตลอดมา ต่อมาวันหลังเค้าออกไปนอกบ้านแล้วโดนสุนัขแถวนั้นรุมกัด เราออกไปช่วยตอนเค้าถูกรุมอยู่ แต่เค้าก็เจ็บหลายที่จนเค้ากลัว พอวันหลังเวลาสุนัขมาเห่าหน้าบ้าน เค้าจะโมโหแล้ววิ่งมาหาเรื่องเราเหมือนว่าเราไปทำเค้าเจ็บ แต่เราก็ไม่ได้ตีเค้าอีกเลย ก็พยายามหนีหรือหลบเค้า แต่กลายเป็นเค้ายิ่งได้ใจ วันหลังๆ เวลาเค้าโมโหไม่พอใจอะไร เค้าก็จะโทษเจ้าของทุกที โดนไปหลายแผลแล้ว ข้อความตรงนี้น่าสนใจ ผมไม่ทราบว่าก่อนหน้าที่จะมีปัญหาน้องสาวคุณใกล้ชิดและควบคุมเขาได้แค่ไหนและมีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับเขามากน้อยเพียงใด แต่เพียงไปทำเสียงขู่ใส่ แล้วเค้าโมโห จนเขาโดดกัด มันตอบได้ว่าหมามีอำนาจเหนือคนมานานแล้ว ไม่ใช่เพิ่งเป็น และกระทำในขณะที่เขามีอาการเจ็บปวด เกิดอาการเครียด เขาก็จะระบายออกแบบนี้ได้ทันทีเหมือนกัน
ผมจะเทียบเคียงพฤติกรรมหนึ่งที่ว่ามองสบตาหมาแล้ว หมาถือว่าท้าทาย วันหนึ่งผมตื่นสายๆแล้วลงมาจากชั้นบน พอลงบันไดมาถึงข้างล่างผมก็หยุดยืนนิ่ง ด้วยความอยากลอง ผมมองไปที่เจ้าไปร์ทด้วยการจ้องแบบตามไม่กระพริบด้วยสายตามที่กร้าว จ้องการสักพัก เริ่มจากที่เขามองผมแบบปกติ แล้วเริ่มแสดงอาการสงสัย แล้วก็เริ่มมีปฏิกริยาไม่ไว้วางใจ ตื่นตัว ระแวง และดูเหมือนเขาพร้อมที่จะป้องกันตัวทันที่ จากที่นอนมอง เริ่มหมอบ และเตรียมจะลุกขึ้นแต่สายตาเขาไม่ละไปจากผมเลยแม้แต่วินาทีเดียว ถึงตรงนี้ผมรู้สึกว่ามันตรึงเครียดจนเกินไป จึงตะโกนด้วยเสียงที่หนักแน่ ไอ้..ไปร์ท ดีกรีมันลดวูบอย่างเห็นได้ชัด เริ่มกระดิกหาง นี่เป็นเพราะพฤติกรรมของผมเปลี่ยนไป เพราะปกติทุกเช้าผมลงมาก็จะเดินไปหาและเล่นกับเขา แต่วันนี้พฤติกรรมผมเปลี่ยนไป ผมไม่แน่ใจว่าถ้าผมทำต่อเขาจะเป็นเช่นไร แต่ไม่ต้องการทำอะไรให้หมารู้สึกว่าถูกกดดันมากเกินไป สิ่งเหล่านี้บางครั้งผู้เลี้ยงอาจจะทำอะไรไปโดยที่เราไม่รู้ว่านี่เป็นสิ่งที่คนเข้าใจอย่างหนึ่ง หมาเข้าใจอย่างหนึ่ง เพราะคนอาจคิดไม่ถึงว่าแค่มองตาหมาในสถานะที่ไม่ปกติ และยังเป็นหมาตนเองเลี้ยงมาแต่เล็กๆ แล้วอาจเกิดปัญหาขึ้นได้
การแก้ปัญหาด้วยการเอาผ้าไปตีเขา บวกความสงสาร นั่นเป็นสาเหตุหนึ่งที่ผิดและเป็นตัวกระตุ้นให้เขาก้าวร้าวมากขึ้นและระแวงคุณหลังจากนั้นมาตลอด แล้วที่ผิดซ้ำสองคือคุณแสดงอาการหวั่นกลัวให้เขารับทราบ เขาจึงได้ใจคิดว่าเขาควบคุมทุกอย่างได้เบ็ดเสร็จในฐานะจ่าฝูง ต่อมาเมื่อถูกหมาข้างนอกรุมกัดคุณเข้าไปช่วย ตรงนี้คุณคงเป็นแค่ผู้ช่วยเขาเท่านั้น ไม่ใช่ผู้ที่ไปช่วยหรือผู้ที่มีบารมีพอที่จะปกป้องเขาได้ (แต่คุณกลับคิดว่าคุณเป็นผู้มีพระคุณที่ไปช่วยเหลือเขา) จากนั้นเขากลับใส่อารมณ์กับคุณจากการที่เขาโดนกัด นี่เป็นคำตอบที่ชัดว่าเขาเป็นจ่าฝูงตัวจริง เสียงจริง เพราะจ่าฝุงสามารถกระทำอะไรกับลูกฝูงก็ได้ จ่าฝูงมีสิทธิ์เหนือลูกฝูงทุกกรณี ซึ่งลูกฝูงต้องยอมสถานะเดียว ยกเว้น ลูกฝูงตัวนั้นคิดจะเป็นจ่าฝูงเสียเอง ต่อมาสิ่งที่คุณกระทำด้วยการใช้วิธีหนี หลบ นี่คือพฤติกรรมของลูกฝูงที่แท้จริงเช่นกัน
การตีสุนัขที่ก้าวร้าวในลักษณะนี้ ถ้าจะตีที่ตัวเขาต้องตีทีเดียวให้อยู่และต้องใช้ไม้ในการตี ไม่ใช่ผ้า แต่ส่วนใหญ่ผมไม่แนะนำให้ตีที่ตัวเขาโดยตรงเพราะถ้าใจออ่นแล้วตีเขาไม่อยู่ เขาก็จะเกิดอาการระแวงขึ้นทันที่ และจะแก้ปัญหาในอนาคตได้ยากขึ้น หรือตีด้วยความรุนแรงแล้วบางที่ถ้าเกิดความผิดพลาดเขาอาจจะได้รับบาดเจ็บได้ การตีไม่จำเป็นต้องตีที่ตัวเขาเสมอไปเพียงเราใช้ไม้ไผ่แบนๆหรือวัสดุอื่นใดที่ตีลงกับพื้นแล้วเกิดเสียงดัง เขาจะกลัวไปเอง ซึ่งทั้งนี้ อารมณ์ ท่าที น้ำเสียง ที่คุณใช้ต้องหนักแน่น สั้น ชนิดทำครั้งเดียวแล้วทุกอย่างต้องจบ อย่างทำพร่ำเพรื่อ เสียงที่ใช้ก็เช่นกันควรใช้เสียงให้น้อยและสั้น แต่หนักแน่น มากที่สุด
สิ่งที่พอจะแนะนำได้ตอนนี้สำหรับคุณก็คือ เริ่มทุกคนในบ้านเลิกให้ความสนใจเขา ทำเป็นนิ่งเฉย ต่างคนต่างอยู่ เลิกแสดงอาการกลัว ทั้งกายและจิตใจ เพราะบางคนทำเป็นเหมือนไม่กลัว แต่ในใจยังแสดงอาการ ซึ่งหมาสามารถรับรู้ได้
ทำให้ตัวเองหลุดพ้นจากการควบคุมของเขา ซึ่งตรงนี้เมื่อเขาเห็นพฤติกรรมของเราเปลี่ยนไป เขาจะเริ่มมีการสงสัย ลังเล ในการที่จะทำอะไรอย่างใดอย่างหนึ่ง
สิ่งที่พอจะเป็นตัวช่วยในการเริ่มลุกคืบหน้าในการควบคุมก็คือการใช้อาหาร การให้อาหารต่อไปทุกครั้ง ขอให้อาหารอยุ่ในความควบคุมของเรา นั่นคือวางไว้ถ้าเขาจะเขามากินตามปกติ ให้ส่งเสียงห้ามเขาทันที (คำเดียวสั้นๆแต่หนักแน่น) ถ้าเขาไม่ฟังให้เตรียมไม้ไผ่แบนๆ (ไม้ไผ่จะอ่อน เหนียว ความแบนเมื่อตีลงพื้นจะเกิดเสียงดัง หรือถ้าจำเป็นต้องตีที่ตัวเขาก็จะลดอันตรายที่อาจเกิดขึ้นได้ แต่การตีที่ตัวเขาต้องดีให้เต็มเหนี่ยวอย่าสงสาร นึกเสมอครั้งเดียวต้องอยู่ แต่ถ้าไม่จำเป็นผมไม่แนะนำให้ดีที่ตี ) ตีลงพื้นให้เกิดเสียงดังๆเบา เป็นการขู่ เขาจะหยุดมองและแสดงอาการลังเล เหมือนกับจะถามว่า เอาจริงหรือวะ ถ้าเขายังไม่เชื่อฟังให้ตีให้ดังแบบสุดแรงและแสดงสีหน้า อาการ ว่าเราไม่พอใจให้เขาเห็น ถ้าเขาเดินถอยหลังนั่นกำลังแสดงว่าเขาเริ่มหวั่นกลัว เหมือนที่เราเป็นยามที่เขาก้าวร้าวกับเรา ถึงตรงนี้รอดูเขาสักพักถึงจะอนุญาติให้เขาเข้ามากินได้ แต่ถ้าเมื่อใดเขาเดินกระดิกหางเข้ามาหา อย่าสนใจเขาเด็ดขาด ให้รอจนกว่าเขาเดินจากไป สักพักค่อยไปปลอบและเล่นกับเขา สุนัขที่จิตประสาทปกติส่วนใหญ่ จะเริ่มส่งเสียงขู่ในลำคอ จากนั้นเริ่มเห่า และ เห่ากรรโชก นี่คือการหนามยอกเอาหนามบ่ง เขาทำกับเราอย่างไร เราก็เรียกคืนกับเขาอย่างนั้น
ให้ทุกคนในบ้านทำลักณะนี้ทุกครั้งหรือจะร่วมสามัคคีบาทาก็แล้วแต่ แต่สิ่งหนึ่งก็คือความสม่ำเสมอ ซึ่งเมื่อได้ผลก็เริ่มทวงสิทธิ์ในเรื่องอื่นๆ กลับคืนมา จนแน่ใจว่าเขาอยู่ในการควบคุมของเราโดยสิ้นเชิง สุนัขที่มีอาการก้าวร้าวในลักษณะนี้ ควรระวังใบหน้าเป็นสำคัญ การกระทำใดๆที่ประเมินแล้วคิดว่าเป็นความเสี่ยงจนเกินเหตุควรหลีกเลี่ยง เช่น รักษาระยะห่างระหว่างหมากับคนให้เหมาะสม หรืออาจต้องมีผู้ช่วยในบางกรณี มีหลายวีธีที่จะกระทำได้ ทั้งนี้ผู้เลี้ยงควรประเมินพฤติกรรม ความเสี่ยง เพราะท่านเป็นผู้ใกล้ชิดเข้าใจพฤติกรรมสุนัขได้ดีว่าใครๆ
สิ่งที่เขียนมานี้ไม่ได้ยึดหลักวิชาการใดๆ แต่เป็นเพียงประสบการณ์ของคนเลี้ยงหมาบางแก้วตัวหนึ่งที่ประทับใจในพฤติกรรมของเขาและได้เรียนรู้จากผู้ที่มีประสบการณ์มาก่อน จึงขอให้ทุกท่านใช้วิจารณญาณในการตัดสินใจของท่าน แต่ทุกคำแนะนำดังกล่าวข้างต้นส่วนตัวผมจะให้ผู้เลี้ยงระมัดระวังตัวเองเสมอ เพราะ คำว่า สัตว์ มันไม่มีอะไรแน่นอน โดยเฉพาะสัตว์ที่กำลังแสดงอาการก้าวร้าว แต่ผมเชื่อว่าน่าจะแก้ปัญหาได้ไม่มากก็น้อย ถ้าผลที่ได้เป็นอย่างไรช่วยนำเสนอเพื่อเป็นประโยชน์ต่อผู้เลี้ยงรุ่นหลังๆ ไว้เป็นแนวทางด้วยก็จะเป็นการดี ด้วยความนับถือ เจ้าไปร์ท-5518 |