carnivore ...The Alpha Wolf

หน้า: (หน้าก่อน)   1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18 ...85   (ต่อไป)
โดย carnivore ...The Alpha Wolf - Sunday, 11 June 2006, 05:19PM
 

เรื่องกระดูกหมูกับกระดูกวัว ไม่แน่ใจว่าใช้แทนกันได้ไหม    เพราะไม่เคยให้หมากินหมูดิบค่ะ  ไม่ว่าเนื้อ  เครื่องใน  หรือกระดูก 

หมาที่บ้าน มีคนชมบ่อยว่าขนเป็นเงาดีทุกตัว  ก็กินแต่โครงไก่ดิบ  เสริมปีกเต็มและเนื้อตะโพกอาทิตย์ละครั้ง  สลับกับ ปลาดิบ(ปลาทูสด  ,ปลาแช่แข็ง เช่นซาบะ หรือปลาไข่)และเนื้อติดกระดูกวัวดิบบ้างนานๆครั้ง(แพงจริงๆ)    ทุกมื้อ จะให้ น้ำส้มแอปเปิล(Apple Cider Vinegar with the mother)  และน้ำมันงา ประมาณ 1 ช้อนชา ใส่ลงในอาหารด้วย

ตอนนี้โครงไก่ดิบที่นี่ ตกประมาณ กก.ละ 14-15 บาท   ราคาไม่แน่นอน บางช่วงก็ขึ้นถึง 20บาทเหมือนกัน    ใช้วันละ 30-40 กก.ทุกวัน

เรื่อง อกผาย ใหญ่ผึ่ง  น่าจะเป็นที่โครงสร้างและบุคลิกพื้นฐานของเขาส่วนหนึ่ง   กับเรื่องของวัย...ที่โครงสร้างร่างกายของเขายังพัฒนาไม่เต็มที่  อีกส่วนหนึ่ง


โดย carnivore ...The Alpha Wolf - Saturday, 10 June 2006, 08:17PM
 

อ่านจากที่เจ้าของ ฮัช เล่ามาว่า...."  กระดูกด้านที่ส่วนเชิงกรานของลำตัวนั้น แสดงให้เห็นว่าไม่ห่อหุ้มกระดูกหัวข้อสะโพก หน้าตาจะเป็นรูปป้าน "....แสดงว่า  ไม่มีส่วนของเบ้ากระดูก สำหรับหุ้มหัวกระดูกขาท่อนบน  อาการแบบนี้  ไม่สามารถรักษาได้ด้วยการผ่าตัด      เพราะปัญหาไม่ได้อยู่ที่หัวกระดูก  ตามที่เล่ามาว่า.." หัวกระดูกบริเวณ ต้นขานั้นค่อนข้างสมบูรณ์ " แต่ปัญหาอยู่ที่กระดูกเชิงกรานซึ่งไม่สามารถคว้านให้เป็นเบ้าได้

วิธีบรรเทาอาการ  คือ  เสริมสร้าง เส้นเอ็น หรือเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน  ที่อยู่โดยรอบบริเวณข้อตะโพกที่มีปัญหา  ให้แข็งแรงที่สุด  เพื่อช่วยยึด และพยุง ให้ข้อต่อส่วนที่มีปัญหา  อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม และช่วยรองรับน้ำหนักตัว โดยไม่ทำให้ข้อกระดูกเคลื่อนผิดรูปมากเกินไป  จนเกิดการเสียดสี  ทำให้หมาเจ็บและไม่อยากเดิน

การรักษาโดยทั่วไป หมอมักจะให้ยา Rimadyl (Carprofen)  เพื่อลดอาการเจ็บจากการอักเสบบริเวณข้อ ร่วมกับยาบำรุงตับ Lipochol ให้กินติดต่อกันประมาณ 7-10 หรือ15 วันตามอาการ  และให้อาหารเสริมบำรุงประเภท ที่มีสาร ไกลโคซามีโนไกลแคน , คอนดรอยติน ซัลเฟต , กรดไขมันโอเมก้า 3 , และกลูโคซามีน ฯลฯ  ซึ่งช่วยลดการอักเสบและฟื้นฟูสภาพกระดูกอ่อน เนื้อเยื่อ เส้นเอ็น โดยรอบข้อตะโพก ให้แข็งแรงขึ้น

เมื่อหมาทุเลาอาการเจ็บ  สามารถเคลื่อนไหวได้ดีขึ้นแล้ว  จึงค่อยเริ่มทำกายภาพบำบัด  หรือออกกำลังกายเบาๆ  ที่ไม่ต้องให้ข้อตะโพกรับน้ำหนักมากนัก

ที่สำคัญ  จำเป็นต้องจำกัดอาหาร  ให้กินแต่อาหารที่มีคุณค่าทางอาหารสูงในปริมาณเหมาะสม   อย่าให้กินของขบเคี้ยว หรืออาหารกินเล่นที่ไม่มีคุณค่าทางอาหาร  และอาจทำให้อ้วน  หากต้องการให้หมาได้มีของขบเคี้ยวแทะเล่น  ควรให้กระดูก(จริง)ดิบๆ  จะดีสำหรับหมาที่สุด  โดยเฉพาะกระดูกท่อนขาวัว ที่จะมีไขกระดูกในโพรงช่องกระดูกที่มีคุณค่าทางอาหารสูง

ถ้าเป็นไปได้  ควรเลี้ยงด้วยอาหารสดดิบ ซึ่งเป็นอาหารตามธรรมชาติของหมา  ที่มีสารอาหารครบถ้วนสำหรับหมาและไม่ทำให้อ้วน  ศึกษาดูได้ที่   http://www.pantown.com/group.php?id=560


โดย carnivore ...The Alpha Wolf - Friday, 9 June 2006, 03:42PM
 

จำได้ว่า เริ่มเข้ามาเวบบางแก้วสมัยแรกโน้นนนน  ก็เข้ามาคุยเรื่อง ดุ นี่แหละ  เคยตั้งคำถามไว้  จนถึงวันนี้  รู้สึกว่ายังไม่มีคำตอบ...ว่า  ที่ว่า  ดุ  นั้นคืออย่างไร    เรื่องนี้  คุยกันไป เหมือนพายเรือในอ่าง  คุยกันได้ยาวนานไม่รู้จบ  สนุกดีเหมือนกัน  ถ้าไม่มีใครเอาหินมาทุ่มใส่อ่างแตกซะก่อน  

คนที่ตั้งใจเลี้ยงบางแก้ว(แบบที่ไม่ใช่สำหรับการประกวดโดยเฉพาะ) แปดสิบเปอร์เซนต์  มักแอบหวังอยู่ในใจว่าจะได้มี  หมาดุ  เอาไว้เฝ้าบ้าน   แต่...ดุ  อย่างไร  ถึงจะเฝ้าบ้านได้  โดยไม่เป็นอันตรายต่อญาติ มิตร และผู้ประสงค์ดีที่มาติดต่อด้วย...อันนี้เอาไว้คิดทีหลัง   หรือ  หลายท่าน เห็นว่าเป็นเอกลักษณ์ประจำพันธุ์ที่ต้องอนุรักษ์ไว้

การเอาหมาเข้ามาเลี้ยงในสังคมของคนนั้น  จำเป็นอย่างยิ่ง  ที่ต้องปรับทั้งหมาและคนเข้าหากัน ตามสมควรแก่กรณีและสถานการณ์  ตลอดจนสภาพแวดล้อม  ดังที่ คุณนิวัต ได้ชี้แจงไว้ข้างบน   จึงจะสามารถอยู่ร่วมกันอย่างสันติได้  ไม่สร้างความเดือดร้อนรำคาญซึ่งกันและกัน    ต่างเอื้อประโยชน์และความสุขแก่กันทั้งสองฝ่าย   ทั้งนี้  ควรจะต้องมีการคัดเลือกบุคลิกพื้นฐานและเทือกเถาเหล่ากอ(ถ้าสามารถหาได้)ของหมาที่จะเอามาเลี้ยง  ว่าน่าจะเหมาะสม เข้ากันได้กับครอบครัวและสภาพแวดล้อม เป็นอย่างดีด้วย

หากจะเลี้ยงสัตว์ใดๆเพื่อการอนุรักษ์สายพันธุ์ไว้ให้เหมือนดั้งเดิม  โดยเฉพาะในเรื่องบุคลิก ลักษณะนิสัยนั้น  ไม่ว่าจะเป็นสายพันธุ์ไหนก็ตาม  ย่อมต้องมีมาตรการควบคุมการเลี้ยงอย่างเคร่งครัดรัดกุม   ในบริเวณที่จำกัด     เพื่อให้ดำรงคงไว้ ซึ่งลักษณะที่เป็นเอกลักษณ์ไว้ได้อย่างแท้จริง

ความ ดุ ของหมานั้น  ในความหมายทั่วไป  มักจะเข้าใจกันว่า คือการแสดงออก ที่ตื่นตัว ในทางก้าวร้าวต่อคนแปลกหน้า หรือสิ่งแปลกๆ เสียงแปลกๆ   ยิ่งถ้าหมาเข้าจู่โจมก่อน  จะนิยมกันว่า  ดุดี  มีความกล้าหาญในการต่อสู้  ไม่เกรงกลัวอะไร

ความจริง   หมาที่มีลักษณะดังกล่าว   ถือว่า  เป็นบุคลิกที่มีแนวโน้มว่าจะเป็นหมาอันตราย  เมื่อมีคนหรือเสียงแปลกๆผ่านเข้ามา หมาถูกกระตุ้นจนถึงขีดที่จำกัด จะควบคุมตัวเองไม่ได้และมีปฏิกิริยาโต้ตอบในทางก้าวร้าวทันที เช่นกระโจนใส่  ขู่  หรืออาจจะกัด อย่างรุนแรง  ซึ่งเป็นสัญชาติญาณจากแรงขับในการป้องกันตัวที่สูงมาก เพราะความไม่มั่นใจในตัวเอง  แต่มีขีดความอดทนต่อสิ่งกระตุ้น ต่ำ  จึงแสดงออกด้วยการเข้าจู่โจมก่อน  เพื่อป้องกันตัวเอง  เป็นบุคลิกพื้นฐานของสัตว์ป่าโดยทั่วไป ที่มัก นิยามว่า ดุร้าย 

หมาที่มีบุคลิกแบบนี้  จึงไม่ควรนำมาเป็นสัตว์เลี้ยงในบ้านทั่วๆไป  ผู้ที่จะเลี้ยงหมาแบบนี้ได้  ควรมีความรู้ ความเข้าใจในเรื่องพฤติกรรมสัตว์เป็นอย่างดี  และมีความพร้อม ที่จะรับมือกับพฤติกรรมที่ไม่อาจคาดเดาได้ตลอดเวลา

หมาที่ ดุดี นั้น  มีอยู่จริงในโลก  หมาแบบนี้จะมีแรงขับในการจัดลำดับในฝูงค่อนข้างสูง  จึงความมั่นใจในตัวเอง มีความเป็นมิตร ไม่ระแวง หรือกลัวว่าจะถูกทำร้ายก่อน   แม้จะมีแรงขับด้านต่างๆ ที่จำเป็นในการดำรงชีวิต สูง  แต่ก็มีความอดทนต่อสิ่งกระตุ้นจากภายนอกมากพอ  ควบคุมตัวเองได้  จึงไม่มีการแสดงออกในทางก้าวร้าวเมื่ออยู่ในสถานการณ์ปกติ    แต่จะตื่นตัวและแสดงออกตามสัญชาติญาณเพื่อปกป้องอาณาเขต เมื่อมีผู้บุกรุก  หรือถูกจู่โจม คุกคามก่อน    หมาแบบนี้  จึงจะเป็นหมาที่ ดุดี  และเฝ้าบ้านได้  โดยไม่เป็นอันตรายต่อคนอื่นๆ

เคยนำวิธีการคัดเลือกลูกหมา  ให้เหมาะสมกับความต้องการ  มาโพสไว้ให้อ่านแล้วครั้งหนึ่ง  

 

 



โดย carnivore ...The Alpha Wolf - Thursday, 8 June 2006, 10:24PM
 

เมื่อไม่นานมานี้  ยิ่งใหญ่ ได้สร้างวีรกรรมครั้งที่ 6 หรือ 7 ก็จำไม่ได้แล้ว  ในการกัดคนที่คุ้นเคย  เป็นแผลลึก และกว้าง หลายรูพอสมควร

วันเกิดเหตุ  ลูกสาววางชามอาหารให้ยิ่งใหญ่  แล้วก็เดินเข้าบ้านไป   คนถูกกัด ซึ่งเป็นเพื่อนลูกสาว(แม่หมาใหญ่)  ซึ่งคุ้นเคยกับยิ่งใหญ่เป็นอย่างดี  ถึงขั้นอาบน้ำให้ได้   เห็นว่ายิ่งใหญ่กินอาหารไม่หมดสักที  ทำเป็นกินคำสองคำแล้วก็เดินไปเดินมา  เหมือนจะคอยให้ใครมาโอ๋ให้กิน  เพราะทุกวัน ลูกสาวจะมานั่งดู และคอยพูดยอให้กิน(หมาบ้ายอ)  เขาก็จะกินหมดเร็ว   วันนี้ ลูกสาวมัวแต่ไปทำอะไรอยู่ไม่รู้  เพื่อนผู้หวังดี  ก็เลยช่วยหยิบอาหารป้อนให้ยิ่งใหญ่กินกับมือ  เขาก็รับอาหารไปเคี้ยวๆๆ    ยังไม่ทันหมดคำดี   อยู่ๆก็ปล่อยอาหาร หันมาโดดงับคอหอยเพื่อนผู้หวังดี(ที่นั่งเก้าอี้อยู่)   เคราะห์ดีที่เพื่อนไวพอที่จะเอนตัวหลบทัน เพราะเป็นนักกีฬาอยู่  

ยิ่งใหญ่พลาดไปครั้งหนึ่ง   แต่ไม่ยอมเสียโอกาส..โดดฉกซ้ำทันที  คราวนี้เพื่อนตั้งแขนรับเอาไว้แล้ว จึงงับได้แค่แขน(ไม่ถึงคอหอยอยู่ดี)  ซึ่งค่อนข้างใหญ่คับปาก  เคี้ยวไม่ค่อยถนัด   พอดีลูกสาวโผล่ออกมา   ยิ่งใหญ่จึงได้สติ  ปล่อยแขนเพื่อน  แล้วเดินคอตก ทำท่าสำนึกผิด(แบบเดิมๆที่เคยทำ)เลี่ยงหนีไปจากที่เกิดเหตุ

เหตุเกิดหลายครั้ง หลายหน จนขี้เกียจจะวิเคราะห์   เนื่องจาก ตัวเอง , ลูกสาว , พ่อของลูกสาว  ไม่เคยโดนสักที   วิเคราะห์ไป ก็ดูเหมือนไม่เกิดประโยชน์กับใครเลย  เพื่อนลูกสาวคนที่ถูกกัดครั้งล่าสุด  เป็นคนไม่กลัวหมา   และบังเอิญเข้าใจ   ในเรื่องที่ว่า  หมากัดเป็นเรื่องธรรมชาติ  จึงทำใจยอมรับได้  ก็เลยไม่มีปัญหา 

หลังจากเหตุการณ์นั้น  ยิ่งใหญ่ทำท่าเขินๆ (เหมือนรู้ตัวว่าทำไม่ดี)อยู่สัก 2-3 วัน  ก็เข้ามาระริกระรี้ เล่นกับเพื่อนคนที่เพิ่งกัดเขาไป  เหมือนไม่เคยมีเหตุอะไรเกิดขึ้น   และกลับมาเป็นเกลอเก่ากันได้เหมือนไม่เคยบาดหมางกันมาก่อน  ซึ่งความจริงก็เป็นอย่างนั้น  เพราะเหตุเกิดไปตามธรรมชาติของหมาแบบยิ่งใหญ่   ที่ไม่ได้เจตนาร้ายกับใคร ถ้าเข้าใจและปรับตัวเข้ากับเขาได้  ก็แคล้วคลาดคมเขี้ยว



โดย carnivore ...The Alpha Wolf - Thursday, 8 June 2006, 09:13PM
 

ผิดหรือไม่...อยู่ที่ใจคนถูกกัดค่ะ....หมากัดเป็นเรื่องธรรมชาติ    ทำใจยอมรับให้ได้ก็ไม่มีปัญหา    ถ้าไม่อยากให้เขากัด  ก็ต้องหมั่นสังเกตอาการของเขาทุกอิริยาบทเวลาอยู่ใกล้เขา   ตามคำพระท่านสอนว่า  จงตั้งอยู่ในความไม่ประมาท   หมั่นเจริญสติให้รู้เขา..รู้เรา เอาไว้เสมอเป็นปกติ    ก็จะสามารถหลีกเลี่ยงเหตุการณ์นี้ได้ไม่ยากค่ะ

มีเหตุปัจจัยอยู่ไม่กี่เรื่อง  ที่มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมของหมา  เช่น

**แรงขับจากภายใน   หมายถึง  พลังตามธรรมชาติภายในตัวหมา   ที่กระตุ้นให้หมาแสดงพฤติกรรมต่างๆ    ซึ่งมีความจำเป็นต่อการดำรงชีวิตของสัตว์ทั้งปวง   มีหลายประเภท เช่น แรงขับในการไล่ล่า ,  แรงขับในการป้องกันตัวเอง , แรงขับในการจัดลำดับในฝูง , แรงขับในการรวมฝูง....ฯลฯ....ความรุนแรงมากน้อย ของพลังตามธรรมชาตินี้เอง  ที่ทำให้หมาแต่ละตัว  มีบุคลิก ลักษณะ นิสัย แตกต่างกันไป เช่นเดียวกับในคน

**ความอดทนต่อสิ่งเร้า    หมายถึง  ขีดจำกัดของความอดทนต่อสิ่งเร้าต่างๆจากภายนอกที่มากระตุ้น   ซึ่งมีผลโดยตรงต่อปฏิกิริยาโต้ตอบของหมา และเกี่ยวข้องขึ้นอยู่กับแรงขับแต่ละประเภทด้วย ว่าหมาตัวไหน  มีแรงขับประเภทไหนมากน้อยอย่างไร   เช่นหมาที่มีแรงขับในการจัดลำดับในฝูง สูง   แต่ขีดความอดทน ต่ำ  จะมีความรู้สึกทันทีว่าถูกข่ม และควบคุมตัวเองไม่ได้ แสดงปฏิกิริยาตอบโต้ออกไปโดยอัตโนมัติ(ไม่มีเจตนา)   แต่หมาที่มีขีดความอดทนต่อสิ่งกระตุ้น สูง  แม้จะ มีแรงขับ สูง  ก็จะสามารถควบคุมตัวเองได้  และไม่แสดงปฏิกิริยาตอบโต้   จนถูกกระตุ้นถึงระดับขีดจำกัด  จึงจะตอบโต้ เป็นต้น

อย่างเช่นกรณีนี้  การเข้าไปกอดหมา  ความหมายภาษากายของหมา เป็นเหมือนการแสดงอาการ ข่มกัน   เช่นในหมาป่า  ที่ตัวหนึ่งจะชอบเอาคางไปเกยทับหรือเอาขาหน้าขึ้นไปไว้บนคออีกตัวหนึ่ง แสดงการข่ม    ในทำนองเดียวกัน   หมาเขาอาจจะรู้สึกไปตามสัญชาติญาณของแรงขับในการจัดลำดับฝูงของเขา  ว่ากำลังถูกข่ม จึงโต้ตอบกลับมาโดยสัญชาติญาณนั้นเอง  ไม่ใช่เรื่องผิดปกติ    

ควรระวัง  สำหรับเด็กๆ   ผู้ใหญ่ต้องสังเกตบุคลิก  ทั้งของหมาและของเด็กให้เข้าใจ   แล้วคอยแนะนำเด็กๆในการแสดงออกกับหมาด้วย  เด็กบางคน  หมาสามารถยอมรับให้ขึ้นขี่หลัง หรือดึงหูดึงหางเล่นได้   ในขณะที่ กับเด็กอีกคน  หมาไม่ยอมให้เล่นด้วยแรงๆก็มี  ขึ้นอยู่กับบุคคลิกของเด็ก  ที่ทำหมารู้สึกว่าถูกคุกคาม  หรือรู้สึกสนุกที่จะเล่นด้วย   ไม่มีคำตอบตายตัวสำหรับแต่ละสถานการณ์   เพราะมีองค์ประกอบมากมายที่ต้องสังเกตและศึกษา

หมาตัวในรูปนี้  ยอมให้เด็กทำอะไรได้ทุกอย่าง    แต่ไม่ชอบให้กอด แม้แต่เจ้าของที่นอนด้วยกันทุกวัน  เวลากอดเขา จะกอดได้แป๊บเดียวจริงๆ  เขาพยายามขืนตัวและถอยหนีหรือดิ้นจนหลุด  แต่ไม่เคยกัดเลย   เป็นบุคลิกของหมาที่มีความอดทนต่อสิ่งเร้า ค่อนข้างสูง   เหมาะที่จะเลี้ยงกับเด็กๆได้ดี



หน้า: (หน้าก่อน)   1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18 ...85   (ต่อไป)