กี๋ ปากอ่าว

หน้า: (หน้าก่อน)   1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18 ...61   (ต่อไป)
โดย กี๋ ปากอ่าว - Wednesday, 3 May 2006, 08:05AM
 

พี่พายุและพี่น้ำมนต์ที่คิดถึง

เต๋าเต้ยเป็นแฟนคลับของบางแก้วคู่ขวัญของอาโกวและโกวป้ามาช้านานแร๊วว!! มีเหรอครับเต๋าเต้ยจะลืมพี่ชายและพี่สาวทั้งสอง ที่เต๋าเต้ยหายไป เพราะแม่กี๋เค้ามัวแต่นั่งปั่นไดอารี่เรื่องเล่า ให้ทันกำหนด วันส่งเรื่องของคุณแม่พี่ข้าวตังตามคำประกาศสองฉบับนั่นไงครับ..

ตอนนี้แม่กี๋มีเวลาว่างกลับมานั่งแปรรูปความทรงจำเรื่องของผมและปู่หัวโตบางแก้วคู่ยากแล้วล่ะฮะ และผมยินดีอีหลี ที่กลับไปมหาชัย จะมีสาวงามงอน ร่างอวบ หน้าหวานๆรอผมอยู่ที่ท่าฉลอม จากมหาชัยมีเรือข้ามฟากไปที่นั่น เอาไว้เต๋าเต้ยออมตังค์ได้สองบาทเป็นค่าตั๋วเรือข้ามฟากให้ได้เสียก่อน จะรีบ "ล่องเรือหารัก" นะครับ..

                                                               จาก...เต๋าเต้ย หนุ่มมหาชัย

  ปล. น้องมุ่ยคับ เพื่อนซี้ต่างวัย..พอรวมตัวกัน

         กลายพันธุ์เป็นเพื่อนซี้ต่างโวย..นู๋ติดตามได้ที่นี่เร็วๆนี้นะคับ



โดย กี๋ ปากอ่าว - Tuesday, 2 May 2006, 06:02PM
 

แม่กี๋เคยเห็นหมาบางบ้าน และในภาพยนตร์ทั้งไทยและต่างประเทศ เผยแพร่ภาพความใกล้ชิดระหว่างคนกับหมา ที่รักกันถึงขั้นเลียหน้า จุ๊บปากเจ้าของ อาจดูเป็นเรื่องของสิทธิส่วนบุคคลที่ไม่เกี่ยวกับหน้าตาและปากของบุคคลอื่น แต่ผลที่ตามมาก็คือเด็กๆอาจจะนำไปเลียนแบบพฤติกรรมนี้กับหมาที่บ้านโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ นอกจากนั้นมันยังทำให้แขกผู้มาเยือนเห็นแล้วรู้สึกสะท้าน รีบขอตัวกลับในทันทีที่เจ้าของบ้านผู้รักหมาเชื้อเชิญให้รับประทานอาหารร่วมโต๊ะกัน

แม่กี๋ไม่ได้มีเจตนาจะกีดกันเผ่าพันธุ์ชั้นวรรณะกับหมาที่ตัวเองก็รักสุดหัวใจ แต่การปล่อยให้หมาเลียหน้าตา อาจทำให้ผู้นั้นติดเชื้อพยาธิ ”ไข่พยาธิลำไส้” ทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นพยาธิตัวกลม พยาธิปากขอ หรือเชื้อโรคบางชนิดที่ติดต่อจากสัตว์สู่คนได้

โรคยอดนิยมที่พึงระวังเช่น “ไข้หวัดนก” ซึ่งนักวิชาการเชื่อกันว่า เชื้อไข้หวัดนกบางสายพันธุ์ที่พบในนก (H5N1) สามารถแพร่ระบาดเข้าสู่กลุ่มสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมได้ หลังจากที่พบการติดเชื้อไข้หวัดนกในทางธรรมชาติในแมว หรือโรคอื่นๆเช่น โรคเลปโตสไปโรซิสที่เชื้อปนเปื้อนกับปัสสาวะของสัตว์ป่วย และที่ลืมไม่ได้คือ โรคพิษสุนัขบ้าที่ติดต่อได้ทางน้ำลาย

ดังนั้นไม่ว่าจะรักน้องหมามากสักเพียงใด ก็ต้องรักตัวเองและลูกหลานบริวาร คนใกล้ชิดด้วย ห้ามแสดงความรักกับหมาด้วยการจูบปากหมาหรือยอมให้หมาเลียหน้าเป็นอันขาด นอกจากนั้นหลังจากเล่น และจับหมาหรือสัตว์เลี้ยงอื่นๆให้ล้างมือให้สะอาดทุกครั้งเป็นกิจวัตรประจำตัว ถึงจะได้ชื่อว่าเป็น  คนรักหมาที่มีสุขนิสัยดี

ภาพที่แม่กี๋เห็นเต๋าเต้ยยังรักและจดจำพ่อจ๋าได้ไม่เสื่อมคลาย ทำให้แม่กี๋คิดย้อนกลับไป  ในช่วงเวลาที่เต๋าเต้ยเข้ามาเป็นสมาชิกใหม่ในบ้าน พ่อจ๋ามักตามใจ ไม่เคยตีหรือตำหนิเต๋าเต้ยเลยแม้นแต่ครั้งเดียว ยามใดที่เต๋าเต้ยเกเร จนทำให้แม่กี๋ต้องดุและทำโทษ เต๋าเต้ยเลือกที่จะมุดเข้าไปนอนหมอบใต้โต๊ะ เพื่ออยู่ใกล้ๆพ่อจ๋าและขอให้เป็นเกราะคุ้มครอง

ครั้งสุดท้ายที่ได้อยู่ด้วยกัน คือตอนที่พ่อจ๋าพาเต๋าเต้ยนั่งรถไปส่งที่ดอนเมือง  พ่อจ๋ายอมอนุญาตให้เต๋าเต้ยข้ามไปนั่งตักด้านหน้าข้างคนขับ อุ้มเต๋าเต้ยไว้แนบอก บางครั้งก็ชูขึ้นเพื่อให้เต๋าเต้ยได้มองเห็นถนนที่ทอดยาวไกลไปข้างหน้า และหลายสิ่งหลายอย่างที่แปลกตาไม่เคยเห็นมาก่อน พ่อจ๋าทำให้เต๋าเต้ยเพลิดเพลินเจริญใจคลายความกังวลในการนั่งรถยนต์ทางไกลเป็นครั้งแรกในชีวิต

พ่อจ๋าตอบแทนความรักความคิดถึงของเต๋าเต้ยโดยอุ้มขึ้นมากอดไว้ ขณะเดียวกันก็คอยหันหน้าหนี เพื่อไม่ให้เต๋าเต้ยเลียหน้าตาและร้องห้ามปราม “อย่าลูก อย่าเลียหน้าพ่อ ไม่เอาเต๋าเต้ย” แรกๆเต๋าเต้ยยังไม่เข้าใจคำสั่ง พ่อจ๋าจึงอุ้มยื่นออกไปให้ห่างจากหน้าและวางลงบนพื้น

 การออกคำสั่ง “อย่าลูก” หันหน้าหนี และยื่นตัวออกห่างแล้ววางลง เพื่อให้รู้ว่าถ้ายังไม่หยุด พ่อจ๋าจะไม่เล่นด้วยและวางลงบนพื้นทันที เป็นการยับยั้งพฤติกรรมการเลียหน้าตาคน เพื่อไม่ให้เต๋าเต้ยติดเป็นนิสัยที่ไม่ถูกต้องในวันข้างหน้า

เพราะฉะนั้นถ้าเจ้าของไม่ไปส่งเสริมพฤติกรรมหมาโดยยื่นหน้าให้หมาเลียเป็นประจำ ตั้งแต่ยังเล็ก กิริยาท่าทางแบบนี้จะหายไปในที่สุด แต่ถึงแม้นเจ้าของจะไม่ส่งเสริมพฤติกรรมนี้ก็ตาม แต่ก็ไม่ควรถึงขั้นตีปากลงโทษ เวลาลูกหมาส่งสัญญาณทักทายตามธรรมชาติ เพราะจะทำให้หมาสับสนหรือเข้าใจผิดในมิตรภาพที่หยิบยื่นให้เจ้าของ กลับกลายเป็นความหวาดกลัวที่จะเข้าไปทักทายเจ้าของ ดังนั้นแค่เพียงเจ้าของไม่มีส่วนร่วมในการกระทำผิด ขอให้ยึดติดเป็นคติประจำใจว่า “เล่นหน้าหมา แต่อย่าให้หมาเลียหน้า” ก็เพียงพอแล้ว

บทเรียนที่เต๋าเต้ยได้รับจากพ่อจ๋าในวันนั้นคือ “อย่า!!เลียหน้าคน” แต่สำหรับการทักทายแบบ “เกาะหน่อย เกาะหน่อย เกาะหน่อย” หรือการกระโดดเกาะประชิดตัว เต๋าเต้ยได้รับการตอบรับที่วิเศษสุด เพราะพ่อจ๋ามักจะอุ้ม จับขาหน้าทั้งสองข้างหรือนั่งลงเล่นและพูดคุยด้วย นิสัยเกาะหน่อยจึงติดตัวเต๋าเต้ยมาโดยตลอด

จนบางครั้งเกิดความเข้าใจที่ไม่ตรงกัน ระหว่างพ่อที่กำลังรีบกับลูกที่กำลังเล่น จะไปโทษหมาก็ไม่ได้เพราะคนก็มีส่วนผิด เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว การยับยั้งพฤติกรรมใดๆของหมาที่ไม่พึงประสงค์ ต้องทำกันตั้งแต่เล็กและขจัดให้สิ้นไปอย่างเด็ดขาด เพราะหมาไม่มีความคิดที่ซับซ้อนพอที่จะประเมินสถานการณ์ได้ว่าเวลาไหนควรทำและเวลาไหนไม่ควรทำ

เราพากันออกเดินทางกลับมหาชัยทันที แม่กี๋เอาเต๋าเต้ยมานั่งในห้องโดยสารด้วยกันเหมือนเคย ระหว่างทางเต๋าเต้ยเดินไปมา พยายามมองผ่านกระจกด้านข้างและด้านหลังไม่ยอมอยู่นิ่ง คงเพราะความตื่นเต้นที่ได้เห็นสิ่งใหม่ๆรอบตัว

แม่กี๋นั่งมองสองข้างทางบนถนนพระราม2 ที่มีหมู่บ้านขนาดใหญ่ผุดขึ้นมาใหม่ๆ และโรงงานอีกหลายแห่ง ซึ่งบอกให้รู้ถึงความเจริญที่ขยายออกมาจากเมืองหลวงและความเติบโตทางด้านเศรษฐกิจของประเทศ ส่งผลให้ถนนหนทางดูกว้างขวางและซับซ้อน เมื่อมีถนนสายใหม่ถูกสร้างขึ้นเพื่อเชื่อมโยงเมืองหลวงกับพื้นที่ในเขตปริมณฑลให้ไปมาหาสู่กันได้สะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น การเปลี่ยนแปลงอันยิ่งใหญ่ที่เกิดขึ้นได้ทุกหนทุกแห่ง

ชีวิตคนและหมาบางครั้งก็ผกผันไปตามสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป ตราบใดที่ยังเป็นหนึ่งในสมาชิกของสังคมใหญ่ แม่กี๋กำลังคิดถึงเต๋าเต้ยชีวิตเล็กๆที่มีแม่กี๋เป็นผู้รับเข้ามาอยู่ในสังคมเดียวกัน ชีวิตที่เริ่มต้นที่บ้านมหาชัยในวัยทารก แต่ไม่นานก็ต้องย้ายไปพำนักชั่วคราวที่เชียงใหม่ ที่ๆไกลเกินกว่าหมาจะจินตนาการได้ การเปลี่ยนแปลงอันยิ่งใหญ่สำหรับลูกหมา เกิดขึ้นสองครั้งสองคราในช่วงสี่เดือนแรกของชีวิต  

และในวันนี้วันที่เต๋าเต้ยกำลังจะกลับถิ่นบ้านเกิด มันเป็นการคืนสู่สังคมดั่งเดิมในวัยเด็กที่เต๋าเต้ยจากมา  บ้านหลังแรกที่เต็มไปด้วยอบอุ่นและปลอดภัย  สายใยความผูกพันในฝูงเล็กๆที่ประกอบด้วย พ่อ แม่ และพี่โต เพื่อนซี้ต่างวัยตัวแรกตัวนั้น ไม่ว่าเขาจะยังยินดีต้อนรับเต๋าเต้ยเป็นสมาชิกในฝูงอีกหรือไม่ ? แต่แม่กี๋รู้ดีว่าความรู้สึกประทับใจในบ้านหลังนั้นยังกรุ่นอยู่ในใจของเต๋าเต้ยเสมอ



โดย กี๋ ปากอ่าว - Tuesday, 2 May 2006, 05:30PM
 

                         

                                ตอน: เต๋าเต้ยคืนถิ่นบ้านเกิด

สองอาทิตย์ต่อมา แม่กี๋ก็เตรียมตัวเดินทางกลับมหาชัย กรงที่เคยใส่เต๋าเต้ยตอนขามาเชียงใหม่ ตอนนี้มันคับแคบไปถนัดใจ แค่เต๋าเต้ยเข้าไปนั่งก็ต้องทำตัวคุ้ดคู้เหมือนหมูนั่งในกรงนก เพียงแค่เดือนครึ่งเท่านั้นที่เต๋าเต้ยมาอยู่เชียงใหม่ เต๋าเต้ยตัวโตขึ้นอีกเท่าตัว ที่สำคัญคือเจ้าความคิดมากขึ้น ประเภท “ไม่ต้องถามคุณครู หนูก็ทำได้”

การเดินทางครั้งนี้ แม่กี๋ได้แต่ลุ้นระทึกและ ท่องนโมสามจบพร้อมกับภาวนาเอาใจช่วยเจ้าหน้าที่ประจำคาร์โก้ ที่ต้องรับหน้าที่เคลื่อนย้ายกรงเต๋าเต้ยขึ้นลงเครื่องบินในวันนั้น

 แม่กี๋ขอยืมกรงของปลาทูที่คุณยายซื้อขนาดใหญ่เผื่อไว้ใช้ได้จนถึงตอนปลาทูโตเต็มที่ ครั้งนี้แม่กี๋ตัดสินใจส่งเต๋าเต้ยไปเที่ยวบินก่อนหน้าแม่กี๋หนึ่งเที่ยวบิน เมื่อไปถึงจะได้ไปรับตัวได้เลยไม่ต้องเสียเวลาคอยนาน เพราะคำนวณเวลาขนย้ายกรงจากเครื่องฯมาที่สำนักงาน น่าจะพอดีกับเวลาที่แม่กี๋ไปถึงดอนเมือง

วิธีการยังคงเหมือนเดิมคือมี ขวดน้ำยึดติดกับกรง ของเล่น กระดูกเทียมและ ยาซึม แม้นว่าทุกอย่างจะใช้ไม่ได้ผลมากนัก เพราะเต๋าเต้ยไม่อยากหลับและไม่อยากแม้นแต่จะชายตามองของเล่น แต่อย่างน้อยก็พออุ่นใจว่าลูกจะมีของสองสามอย่างวางไว้ในกรงเป็นเพื่อน ไม่เป็นน้องหมาผู้โดดเดี่ยว ที่ถูกขังไว้ในกรงภายในห้องบรรทุกสินค้าใต้เครื่องบินที่มืดสลัว

ที่กรุงเทพฯ แม่กี๋ไปรับเต๋าเต้ยที่สำนักงานคาร์โก้แห่งเดิม หลังจากจัดการเรื่องเอกสารรับของ แม่กี๋ได้รับแจ้งว่าเจ้าตัวแสบรออยู่ด้านหลังของสำนักงาน แม่กี๋เดินอ้อมไปด้านหลัง ที่นั่นแม่กี๋เห็นเจ้าหน้าที่หนุ่มยืนคุมเต๋าเต้ยอยู่ห่างๆกรง ตาจ้องมองเต๋าเต้ยอย่างเอ็นดู พอเห็นแม่กี๋ เขาก็พอจะเดาออกว่าเป็นเจ้าของลูกหมาในกรง เพราะอาการตื่นเต้นดีใจและเสียงคราง อิ๋งๆๆๆๆๆในลำคอของเต๋าเต้ย เจ้าหน้าที่หนุ่มยิ้มให้แม่กี๋แล้วเปิดฉากการสนทนา

“ลูกหมาของพี่เหรอครับ พันธุ์บางแก้วใช่มั๊ยครับ ตัวนิดเดียวแต่ดุน่าดูเลย กว่าผมจะเอาลงจากเครื่องฯได้แทบแย่ ไม่ยอมให้ใครแตะต้องกรง ให้ขนมก็ไม่ยอมอ่อนข้อ พอกินขนมของผมหมดแล้ว หันมาขู่ผมต่ออีก ผมเลยใช้วิธีหาม สอดไม้ยาวๆเข้าไปทะลุอีกด้าน แล้วให้เพื่อนยกที่ปลายไม้อีกข้างหนึ่ง หามขึ้นไปวางบนรถเข็น ตอนนี้ยังยกลงจากรถเข็นไม่ได้เลยครับ “แม่กี๋ขอโทษขอโพยเจ้าหน้าที่หนุ่มและขอบพระคุณในความกรุณา ที่คุณเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานด้วยใบหน้าที่ยิ้มละไม ไม่มีวี่แววว่าจะตำหนิหรือถือสาหาความกับลูกหมาและเจ้าของเลยสักนิด แถมยังอธิบายเชิงปลอบใจให้ลูกค้าคลายกังวลใจได้อีกด้วย

“ไม่เป็นไรครับพี่ ผมเจอมาเยอะ หมาฝรั่งพันธุ์ดุตัวโตกว่านี้ พวกผมต้องหาทางเอาขึ้นเครื่องฯจนได้แหละครับ เพราะการบริการคืองานของพวกผม คราวหน้าเชิญกลับมาใช้บริการอีกนะครับ” แม่กี๋ยิ้มรับคำเชื้อเชิญและแอบชื่นชมการบริหารงานบุคคลของเจ้าจำปี ที่คัดเลือกและอบรมเจ้าหน้าที่ได้ดีเยี่ยม จนได้บุคลากรที่เหมาะสมมาทำงานในองค์กรที่มุ่งให้การบริการแก่ลูกค้าเป็นสำคัญ

พ่อจ๋าอ้าปากค้างจ้องมองเต๋าเต้ยในมาดใหม่ใหญ่กว่าเดิม พอแม่กี๋ปล่อยออกจากกรง เต๋าเต้ยกระโจนเข้าหาพ่อจ๋าทันที แสดงความตื่นเต้นดีใจที่ได้พบกันอีกครั้ง แม่กี๋ยืนอมยิ้ม มองพ่อคนกับลูกหมาที่กำลังแสดงความคิดถึงที่มีต่อกัน

เต๋าเต้ยส่งภาษาท่าทางและสัญญาณ แสดงถึงความดีใจ ด้วยท่าทางการวิ่งส่ายบั้นท้าย กระดิกหางโบกสะบัด ตรงรี่เข้าไปหา และกระโดดเกาะขา แหงนหน้าขึ้น ยืดตัวสุดลำตัวพร้อมกับแลบลิ้นเลียแผลบๆ ราวกับว่าเต๋าเต้ยกำลังอยากจะทะยานขึ้นไปที่หน้าพ่อจ๋า เพื่อเลียหน้าตาและจุ๊บปากให้หายคิดถึง เต๋าเต้ยกำลังใช้ภาษาร่างกายเป็นเครื่องมือสื่อความรัก แทนคำพูดที่คนทำได้แต่หมาทำไม่ได้ คำสารภาพของลูกหมาวัยสะออนที่อยากเว้าวอนอ้อนพ่อว่า “พ่อจ๋าคือคนพิเศษของเต๋าเต้ย”

การเลียหน้าตาหรือปาก เป็นวิธีการทักทายของหมา กิริยาท่าทางแบบนี้มีต้นตอมาจากการที่ลูกหมาป่าเลียปากของหมาโตที่พึ่งกลับมาถึงรังเพื่อให้หมาโตสำรอกอาหารออกมาให้กิน เรื่องแบบนี้ไม่มีทางเกิดขึ้นกับหมาบ้าน แต่กริยาการเลียปากหมาโตยังคงมีให้เห็นในหมาบ้าน เมื่อลูกหมาแสดงความปลื้มปิติเวลาที่แม่หมากลับมาที่รังนอนอีกครั้ง หลังจากทิ้งลูกเล็กๆออกไปหาอาหารกินเลี้ยงปากเลี้ยงท้องตัวเอง ดังนั้นอาจเป็นได้ทั้งสองอย่างคือมันเป็นสัญชาตญาณของหมาป่าบรรพบุรุษ และกลิ่นของอาหารจากปากของแม่หมา

หมาพยายามใช้การส่งสัญญาณเช่นเดียวกับที่เคยเรียนรู้มาตั้งแต่เล็กมาใช้สื่อกับคน การทักทายโดยพยายามเลียที่หน้าตาคน เพื่อต้องการเอาอกเอาใจ หรือให้คนเห็นถึงความเป็นมิตรต่อกันก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี แต่ทั้งนี้ต้องเข้าใจว่า หมาไม่ใช่คน และคนก็ไม่ใช่หมา การสื่อความเข้าใจระหว่างกันควรต้องระมัดระวังเพื่อไม่ให้เกิดความสับสนและเกิดผลกระทบในการใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันในสังคมโดยรวม



โดย กี๋ ปากอ่าว - Friday, 28 April 2006, 06:04PM
 

คุณป้าชัชคะ สงสารน้องหมาที่โดนหมาตัวโตกว่าฟัดเอาจนบาดเจ็บทุกตัวเลยค่ะ ตอนอยู่ที่มหาชัย ปู่หัวโตโดน เจ้าแซม อัลเซเซี่ยนตัวยักษ์ กัดเป็นประจำ พอหลุดออกมามันก็วิ่งดิ่งมากัดหัวโต ไม่รู้จะเข้าไปช่วยได้อย่างไร เจ้าแซมตัวใหญ่มาก ถ้ายืนสองขามันสูงกว่าแม่กี๋อีกมั่งคะ ดังนั้นหัวโตจึงได้แผลทุกเดือน แต่ละแผลหมอต้องโกนขนทิ้งแล้วเย็บ...ที่รอดมาได้เพราะเจ้าของออกมาแยก จับหมาตัวเองกลับบ้าน..ค่ะ


โดย กี๋ ปากอ่าว - Thursday, 27 April 2006, 11:43AM
 

ผมอิจฉาน้องสาวที่ได้วิ่งเล่นอยู่ข้างนอก เล่นกองทราย..ถ้าเต๋าเต้ยได้ออกไปเที่ยวเล่นแบบนั้นมั่ง รับรอง..แม่กี๋มีเรื่องเขียนเก็บไว้ในไดอารี่ของผมอีกเยอะเลยครับ..

แต่แม่กี๋เค้าดื้อ..ไม่ยอมใจอ่อนสักที..เลยต้องนั่งคิดเรื่องฯ หัวโต+ฟูเกือบจะเท่าหัวปู่โตอยู่แร้วววว



หน้า: (หน้าก่อน)   1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18 ...61   (ต่อไป)