แม่กี๋เคยเห็นหมาบางบ้าน และในภาพยนตร์ทั้งไทยและต่างประเทศ เผยแพร่ภาพความใกล้ชิดระหว่างคนกับหมา ที่รักกันถึงขั้นเลียหน้า จุ๊บปากเจ้าของ อาจดูเป็นเรื่องของสิทธิส่วนบุคคลที่ไม่เกี่ยวกับหน้าตาและปากของบุคคลอื่น แต่ผลที่ตามมาก็คือเด็กๆอาจจะนำไปเลียนแบบพฤติกรรมนี้กับหมาที่บ้านโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ นอกจากนั้นมันยังทำให้แขกผู้มาเยือนเห็นแล้วรู้สึกสะท้าน รีบขอตัวกลับในทันทีที่เจ้าของบ้านผู้รักหมาเชื้อเชิญให้รับประทานอาหารร่วมโต๊ะกัน แม่กี๋ไม่ได้มีเจตนาจะกีดกันเผ่าพันธุ์ชั้นวรรณะกับหมาที่ตัวเองก็รักสุดหัวใจ แต่การปล่อยให้หมาเลียหน้าตา อาจทำให้ผู้นั้นติดเชื้อพยาธิ ไข่พยาธิลำไส้ ทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นพยาธิตัวกลม พยาธิปากขอ หรือเชื้อโรคบางชนิดที่ติดต่อจากสัตว์สู่คนได้ โรคยอดนิยมที่พึงระวังเช่น ไข้หวัดนก ซึ่งนักวิชาการเชื่อกันว่า เชื้อไข้หวัดนกบางสายพันธุ์ที่พบในนก (H5N1) สามารถแพร่ระบาดเข้าสู่กลุ่มสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมได้ หลังจากที่พบการติดเชื้อไข้หวัดนกในทางธรรมชาติในแมว หรือโรคอื่นๆเช่น โรคเลปโตสไปโรซิสที่เชื้อปนเปื้อนกับปัสสาวะของสัตว์ป่วย และที่ลืมไม่ได้คือ โรคพิษสุนัขบ้าที่ติดต่อได้ทางน้ำลาย ดังนั้นไม่ว่าจะรักน้องหมามากสักเพียงใด ก็ต้องรักตัวเองและลูกหลานบริวาร คนใกล้ชิดด้วย ห้ามแสดงความรักกับหมาด้วยการจูบปากหมาหรือยอมให้หมาเลียหน้าเป็นอันขาด นอกจากนั้นหลังจากเล่น และจับหมาหรือสัตว์เลี้ยงอื่นๆให้ล้างมือให้สะอาดทุกครั้งเป็นกิจวัตรประจำตัว ถึงจะได้ชื่อว่าเป็น คนรักหมาที่มีสุขนิสัยดี ภาพที่แม่กี๋เห็นเต๋าเต้ยยังรักและจดจำพ่อจ๋าได้ไม่เสื่อมคลาย ทำให้แม่กี๋คิดย้อนกลับไป ในช่วงเวลาที่เต๋าเต้ยเข้ามาเป็นสมาชิกใหม่ในบ้าน พ่อจ๋ามักตามใจ ไม่เคยตีหรือตำหนิเต๋าเต้ยเลยแม้นแต่ครั้งเดียว ยามใดที่เต๋าเต้ยเกเร จนทำให้แม่กี๋ต้องดุและทำโทษ เต๋าเต้ยเลือกที่จะมุดเข้าไปนอนหมอบใต้โต๊ะ เพื่ออยู่ใกล้ๆพ่อจ๋าและขอให้เป็นเกราะคุ้มครอง ครั้งสุดท้ายที่ได้อยู่ด้วยกัน คือตอนที่พ่อจ๋าพาเต๋าเต้ยนั่งรถไปส่งที่ดอนเมือง พ่อจ๋ายอมอนุญาตให้เต๋าเต้ยข้ามไปนั่งตักด้านหน้าข้างคนขับ อุ้มเต๋าเต้ยไว้แนบอก บางครั้งก็ชูขึ้นเพื่อให้เต๋าเต้ยได้มองเห็นถนนที่ทอดยาวไกลไปข้างหน้า และหลายสิ่งหลายอย่างที่แปลกตาไม่เคยเห็นมาก่อน พ่อจ๋าทำให้เต๋าเต้ยเพลิดเพลินเจริญใจคลายความกังวลในการนั่งรถยนต์ทางไกลเป็นครั้งแรกในชีวิต พ่อจ๋าตอบแทนความรักความคิดถึงของเต๋าเต้ยโดยอุ้มขึ้นมากอดไว้ ขณะเดียวกันก็คอยหันหน้าหนี เพื่อไม่ให้เต๋าเต้ยเลียหน้าตาและร้องห้ามปราม อย่าลูก อย่าเลียหน้าพ่อ ไม่เอาเต๋าเต้ย แรกๆเต๋าเต้ยยังไม่เข้าใจคำสั่ง พ่อจ๋าจึงอุ้มยื่นออกไปให้ห่างจากหน้าและวางลงบนพื้น การออกคำสั่ง อย่าลูก หันหน้าหนี และยื่นตัวออกห่างแล้ววางลง เพื่อให้รู้ว่าถ้ายังไม่หยุด พ่อจ๋าจะไม่เล่นด้วยและวางลงบนพื้นทันที เป็นการยับยั้งพฤติกรรมการเลียหน้าตาคน เพื่อไม่ให้เต๋าเต้ยติดเป็นนิสัยที่ไม่ถูกต้องในวันข้างหน้า เพราะฉะนั้นถ้าเจ้าของไม่ไปส่งเสริมพฤติกรรมหมาโดยยื่นหน้าให้หมาเลียเป็นประจำ ตั้งแต่ยังเล็ก กิริยาท่าทางแบบนี้จะหายไปในที่สุด แต่ถึงแม้นเจ้าของจะไม่ส่งเสริมพฤติกรรมนี้ก็ตาม แต่ก็ไม่ควรถึงขั้นตีปากลงโทษ เวลาลูกหมาส่งสัญญาณทักทายตามธรรมชาติ เพราะจะทำให้หมาสับสนหรือเข้าใจผิดในมิตรภาพที่หยิบยื่นให้เจ้าของ กลับกลายเป็นความหวาดกลัวที่จะเข้าไปทักทายเจ้าของ ดังนั้นแค่เพียงเจ้าของไม่มีส่วนร่วมในการกระทำผิด ขอให้ยึดติดเป็นคติประจำใจว่า เล่นหน้าหมา แต่อย่าให้หมาเลียหน้า ก็เพียงพอแล้ว บทเรียนที่เต๋าเต้ยได้รับจากพ่อจ๋าในวันนั้นคือ อย่า!!เลียหน้าคน แต่สำหรับการทักทายแบบ เกาะหน่อย เกาะหน่อย เกาะหน่อย หรือการกระโดดเกาะประชิดตัว เต๋าเต้ยได้รับการตอบรับที่วิเศษสุด เพราะพ่อจ๋ามักจะอุ้ม จับขาหน้าทั้งสองข้างหรือนั่งลงเล่นและพูดคุยด้วย นิสัยเกาะหน่อยจึงติดตัวเต๋าเต้ยมาโดยตลอด จนบางครั้งเกิดความเข้าใจที่ไม่ตรงกัน ระหว่างพ่อที่กำลังรีบกับลูกที่กำลังเล่น จะไปโทษหมาก็ไม่ได้เพราะคนก็มีส่วนผิด เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว การยับยั้งพฤติกรรมใดๆของหมาที่ไม่พึงประสงค์ ต้องทำกันตั้งแต่เล็กและขจัดให้สิ้นไปอย่างเด็ดขาด เพราะหมาไม่มีความคิดที่ซับซ้อนพอที่จะประเมินสถานการณ์ได้ว่าเวลาไหนควรทำและเวลาไหนไม่ควรทำ เราพากันออกเดินทางกลับมหาชัยทันที แม่กี๋เอาเต๋าเต้ยมานั่งในห้องโดยสารด้วยกันเหมือนเคย ระหว่างทางเต๋าเต้ยเดินไปมา พยายามมองผ่านกระจกด้านข้างและด้านหลังไม่ยอมอยู่นิ่ง คงเพราะความตื่นเต้นที่ได้เห็นสิ่งใหม่ๆรอบตัว แม่กี๋นั่งมองสองข้างทางบนถนนพระราม2 ที่มีหมู่บ้านขนาดใหญ่ผุดขึ้นมาใหม่ๆ และโรงงานอีกหลายแห่ง ซึ่งบอกให้รู้ถึงความเจริญที่ขยายออกมาจากเมืองหลวงและความเติบโตทางด้านเศรษฐกิจของประเทศ ส่งผลให้ถนนหนทางดูกว้างขวางและซับซ้อน เมื่อมีถนนสายใหม่ถูกสร้างขึ้นเพื่อเชื่อมโยงเมืองหลวงกับพื้นที่ในเขตปริมณฑลให้ไปมาหาสู่กันได้สะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น การเปลี่ยนแปลงอันยิ่งใหญ่ที่เกิดขึ้นได้ทุกหนทุกแห่ง ชีวิตคนและหมาบางครั้งก็ผกผันไปตามสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป ตราบใดที่ยังเป็นหนึ่งในสมาชิกของสังคมใหญ่ แม่กี๋กำลังคิดถึงเต๋าเต้ยชีวิตเล็กๆที่มีแม่กี๋เป็นผู้รับเข้ามาอยู่ในสังคมเดียวกัน ชีวิตที่เริ่มต้นที่บ้านมหาชัยในวัยทารก แต่ไม่นานก็ต้องย้ายไปพำนักชั่วคราวที่เชียงใหม่ ที่ๆไกลเกินกว่าหมาจะจินตนาการได้ การเปลี่ยนแปลงอันยิ่งใหญ่สำหรับลูกหมา เกิดขึ้นสองครั้งสองคราในช่วงสี่เดือนแรกของชีวิต และในวันนี้วันที่เต๋าเต้ยกำลังจะกลับถิ่นบ้านเกิด มันเป็นการคืนสู่สังคมดั่งเดิมในวัยเด็กที่เต๋าเต้ยจากมา บ้านหลังแรกที่เต็มไปด้วยอบอุ่นและปลอดภัย สายใยความผูกพันในฝูงเล็กๆที่ประกอบด้วย พ่อ แม่ และพี่โต เพื่อนซี้ต่างวัยตัวแรกตัวนั้น ไม่ว่าเขาจะยังยินดีต้อนรับเต๋าเต้ยเป็นสมาชิกในฝูงอีกหรือไม่ ? แต่แม่กี๋รู้ดีว่าความรู้สึกประทับใจในบ้านหลังนั้นยังกรุ่นอยู่ในใจของเต๋าเต้ยเสมอ
|