ตอบ: ขอนอกเรื่องครับผม มีเรื่องมาเตือนครับ | |
มีอีกเรื่องครับผม วิธีการโจรกรรมรถ ----------------------------------------------------------- 1. ลักรถโดยกระทำต่อกุญแจรถ 2. ลักรถโดยช่องทางทางธุรกิจ 3. ลักรถโดยไม่ใช้กุญแจ 1. การลักรถโดยกระทำต่อกุญแจรถ รถทุกคันจะมีกุญแจ อันเป็นอุปกรณ์ป้องกันการโจรกรรมหรือเป็นเครื่องถ่วงเวลาในการโจรกรรมของคนร้ายรถจักรยานยนต์ได้แก่ กุญแจใส่คอรถ กุญแจสำหรับติดเครื่องยนต์ หรือกุญแจที่ติดอยู่กับขาตั้งรถจักรยานยนต์ ส่วนรถยนต์ได้แก่ กุญแจประตูรถ กุญแจฝากระโปรง กุญแจติดเครื่องยนต์ ฯลฯ คนร้ายได้เรียนรู้ระบบกุญแจรถ และจุดอ่อนของระบบกุญแจดังกล่าว แล้วทำการโจรกรรมรถ ในประเทศไทยมีรถที่ผลิตภายในประเทศหลายยี่ห้อ ซึ่งกรณีที่มีหลายบริษัทในการผลิต รถแต่ละยี่ห้อจะมีรูปแบบและลักษณะกุญแจที่แตกต่างกันโดยส่วนใหญ่จะแตกต่างกันที่เขี้ยวของลูกกุญแจ แต่ลูกกุญแจของรถยี่ห้อเดียวกันจะมีโครงสร้างของลูกกุญแจที่เหมือนกันเรียกว่า "ลูกกุญแจโครงสร้างมาตรฐาน" ลูกกุญแจแบบนี้จะมีโรงงานผลิตลูกกุญแจออกจำหน่าย ช่างทำกุญแจที่เปิดอยู่ริมถนน หรือตามศูนย์การค้า โดยไปซื้อลูกกุญแจโครงสร้างมาตรฐานมาไว้ที่ร้านทำกุญแจ เมื่อมีลูกค้านำกุญแจรถมาให้ทำ ช่างก็จะนำลูกกุญแจโครงสร้างมาตรฐานมาสร้างเขี้ยวกุญแจให้ตรงกันนั่นเอง วิธีการสร้างเขี้ยวบนลูกกุญแจ จากลูกกุญแจโครงสร้างมาตรฐานเพื่อทำการโจรกรรมรถ อาจทำได้ดังนี้ 1. คนร้ายจะใช้ไขควงหรือคีมดึงฝานำมันรถยนต์คันที่ต้องการออก เพราะที่ฝาน้ำมันจะมีช่องเสียบกุญแจติดอยู่ โดยคนร้ายจะดูกลไกที่อยู่ภายในช่องเสียบกุญแจ จากนั้นจะนำลูกกุญแจโครงสร้างมาตรฐานมาสร้างเขี้ยวโดยใช้ตะไบ ลูกกุญแจรถดังกล่าวก็สามารถไขกุญแจฝาน้ำมันรถได้ ลูกกุญแจที่ไขฝาน้ำมันรถที่คนร้ายสร้างขึ้นจะนำไปไขประตูรถ ติดเครื่องรถยนต์ดังกล่าวได้ เพราะลูกกุญแจ รถยนต์เพียงดอกเดียวก็ใช้ติดเครื่องยนต์ ไขประตู ไขฝาน้ำมัน ไขฝากระโปรงท้ายได้ คนร้ายก็จะทำการโจรกรรมรถคันดังกล่าวไป 2. คนร้ายใช้คีมดึงยวงกุญแจประตูรถ ให้ยวงกุญแจประตูรถหลุดออกจากประตูรถยนต์ จากนั้นคนร้ายก็นำลูกกุญแจโครงสร้างมาตราฐานสำหรับรถยนต์ยี่ห้อนั้นๆ มาสร้างเขี้ยวที่ตัดกุญแจ ให้ลูกกุญแจที่สร้างขึ้นมาสามารถไขยวงกุญแจประตูรถ เป็นการดำเนินการเช่นเดียวกับการกระทำต่อฝา น้ำมันรถตามข้อ 1 คนร้ายจะนำลูกกุญแจที่สร้างขึ้นไปใช้ในการโจรกรรมรถ ทั้งกรณีที่ 1 และ 2 คนร้ายจะกระทำต่อรถยนต์ที่มีกุญแจแบน ส่วนกุญแจประตูรถชนิดกลม คนร้ายจะไม่ดึงยวงกุญแจออกมา เพราะกุญแจชนิดกลมไม่มีลูกกุญแจโครงสร้างมาตราฐาน แต่คนร้ายจะใช้คีมจับที่ยวงกุญแจ แล้วโยกยวงกุญแจให้หลวม จากนั้นหมุนคีมที่จับอยู่ที่ยวงกุญแจให้ตัว ยวงกุญแจหมุน การกระทำเช่นนี้สามารถเปิดประตูรถได้ 3. การทำกุญแจดอกใหม่ โดยการลอกเลียนเขี้ยวกุญแจรถ แล้วติดตามทำการโจรกรรมรถ 3.1 คนร้ายจะทำการลอกแบบกุญแจและทำลูกกุญแจขึ้นมาอีกดอกหนึ่ง แล้วติดตามทำการโจรกรรมรถ 3.2 คนร้ายจะทำการลอกลายเขี้ยวกุญแจรถ โดยการนำลูกกุญแจของรถเป้าหมาย กดพิมพ์ลงไปบนดินน้ำมัน หรือเทียน หรือขี้ผึ้ง หรือการนำลูกกุญแจวางลงบนกระดาษแล้วใช้ดินสอ หรือปากกาวาดตามรอยเขี้ยวลูกกุญแจของรถเป้าหมาย คนร้ายก็จะได้รอยเขี้ยวลูกกุญแจของรถเป้าหมาย คนร้ายนำลูกกุญแจโครงสร้างมาตราฐานตามชนิดและยี่ห้อของรถมาทำการสร้างเขี้ยวที่ลูกกุญแจให้ตรงกับรอยกุญแจ เมื่อได้ลูกกุญแจคนร้ายจะนำลูกกุญแจไปทำการลักรถเป้าหมาย 3.3 ในขณะเจ้าของรถนำรถเข้าเติมน้ำมัน ตามสถานีบริการน้ำมันคนร้ายที่แฝงเป็นพนักงานเติมน้ำมันอาจจะพิมพ์รอยเขี้ยวกุญแจไว้ 3.4 พนักงานรับรถตามสถานีบริการ อาจจะหาโอกาสพิมพ์รอยเขี้ยวกุญแจรถของผู้มาขอใช้บริการ 3.5 พ่อค้าที่ขายรถใช้แล้ว หรือรถเก่า อาจจะทำกุญแจที่สามารถใช้กับรถคันที่เสนอขายไว้อีก 1 ดอก เมื่อมีผู้ซื้อรถคันดังกล่าวไป พ่อค้าหรือบุคคลในร้านติดตามไปทำการโจรกรรมรถ 3.6 รถที่ยังอยู่ระหว่างการมีสัญญาเช่าซื้อ ผู้ให้เช่าจะเป็นนิติบุคคล ผู้เช่าซื้อนำรถมาทำสัญญาเช่าซื้อ ตามสัญญาเช่าซื้อ ผู้ให้เช่าซื้อจะยึดลูกกุญแจสำหรับรถตามสัญญาเช่าซื้อไว้จำนวน 1 ดอก พนักงานของบริษัทเช่าซื้อจะสร้างลูกกุญแจที่มีเขี้ยวตรงกับรถตามสัญญาเช่าซื้อขึ้นมาอีก 1 ดอก และนำลูกกุญแจดังกล่าวไปทำการโจรกรรมรถคันดังกล่าว 3.7 ในกรณีที่รถยังอยู่ระหว่างการทำสัญญาเช่าซื้อขาดส่งเงินค่างวด 3.8 บริษัทผู้ให้เช่าซื้อจะส่งพนักงานยึดรถออกทำการยึดรถ โดยมอบอำนาจในการยึดรถและมอบลูกกุญแจ เพื่อทำการยึดรถกลับคืนบริษัทผู้ให้เช่าซื้อ พนักงานยึดรถนำลูกกุญแจที่ได้จากบริษัทผู้ให้เช่าซื้อไปทำการลักรถของผู้เช่าซื้อ 3.8 อีกวิธีหนึ่งของการโจรกรรมรถโดยใช้กุญแจคือ บริษัทผู้ผลิตรถยนต์เมื่อผลิตรถยนต์ แต่ละคันเรียบร้อยแล้ว จะให้พนักงานของบริษัทขับรถที่ผลิตจากโรงงาน ( รถป้ายแดง ) ไปส่งให้ลูกค้าที่เป็นตัวแทนจำหน่าย ระหว่างทางพนักงานส่งรถจะทำลูกกุญแจขึ้นมาอีก 1 ดอก แล้วติดตามว่ารถคันดังกล่าวใครเป็นผู้ซื้อ จากนั้นก็ติดตามทำการลักรถจากผู้ซื้อ โดยใช้ลูกกุญแจที่ได้ลอกเลียนแบบไว้ 4. การสร้างอุปกรณ์พิเศษเรียกว่า เหล็กปีกเครื่องบิน ( ศัพท์ทางเทคนิค ) ทำการโจรกรรมรถ อุปกรณ์ดังกล่าวทำเลียนแบบลูกกุญแจรถ ปลายข้างหนึ่งมีลักษณะคล้ายลุกกุญแจสำหรับสอดเข้าไปในกุญแจประตูรถ ปลายอีกข้างหนึ่งเป็นเหลี่ยมอาจจะเป็น สี่เหลี่ยม หกเหลี่ยม หรือแปดเหลี่ยม ในการทำการโจรกรรมรถ คนร้ายจะแทงปลายข้างแบนเข้าไปในรูกุญแจประตูรถ คงเหลือปลายที่เป็นเหลี่ยม คนร้ายนำคีมหรือกุญแจปากตายมาจับที่ปลายข้างที่เป็นเหลี่ยม หมุนเหล็กปีกเครื่องบิน ส่วนที่สอดอยู่ในรูกุญแจประตูรถจะทำลายสลักภายในรูกุญแจประตูรถ สามารถเปิดประตูออกได้ จากนั้นคนร้ายจะใช้อุปกรณ์ที่ทำการเปิดประตูรถดังกล่าว มาใช้ไขช่องกุญแจติดเรื่องยนต์ เหล็กปีกเครื่องบินจะทำการทำลายรูกุญแจติดเครื่องยนต์ ปลดล็อคคอพวงมาลัยรถยนต์หลุดออก และสามารถติดเครื่องยนต์ทำการโจรกรรมรถไป การใช้เหล็กปีกเครื่องบินทำการโจรกรรมรถโดยเปิดประตูรถ จะกระทำได้กับรถที่มีรูกุญแจประตูรถชนิดแบนเท่านั้น หากรถที่คนร้ายต้องการโจรกรรมมีรูกุญแจประตูรถเป็นกุญแจกลม คนร้ายก็จะเปิดประตูรถโดยวิธีการดังกล่าวไว้แล้ว และจะใช้เหล็กปีกเครื่องบินทำการไขกุญแจติดเครื่องยนต์สำหรับรถยนต์ที่มีการติดตั้งอุปกรณ์ป้องกันการโจรกรรมไว้ในรถ เช่น มีที่ใส่กุญแจคันห้ามล้อและคันคลัทช์ ติดตั้งสัญญาณป้องกันการโจรกรรม ติดตั้งระบบตัดไฟ ติดตั้งระบบตัดน้ำมัน และติดตั้งกุญแจใส่เกียร์ อุปกรณ์ดังกล่าวเป็นสิ่งที่มนุษย์เป็นผู้สร้างขึ้น คนร้ายที่ทำการโจรกรรมรถ บางคนมีความรู้หรือเป็นผู้ชำนาญในการติดตั้งอุปกรณ์ป้องกันโจรกรรม คนร้ายคนดังกล่าวก็สามารถทำลายอุปกรณ์ป้องกันการโจรกรรมได้ โดยสภาพทั่วๆ ไป รถที่ถูกโจรกรรมจะถูกจอดทิ้งไว้ตามถนน หรือซอยเป็นจำนวนมาก รถบางคันก็ไม่มีการติดตั้งอุปกรณ์ป้องกันการโจรกรรม คนร้ายก็จะเลือกทำการโจรกรรมรถที่ไม่มีการติดตั้งอุปกรณ์ป้องกันการโจรกรรม คนร้ายจะเลือกทำการโจรกรรมเฉพาะรถที่ทำการโจรกรรมได้ง่าย 2. การลักรถโดยอาศัยช่องทางธุรกิจ สถิติคดีอาญาประเภทการโจรกรรมรถนั้น เกิดจากการที่ผู้เสียหายได้มาแจ้งความร้องทุกข์ว่ารถของตนได้ถูกคนร้ายโจรกรรม พนักงานสอบสวนมีหน้าที่รับคำร้องทุกข์ แต่ก็มีบางกรณีที่มีผู้เสียหายแจ้งความเท็จต่อพนักงานสอบสวนว่ารถของตนได้ถูกคนร้ายโจรกรรมไป ทั้งที่ความเป็นจริงรถคันดังกล่าวไม่ถูกโจรกรรม แต่ผู้ที่มาร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนได้นำรถไปจำหน่าย แล้วมาแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนว่ารถของตนหาย แต่ความจริงไม่มีรถหายตามที่แจ้งความร้องทุกข์ ด้วยเหตุดังกล่าวสถิติคดีโจรกรรมจะสูงขึ้น ทั้งที่ความเป็นจริงไม่มีการโจรกรรมรถ และรถก็ไม่ถูกโจรกรรม แต่คนร้ายใช้ช่องทางธุรกิจและการร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน เพื่อให้ได้มาซึ่งผลประโยชน์ ซึ่งมีกระบวนการดำเนินการใน 2 แนวทาง คือ 1.เช่าซื้อรถ นำรถที่เช่าซื้อไปขาย ต่อมาแจ้งความกับตำรวจว่ารถถูกโจรกรรม คนร้ายมีขั้นตอนการดำเนินการ คือ 1.1 คนร้ายจะทำการเช่าซื้อรถ จากบริษัทจำหน่ายรถในการเข่าซื้อจะทำสัญญาเช่าซื้อกับบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ โดยคนร้ายชำระเงินงวดแรกจำนวนหนึ่ง ( สมมติว่าราคาประมาณ 40,000- บาท ) บริษัทให้เช่าซื้อให้ผู้เช่าซื้อ (คนร้าย ) จ่ายเบี้ยประกันภัยรถคันที่เช่าซื้ออีกจำนวนหนึ่ง (สมมติว่าประมาณ 20,000- บาท ) รวมเงินที่คนร้าย ( ผู้เช่าซื้อ ) ชำระไป 60,000- บาท คนร้าย ( ผู้เช่าซื้อ ) สามารถนำรถไปจากบริษัทผู้ให้เช่าซื้อจำนวน 1 คัน ราคาประมาณ 350,000- บาท โดยทำสัญญาเช่าซื้อต่อกัน 1.2 ตามสัญญาประกันภัย คนร้าย ( ผู้เช่าซื้อ ) คือผู้เอาประกันภัย หน้าที่ของผู้เอาประกันภัย คือ การชำระเบี้ยประกัน บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ ( ผู้ให้เช่าซื้อ ) คือ ผู้รับผลประโยชน์จากสัญญาประกัน สิทธิของผู้รับผลประโยชน์ตามสัญญาประกันภัย คือ เมื่อมีภัยต่อทรัพย์ที่เอาประกัน ผู้รับประโยชน์จากสัญญาประกันภัยมีสิทธิได้รับเงินตามสัญญาประกันภัย บริษัทผู้รับประกันภัยมีสิทธิได้รับเบี้ยประกันจากคนร้าย ( ผู้เอาประกันภัย ) และมีหน้าที่ชำระเงินตามสัญญาประกันภัย เมื่อมีภัยที่เกิดกับรถที่เอาประกัน 1.3 คนร้าย ( ผู้เช่าซื้อและผู้เอาประกัน ) ได้รถไปตามสัญญาเช่าซื้อ จากนั้นได้นำรถคันดังกล่าวไปจำหน่ายให้กับผู้อื่นในราคาที่สูงกว่าที่ลงทุน ( การลงทุนประมาณ 60,000- บาท ) เช่น นำไปขายในประเทศเพื่อนบ้าน หรือไปหลอกขายให้ผู้อื่นโดยที่ผู้อื่นเข้าใจว่าเป็นรถที่ถูกต้อง กรณีเหล่านี้จะขายได้ประมาณ 200,000- บาท คนร้ายจะได้กำไรประมาณ 100,000- บาท หากคนร้ายทำหลายๆ คัน ก็จะได้กำไรเป็นจำนวนมาก 1.4 หลังจากที่คนร้ายนำรถไปจำหน่ายแล้ว ก็จะมาร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนว่ารถคันดังกล่าวถูกโจรกรรมไป พนักงานสอบสวนรับคำร้องทุกข์และออกหลักฐานให้กับคนร้าย คนร้ายจะนำเอกสารการแจ้งความที่พนักงานสอบสวนออกให้ไปแสดงกับบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ ( ผู้ให้เช่าซื้อตามสัญญาเช่าซื้อ และเป็นผู้รับประโยชน์ตามสัญญาประกันภัย ) และบริษัทประกันภัย ( ผู้รับประกันภัยรถยนต์ ) คนร้ายก็ไม่ต้องรับผิดในค่าเสียหายหรือค่ารถยนต์ที่เช่าซื้อ 1.5 บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ ก็จะเรียกค่าเสียหายจากบริษัทประกันภัยตามสัญญาประกันภัย บริษัทประกันภัยจะชำระเงินให้ บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ เพราะเป็นผู้รับประโยชน์ตามสัญญาประกันภัย 1.6 การกระทำดังกล่าวได้กำไรประมาณ หนึ่งแสนบาทเศษ ต่อรถ 1 คัน บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ไม่เสียหายเพราะได้รับเงินจากบริษัทประกันภัย บริษัทประกันภัยเท่านั้นที่ได้รับค่าเสียหาย แต่ข้อเท็จจริงบริษัทประกันภัย คือตัวกลางในการระดมเงินจากผู้เอาประกันมาเก็บไว้ แล้วจ่ายให้ผู้ประสบภัย หรือผู้รับประโยชน์ตามสัญญาประกันภัย หากมีการจ่ายเงินตามสัญญาประกันภัยเป็นจำนวนมากกฎหมายก็เปิดช่องให้มีการเพิ่มเบี้ยประกัน เพื่อชดเชยอัตราเสี่ยงภัยที่เกิดขึ้น ประชาชนจำต้องจ่ายเบี้ยประกันภัยรถยนต์ที่สูงขึ้นกว่าที่ควรจะเป็น ดังนั้น ผู้ที่เสียประโยชน์คือ ประชาชนที่ตองเสียเบี้ยประกันในอัตราที่สูงขึ้น กระบวนการโดยใช้ช่องทางทางธุรกิจได้พัฒนาไปอีก โดยเป็นลักษณะขององค์กรคนร้ายอาชีพ หรืออาชญากรรมองค์การ โดยผู้ที่ทำอยู่ในบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์บางบริษัท และผู้ที่ได้ทำงานอยู่ในบริษัทประกันภัยได้ร่วมกันแสวงหาผลประโยชน์จากกระบวนการ โดยพนักงานของบริษัทเงินทุนได้ทำหลักฐานปลอมเกี่ยวกับผู้เช่าซื้อทำการเช่าซื้อรถจากบริษัทเงินทุน และได้ทำประกันภัยกับบริษัทประกันภัย มีการดำเนินกระบวนการแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนว่ารถถูกโจรกรรม สมรู้ร่วมคิดกับพนักงานบริษัทประกันภัย ได้เงินจากบริษัทประกันภัยมาแบ่งผลประโยชน์ต่อกัน 2. การนำซากรถไปทำประกันภัย แล้วแจ้งความร้องทุกข์ว่ารถหาย ในปัจจุบันจะมีรถที่เกิดอุบัติเหตุชนกันเสียหายเป็นจำนวนมาก รถที่เกิดอุบัติเหตุจะได้รับความเสียหายมาก ไม่สามารถทำการซ่อมได้ หรือบางครั้งก็สามารถทำการซ่องได้ แต่ราคาที่ซ่อมสูงกว่าราคาของรถที่มีสภาพซ่อมรถเรียบร้อยแล้ว คนร้ายจะซื้อซากรถที่เกิดอุบัติเหตุเสียหาย แต่คนร้ายจะนำซากรถไปทิ้ง คงเหลือแต่เอกสารประกอบรถคือ สมุดคู่มือการจดทะเบียนรถ คนร้ายนำสมุดคู่มือไปทำประกันกับรถคันดังกล่าว โดยสมรู้ร่วมคิดกับเจ้าหน้าที่บางคนของบริษัทประกันภัย เมื่อรถมีประกันภัยแล้ว คนร้ายจะแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนว่ารถถูกโจรกรรม นำหลักฐานการรับแจ้งความของพนักงานสอบสวนไปรับเงินจากบริษัทประกันภัย คนร้ายกระทำเช่นนี้หลายๆ คัน 3. การลักรถโดยไม่ใช้กุญแจ 1. การลักรถโดยใช้รถยกมาทำการยกรถที่ถูกโจรกรรม เมื่อคนร้ายพบรถ หรือต้องการที่จะทำการลักรถคันใด คนร้ายก็จะนำรถยก ซึ่งรถยกดังกล่าวเป็นรถยกสำหรับยกรถที่เกิดอุบัติเหตุ หรือเครื่องยนต์ขัดข้องมาทำการยกรถที่จะทำการโจรกรรม คนร้ายมักทำการลักรถโดยใช้รถยกทำการยกรถที่จอดไว้ริมถนน การกระทำดังกล่าวเป็นการที่คนร้ายเป็นบุคคลที่มีอาชีพรับจ้างยกรถ ลงมือกระทำโดยมีเจตนาทุจริตในบางครั้ง คนร้ายที่ไม่มีอุปกรณ์ในการยกรถก็จะว่าจ้างให้ผู้มีอาชีพประกอบกิจการรับจ้าง ยกรถให้ทำการยกรถคันที่ตนเองต้องการที่จะโจรกรรม โดยว่าว่าจ้างให้ยกจากสถานที่ที่รถที่ถูกโจรกรรมจอดอยู่ไปยังสถานที่อีกแห่งหนึ่ง ในกรณีเช่นนี้ผู้มีอาชีพรับจ้างยกรถไม่ใช่คนร้าย ไม่มีเจตนาทุจริต แต่กระทำไปโดยผู้ว่าจ้าง 2. ลักรถจักรยานยนต์ โดยยกรถจักรยานยนต์ขึ้นรถบรรทุกเล็ก หรือรถตู้ รถจักรยานยนต์ที่จะถูกโจรกรรมด้วยวิธีดังกล่าวนี้ จะเป็นรถจักรยานยนต์ที่จอดอยู่ริมถนน กระบวนการโจรกรรม ความผิดประเภทการประทุษร้ายต่อทรัพย์ เป็นอาชญากรรมขั้นพื้นฐาน และเป็นการกระทำที่นานาประเทศบัญญัติไว้เป็นความผิด หรือเป็นการกระทำที่เป็นความผิดในตัวเอง ซึ่งความผิดเกี่ยวกับการโจรกรรมรถ เป็นอาชญากรรมประเภทหนึ่งที่สามารถศึกษาให้ทราบถึงกระบวนการโจรกรรมรถได้เพราะ 1. เป็นอาชญากรรมที่มีสถิติว่าผู้เสียหายจะไปแจ้งความร้องทุกข์กับกรมตำรวจเกือบทุกราย เพราะรถเป็นทรัพย์ที่มีทะเบียน (ทะเบียนทางการปกครอง) คนร้ายที่ลักรถอาจนำรถไปเป็นยานพาหนะในการกระทำผิดในคดีต่างๆ เจ้าของรถจึงต้องไปแจ้งความให้ตำรวจได้ทราบเป็นอันดับแรก 2. กลุ่มคนร้ายที่ทำการโจรกรรมรถมีจำนวนไม่มาก เพราะการที่เป็นผู้ร้ายลักรถนั้น จะต้องมีความสามารถในการโจรกรรมและมีความสามารถในการนำรถที่ได้จากการโจรกรรมไปจำหน่ายบุคคลทั่วไปนึกอยากจะกระทำผิดโจรกรรมรถนั้นไม่อาจจะกระทำได้ แม้โอกาสจะอำนวย ประกอบกับกลุ่มคนร้ายที่มีการโจรกรรมรถนั้นมีความเชื่อมโยง มีความสัมพันธ์กันค่อนข้างกระชับมากกว่าอาชญากรรมประเภทอื่น มีลักษณะเป็นองค์กรคนร้ายและเป็นแบบมืออาชีพ 3. รถที่ได้จากการกระทำผิด เป็นทรัพย์ที่สามารถทำการตรวจสอบได้ เช่น ตรวจสอบจากหมายเลขเครื่อง หมายเลขตัวถัง หายเลขรหัสลับประจำตัวรถ สามารถตรวจสอบได้ว่ารถคันของกลางถูกโจรกรรมจากที่ใด ผลจากการวิจัยกรณีศึกษาปัญหาการโจรกรรมรถ ในเขตกรุงเทพมหานคร พบว่ากระบวนการโจรกรรมรถของคนร้ายมีโครงสร้าง ดังนี้ จุดที่ 1 จุดที่คนร้ายขโมยรถไปจากเจ้าของรถ วิธีการของคนร้ายอาจจะมีวิธีการโจรกรรมโดยใช้กุญแจ หรือไม่ใช้กุญแจ จุดที่ 2 กระบวนการโครงสร้างขององค์กรคนร้าย ความสัมพันธ์ การเข้าสู่วงการโจรกรรมรถ การแบ่งผลประโยชน์ การช่วยเหลือกันระหว่างคนร้าย จุดที่ 3 กระบวนการดัดแปลงสภาพตัวรถที่ได้จากการโจรกรรม เพื่อจำหน่ายหรือก่อให้เกิดประโยชน์กับคนร้าย รวมทั้งการดัดแปลงแก้ไขเอกสารประกอบรถ เพื่อให้สอดคล้องกับการนำรถไปจำหน่าย จุดที่ 4 ตลาดที่คนร้ายนำรถที่ได้จากการโจรกรรมไปจำหน่าย เป็นกระบวนการที่ต่อเนื่องจากกระบวนการเปลี่ยนแปลงสภาพรถและเอกสาร ซึ่งตลาดที่คนร้ายนำรถไปจำหน่าย หรือนำไปให้ก่อประโยชน์กับคนร้าย ได้แก่ การเรียกค่าไถ่ถอน นำไปจำหน่ายในต่างประเทศ นำไปจำหน่ายในลักษณะรถที่ไม่มีทะเบียน นำไปจำหน่ายโดยสวมทะเบียนกับรถคันอื่น นำไปสร้างเอกสารปลอมเพื่อขายต่อให้ผู้อื่น นำไปสวมกับซากรถที่เกิดอุบัติเหตุ นำไปแยกชิ้นส่วน นำไปจดทะเบียนใหม่ เมื่อมีการศึกษาและพบกระบวนการในการโจรกรรมรถ จะช่วยให้มีความชัดเจนมากขึ้นในการป้องกัน มีการแก้ไขปัญหาการโจรกรรมรถในลักษณะเป็นระบบ และสามารถแสวงหาวิธีการในการ แก้ไขได้ถูกต้องอย่างมีประสิทธิภาพ ---------------------------------------------------------- ขอขอบคุณข้อมูลจาก กรมการขนส่งทางบก ครับ http://www.pantip.com/cafe/ratchada/topic/V3977509/V3977509.html |