ตอบ: คู่มือการเลี้ยงสุนัขบางแก้ว
โดย เพื่อน . - Friday, 6 April 2007, 06:20AM
 

http://www.bangkaew.com/elearning2/mod/forum/discuss.php?d=2631

(Edited by Pingpong (-_-)/ - ศุกร์, 6 เมษายน 2007, 06:20AM)

ตอบ: คู่มือการเลี้ยงสุนัขบางแก้ว
โดย Pingpong \(-_-)/ - Friday, 23 December 2005, 05:42AM
 

เห็นด้วยกับคุณเพื่อนบางแก้ว 01-6667151 ครับที่อยากให้ทุกคนมาช่วยกันเสริมกระทู้ เพื่อนๆท่านใดมีข้อมูลเพิ่มเติมช่วยกันนำมาลงเถอะครับ

สิ่งนี้เป็นอุดมการณ์ของ Moodle หรือ ของเว็บบางแก้วนี้เลยก็ว่าได้

เวลา Moodle ให้โหวตกระทู้ต่างๆ    เขาถึงให้โหวตในลักษณะของวิธีเรียนรู้แบบแยกส่วนและเชื่อมโยง ดังรายละเอียดข้างล่าง

กล่าวสรุปง่ายๆ ก็คือ ไม่รู้แบบนี้ถูกหรือเปล่า   คนเราต้องมีจุดยืนของตัวเอง  ขณะเดียวกัน ต้องพยายามรับฟังความคิดเห็นของคนอื่นให้มากเพื่อนำมาเชื่อมโยงกับความรู้หรือความคิดที่ตนเองมีอยู่ให้กว้างไกลออกไป


 

วิธีเรียนรู้แบบแยกส่วนและเชื่อมโยง

แสดงถึงการรู้แบบเชื่อมโยง ก้ำกึ่งมีทั้งรู้แบบแยกส่วนและเชื่อมโยง แสดงถึงการรู้แบบแยกส่วน

ข้อความที่โพสต์จะได้รับการจัดอันดับ ตามทฤษฏีของ separate and connected knowing  ทฤษฏีนี้อาจช่วยให้คุณมองปฏิสัมพันธ์ของมนุษย์ ในรูปแบบใหม่ ซึ่งแบ่งวิธีการประเมินและเรียนรู้ของสิ่งที่เห็นและได้ยิน ของมนุษย์ได้สองรูปแบบแต่ละคน จะใช้วิธีทั้งสองในปริมาณและเวลา ที่ต่างกัน ตัวอย่างต่อไปนี้ จะแสดงความแตกต่างของคนสองคน คนหนึ่งเป็น separate knower (จิม) และอีกคนหนึ่งเป็น connected knower (แมรี่)

จิมชอบที่จะไม่มีอคติ (รักษาความเป็นรูปธรรม)ให้มากที่สุด โดยพยายาม หลีกเลี่ยงความรู้สึกส่วนตัว เมื่อมีการถกปัญหากับคนอื่นที่คิดไม่เหมือนกัน จิมจะพยายามโต้เถียงยืนยันความคิดของตนเอง โดยใช้เหตุผลและหาข้อบกพร่องในความคิดเห็นของคู่สนทนา เขาจะวิจารณ์ความคิดเห็นใหม่ๆ จนกว่าจะได้ พิสูจน์จากแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้ เช่น ตำรา อาจารย์ที่น่านับถือ หรือจากประสบการณ์ ของเขาเอง จิมคือ separate knower

แมรี่เป็นคนที่มีความรู้สึกไวต่อผู้อื่น เธอมีความสามารถในการใส่ใจรับฟัง และถามปัญหาจนกว่าเธอจะรู้สึกเข้าใจมุมมองของคนอื่น เธอเรียนรู้ด้วยการแลกเปลี่ยน ประสบการณ์และทำให้เธอได้ความรู้จากผู้อื่น ขณะพูดคุยเธอจะหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้า และพยายามช่วยเหลือผู้อื่นโดยใช้เหตุผลและให้ข้อแนะนำ แมรี่คือ connected knower

โปรดสังเกตจากตัวอย่างที่ให้ separate knower เป็นผู้ชายและ connected knower เป็นผู้หญิง สถิติที่ได้จากการศึกษาหลายครั้งมีแนวโน้มแบบกรณีนี้ อย่างไรก็ตาม บุคคลทั่วไปก็จะอยู่ระหว่างตัวอย่างสุดขั้วทั้งสองนี้

จะเป็นการดีที่สุดหากทุกคนจะสามารถใช้วิธีคิดได้ทั้งสองวิธี เพื่อความสามัคคี และประสิทธิภาพของกลุ่มผู้เรียน

ในสถานการณ์พิเศษเช่นในกระดานสนทนาทางอินเตอร์เน็ต ข้อความ ที่โพสต์โดยบุคลหนึ่งอาจแสดงลักษณะใดลักษณะหนึ่งหรือ ทั้งสองลักษณะก็ได้ บางคนซึ่งปกติเป็นคนที่มีสัมพันธ์ดี อาจโพสต์ข้อความที่ฟังดูแปลกแยก หรืออาจเป็นทางตรงกันข้าม จุดประสงค์ของการจัดอันดับแต่ละข้อความที่ โพสต์เข้ามา โดยใช้วิธีการวัดแบบนี้ คือ

ก) ช่วยให้คิดเกี่ยวกับประเด็นต่างๆ เมื่ออ่านข้อความอื่นๆ
ข) แสดงผลให้ผู้เขียนทราบว่าคนอื่นมองว่าผู้เขียนเป็นอย่างไร

ผลที่ได้ ไม่ได้ใช้ในการประเมินนักเรียน แต่จะช่วยให้นักเรียนพัฒนาการสื่อสาร และการเรียนรู้




ในกรณีที่คุณสนใจ ต่อไปนี้คือเอกสารอ้างอิง ของผู้เขียนที่เป็น ต้นแบบพัฒนาแนวความคิดนี้

  • Belenky, M.F., Clinchy, B.M., Goldberger, N.R., & Tarule, J.M. (1986). Women's ways of knowing: the development of self, voice, and mind. New York, NY: Basic Books.
  • Clinchy, B.M. (1989a). The development of thoughtfulness in college women: Integrating reason and care. American Behavioural Scientist, 32(6), 647-657.
  • Clinchy, B.M. (1989b). On critical thinking & connected knowing. Liberal education, 75(5), 14-19.
  • Clinchy, B.M. (1996). Connected and separate knowing; Toward a marriage of two minds. In N.R. Goldberger, Tarule, J.M., Clinchy, B.M. &
  • Belenky, M.F. (Eds.), Knowledge, Difference, and Power; Essays inspired by “Women’s Ways of Knowing” (pp. 205-247). New York, NY: Basic Books.
  • Galotti, K. M., Clinchy, B. M., Ainsworth, K., Lavin, B., & Mansfield, A. F. (1999). A New Way of Assessing Ways of Knowing: The Attitudes Towards Thinking and Learning Survey (ATTLS). Sex Roles, 40(9/10), 745-766.
  • Galotti, K. M., Reimer, R. L., & Drebus, D. W. (2001). Ways of knowing as learning styles: Learning MAGIC with a partner. Sex Roles, 44(7/8), 419-436.



จาก  http://www.bangkaew.com/elearning/course/scales.php?id=1&list=true&scale=1

ตอบ: คู่มือการเลี้ยงสุนัขบางแก้ว
โดย Pingpong \(-_-)/ - Friday, 23 December 2005, 07:41AM
 

ตอนแรกก็เกรงใจอยู่เหมือนกัน  ว่าจะเป็นกระทู้แบบ  separate knowing  หรือเปล่า   ก็ดีใจที่ไม่เป็นอย่างที่คิด   ก็ขอเสริมความรู้ให้เป็นแบบ connected knowing  โดยขออนุญาตนำความเห็นของ Dr.Doggy มาแปะไว้ให้ถกเถียงกันต่อ


จากกระทู้  @oooo...มามี๊วินนิ่ง ชวนเมาท์ ว่าด้วยเรื่อง ยา ของคนที่สามารถใช้กับลูกๆ ได้...oooo@ [สุนัข]

    ความคิดเห็นที่ 68

    มาเริ่มที่ยาแก้เมารถก่อน  อันนี้ต่างจาก คลอเฟนนิลามีน (CPM) ครับ แต่จะถือว่าเป็นยากลุ่มแก้แพ้เหมือนกันก็ได้
    ยาแก้เมารถ คือ Dimenhydrinate ครับ จริงๆมันก็ใช้เป็นยาแก้แพ้ คลื่นไส้ อาเจียนในคน แต่เนื่องจากว่าแก้คลื่นไส้ได้ รวมถึงกินแล้วง่วงนอนก็ก็เลยใช้ประโยชน์ในแง่แก้เมารถ ยานี้ในหมาเล็กมากกินแค่ 1/4-ครึ่งเม็ดครับ หากหมาใหญ่ก็กินได้ 1 เม็ด ไม่มีโดสที่แน่นอน เพราะเรามาประยุกต์  หากกินควรกินก่อนเดินทาง 1 ชั่วโมง กินแค่วันละครั้งครับ

    วิตามิน C สรรพคุณมากมายช่วยสร้าง cells เป็น antioxidant แต่สลายตัวได้ง่าย  เราจึงไม่ค่อยเห็นยาที่ผสมวิตามินซีมากนัก ในหมากินได้ตั้งแต่ 100-500 mg วันละครั้ง แต่จะกินเพิ่มเป็น 3 เวลา ก็ได้ แต่กินมากๆระวังปัสสาวะเป็นกรดครับ  วิตามินซี ใช้ในหมา ท้องเสีย ก็ดีครับ มันสร้างเซลล์ทำให้ลำไส้ฟื้นกลับมาได้เร็ว  หรือจะกินเพื่อป้องกันหวัดก็ได้  จะไม่กินก็ได้....เรียกว่าเป็น Health supplement

    ฟูกาคา เป็นยาถ่ายพยาธิชื่อ Mebendazole 500mg ในหมากิน 22 mg/kg (1เม็ด/ 20kg) แต่ต้องกินวันละครั้ง 3 วันติดกัน ในคนมันเป็นเม็ดเคี้ยว (Chewable) เวลาให้หมาสงสัยต้องทุบก่อน
    หมาเด็กผมชอบใช้ Pyrantel มากกว่า 5 mg/kg ก็คือ 1cc/ 5kg แต่ในหมาเด็กเล็กเค้าให้เพิ่มโดสไปอีก ส่วนใหญ่หมาเด็กตัวเล็กๆมา อายุเดือนครึ่ง เราก็ให้ 0.5-1 cc ต่อตัวไปเลยครับ

    เกลือแร่ อันนี้หาซื้อตามสบาย กินตามสบายครับ กินตอนอาเจียน หรือท้องเสียนี่ช่วยได้มากครับ เอาหนึ่งซองมาละลายน้ำครึ่งแล้ว แล้วก็หมั่นป้อนให้เค้าเวลาป่วย

    ผงถ่าน หรือ Ultracarbon อันนี้เป็นถ่านคาร์บอนพิเศษ เอาไว้กินเพื่อดูดซับสารพิษและขับออกทางอุจจาระ ดังนั้นสารพิษนั้นต้องยังคงอยู่ในทางเดินอาหารนะถึงช่วยได้ ไม่ใช่ยากินยาพิษไปนานแล้ว ยาพิษก็จะดูดซึมเข้ากระเเสเลือด อันนี้ก็ถามหาเทวดาดีกว่าครับ   นอกจากดูดพิษแล้วมันดูดทุกอย่าง ดังนั้นไม่ควรกินยาอะไร หรือสารอาหารอะไรเข้าไปพร้อมมัน เพราะจะทำให้ลดประสิทธิภาพยาอื่นๆลงครับ  เวลาโดนวางยากินเข้าไปเถอะ 2-3 เม็ด จะมากกว่าก็ไม่มีผลครับ

    Amoxy,Sulfa ทั้งสองเป็นยาปฏิชีวนะ หรือฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ยาพวกนี้ให้หมอจ่ายดีกว่าครับ ผมเล่าคร่าวๆแค่นี้และกันว่า......
    Amoxy ถือว่าเป็นยาวงกว้างในการฆ่าเชื้อ แต่ก็ยังออกฤทธิ์ดีกับแบคทีเรียแกรมบวก เรามักใช้รักษาทางเดินหายใจ ปอด เป็นหลัก หรือในหมาเด็กเล็กที่ท้องเสียได้บ้างครับ  ปัจจุบันหมาเมืองกรุงก็ดื้อยา amoxy พอสมควรครับ เค้าจึงหันมาเล่น Amoxy+Clavulanic ซึ่งมีราคาแพงกว่ามากๆๆๆ แต่ทำงานได้ดีกว่า แต่ข้อเสียก็คือ แพ้น้ำกับอากาศ หากสัมผัสกับสิ่งเหล่านี้นานๆ ยาจะเปลี่ยนสี และเสื่อมฤทธิ์ลงครับ dose คือ 12-25 mg/kg วันละ 2 ครั้ง

    Sulfa มีหลายตัวมากครับในกลุ่มนี้ เขียนหลายหน้าก็ไม่จบ เอาเป็นว่าหมอมักใช้ตัวนี้ในรายท้องเสีย  แต่จะรักษาทางเดินหายใจก็ได้ครับ   กินยา Sulfa ต้องกินน้ำตามมากๆ เพราะมันจะตกผลึกในไตได้ครับ ปัจจุบันหมอก็ใช้น้อยลงนะครับ เพราะมันก็ดื้อพอสมควร

    Norflox อันนี้การทำงานคล้าย Sulfa แต่ดีกว่า เป็นที่น่าใช้กว่า แต่ก็ไม่ควรใช้ในหมาเด็ก เพราะมีผลต่อกระดูก แต่ผมก็ใช้....ยิ้ม เพราะว่าเท่าที่คุยกับหมอเด็กในคนหลายๆท่าน รวมทั้งเภสัช เค้าก็จ่ายกันนะ แต่มีไรหมอรับผิดชอบ หากหมอไม่ได้จ่ายนานเกิน 10 วัน และ ใช้ใน dose ที่เหมาสม ปัญหาก็ไม่เกิดครับ  dose คือ 22 mg/kg กินวันละ 2 ครั้งครับ

    Erfuzife เป็นยา Nifuroxazide เป็นยาแก้ท้องเสียในคน ไม่มีโดสในหมาครับ รู้แค่ว่าในคนกินวันละ 1-2 capsules วันละ 4 ครั้ง   ส่วนตัวหากท้องเสีย ผมว่า norflox ดีกว่า

    Tiffy แผงสีเขียว อันนี้จำตัวยาไม่ได้ แต่พอจำได้ว่า มี พารา  ยาคลอเฟนแก้แพ้ และอีกตัวนึงจำไม่ได้ ที่เคยถอนสูตรรึไงเนี่ย นึกไม่ออก ........สำหรับผมๆเรียกใช้ยาเป็นตัวๆไป ผมเลยไม่ค่อนนึกถึง Tiffy ครับ

    ยาหลายตัวมีประโยชน์ ก็มีโทษมหันต์ โดยเฉพาะยาปฏิชีวนะ หรือยาฆ่าเชื้อ (แต่คนทั่วไปชอบเรียก ยาแก้อักเสบ) การให้ยาเองจึงควรระวังให้ดี ผมเขียนโดสยาให้ ไม่ได้หมายความว่ารู้เเล้วเอาไปจ่ายเอง  ยังไงก็ให้หมอจ่ายดีกว่า บอกโดสเผื่อว่าอยากรู้ว่าหมอที่รักษาหมาเรามั่วยามารึเปล่า (แบบผมโดน)
    ไม่ใช่ว่ายาทุกตัวเข้ากันได้ เสริมฤทธิ์กันได้เสมอไป บางตัวอาจเข้ากันไม่ได้ การให้ยาฆ่าเชื้อ ยาฆ่าเชื้อ แต่ละตัวก็ไม่ได้ทำงานเหมือนๆกัน ดังนั้นหมอจะต้องระลึกว่า ตอนนี้เป็นไร น่าจะเป็นเชื้อตัวไหน แกรมลบ แกรมบวก ใช้ออกสิเจน หรือไม่ใช้ออกสิเจน ยาไปจับกับไรโบโซมที่ตำแหน่งไหน จับที่เดียวกันก็แย่งกัน ยาก็ฤทธิ์น้อยลง โอ๊ย....คิดมาก เรียนมาหลายปี สิ่งเหล่านี้ถึงจะถูกกรองออกมาจากสมอง ออกมาเป็นยาจ่าย มันจึงไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะจ่ายยาเองเสมอไปครับ หากเราไม่ใช่หมอ หรือเภสัช และยิ่งตอนนี้เราพูดถึงยาสัตว์ด้วยแล้ว มันมีปลีกย่อยอีกมากครับ  ยังไงผมก็ฝากด้วยแล้วกัน และก็ขออย่าให้หมาของทุกท่านเจอหมอจ่ายยามั่วๆเหมือนที่หมาผมเจอนะครับ


    จากคุณ : doggy (Dr. Doggy) - [ 20 ธ.ค. 48 18:44:43 ]

ตอบ: คู่มือการเลี้ยงสุนัขบางแก้ว
โดย ศุภชัย คงกฤตยาพันธ์ - Friday, 23 December 2005, 07:18AM
 

พี่เพื่อนบางแก้วครับ ผมอยากลองเปลี่ยนมาให้ลูกสาวผมกินอาหารเม็ดบ้าง ผมเลยอยากทราบว่า อาหารเม็ดยี่ห้อ กัสโต้,ด็อกกิ๊น และ นรูทราโกล หาซื้อได้ที่ไหนบ้างครับ ผมลองดูแถวบ้าน (จรัญฯ 37) ไม่มีขายครับ  จะลองซื้อมาให้เค้ากินดูครับ ถ้าชอบเวลาพวกผมไปไหนทั้งวันจะได้ไม่ห่วงเรื่องอาหารการกินครับ ลูกสาวผมชอบกินที่เป็นของคนกินนะครับ

ขอบคุณครับ

ตอบ: คู่มือการเลี้ยงสุนัขบางแก้ว
โดย เพื่อน . - Friday, 6 April 2007, 06:21AM
 

http://www.bangkaew.com/elearning2/mod/forum/discuss.php?d=2631

(Edited by Pingpong (-_-)/ - ศุกร์, 6 เมษายน 2007, 06:21AM)

ตอบ: คู่มือการเลี้ยงสุนัขบางแก้ว
โดย เกาเหลา หมาบางซ่อน - Friday, 23 December 2005, 11:27AM
 

อาหารหมาก่อนซื้อลองเอามาดมกลิ่นดูก็ได้นะครับ

อาหารหมาชั้นดีจะมีกลิ่นคาว คล้ายกลิ่นปลาทูน่า

แต่อาหารหมาชั้นแย่จะมีแต่กลิ่นข้าว กับกระดูกป่น

กลิ่นเป็นตัวที่ดึงดูดให้หมากิน

หมาที่บ้านจะเลือกกินอาหารเม็ดมากๆ

แต่ที่ราคาถูกและหมากินก็คือ DOG N JOY

แต่หมาที่บ้านที่เป็นหมาไทยกินเข้าไปแล้วดึกๆจะอ้วกออกมา

อันนี้ยังหาสาเหตุไม่ได้เหมือนกัน แต่บางแก้วกินแล้วไม่อ้วก

สงสัยจะมีปัญหาเรื่องการย่อย แต่มันก็กินอ้วกมันกลับคืนไปอีก - -'

ที่สำคัญควรซื้อถุงเล็กมาให้หมาลองกินก่อนนะครับ

ค่อยตัดสินใจซื้อถุงใหญ่ทีหลัง

ตอบ: คู่มือการเลี้ยงสุนัขบางแก้ว
โดย นิวัต เจริญชล - Tuesday, 27 December 2005, 12:42PM
  ขออนุญาต นำกระทู้นี้ขึ้นไว้หน้าหนึ่ง ตลอดไปนะครับ....เพื่อให้ผู้ที่สนใจและผู้เลี้ยงมือใหม่ สามารถที่จะเห็นและอ่านได้ง่ายๆ ช่วยกันเผยแพร่วิธีเลี้ยงเบื้องต้น ที่ถูกต้องให้กับผู้เลี้ยงมือใหม่ทุกๆ ท่าน

ตอบ: คู่มือการเลี้ยงสุนัขบางแก้ว
โดย Pingpong \(-_-)/ - Tuesday, 27 December 2005, 07:59PM
 

ใส่ไว้เป็นรายวิชาหนึ่งให้แล้ว ที่ http://www.bangkaew.com/elearning/course/category.php?id=2

อยากให้บรีดเดอร์หรือแฮนด์เลอร์มาแนะนำวิธีการจูงการฝึกสุนัขเพื่อเข้าประกวดด้วย  เผื่อจะได้มีสมาชิกมาร่วมสร้างสีสันในการประกวด กรู๊ป ๕ FCI  นำบางแก้วสู่สากลมากขึ้น

ช่วยตั้งกระทู้ใหม่ได้เลยครับ

ตอบ: คู่มือการเลี้ยงสุนัขบางแก้ว
โดย เพื่อน . - Friday, 6 April 2007, 06:22AM
 

http://www.bangkaew.com/elearning2/mod/forum/discuss.php?d=2631

(Edited by Pingpong (-_-)/ - ศุกร์, 6 เมษายน 2007, 06:22AM)

ตอบ: คู่มือการเลี้ยงสุนัขบางแก้ว
โดย เพื่อน . - Friday, 6 April 2007, 06:23AM
  http://www.bangkaew.com/elearning2/mod/forum/discuss.php?d=2631

(Edited by Pingpong (-_-)/ - ศุกร์, 6 เมษายน 2007, 06:23AM)

ตอบ: คู่มือการเลี้ยงสุนัขบางแก้ว
โดย ไตรสิทธิ์ . - Thursday, 29 December 2005, 08:28AM
 

กระทู้ตกจากหน้า 1 เร็วนะ  จะเพิ่มจำนวนกระทู้ในหน้า 1 ก็กลัวเว็บอืด

อาจต้องใช้วิธีลิงค์ไปยังคำถามที่เกี่ยวข้อง   เผื่อคนที่มีปัญหาจะได้ตามมาดูถูก   และบางท่านอาจแสดงความเห็นเพิ่มเติมได้   จะไม่ย้ายไปกระดานอื่นที่ปิด

เรื่องการฝึกสุนัขเพื่อจูงประกวดนั้น ถ้าเขียนบรรยายไม่ถูก  ขอเป็นการบรรยายพร้อมสาธิตให้ดูได้ไหม    จำได้ว่า  หลายท่านพยายามนัดให้เกิดกิจกรรมนี้ขึ้นตั้งแต่สมัยเว็บคุณโป๋   แต่ก็เงียบหายไป

ลองหาผู้ช่วยจัดสักครั้ง  น่าจะมีคนสนใจเยอะนะ   หรือจัดร่วมกับชมรมไทยบางแก้วก็ดีนะ    จะได้มีโอกาสสร้างความกลมเกลียวและความเข้าใจ   ฝากรองประธานฝ่ายวิชาการ ช่วยพิจารณาด้วยครับ

ตอบ: คู่มือการเลี้ยงสุนัขบางแก้ว
โดย ไตรสิทธิ์ . - Thursday, 29 December 2005, 05:19PM
 

เจอบทความที่น่าสนใจในเพ็ทนิวส์     ขออนุญาตคุณสุริยาและหมอนิสิตมาเผยแพร่ในกระทู้นี้หน่อยละกัน

หมอนิสิตแนะนำว่า  ไม่ควรเร่งการเจริญเติบโตของลูกสุนัขมากเกินไป   อาจทำให้เป็นโรคข้อกระดูกสะโพกห่างได้  และพื้นที่ใช้เลี้ยงลูกสุนัขก็อย่าให้เป็นพื้นลื่น

ตอบ: คู่มือการเลี้ยงสุนัขบางแก้ว
โดย ไตรสิทธิ์ . - Thursday, 29 December 2005, 05:22PM
 

และมีโอกาสถ่ายทอดทางกรรมพันธุ์ถึง 50 %   

http://www.bangkaew.com/upload/petnews/DSC02952x.JPG

ตอบ: คู่มือการเลี้ยงสุนัขบางแก้ว
โดย อรรถพร คำด้วง - Friday, 30 December 2005, 10:01AM
 

คือว่าผมเคยเลี้ยงบางแก้วมาแล้วสัก5ปีได้ และได้หยุดเลี้ยงไปเนื่องจากเรื่องงานที่ไม่อำนวยให้เลี้ยง

ตอนนี้กำลังจะกลับมาเลี้ยงอีกครั้งเลยได้เที่ยวดูเขาประกวดกันว่าตอนนี้บางแก้วที่สวยๆเป็นอย่างไร และล่าสุดไปดูที่สวนสามพราน เห็นบางแก้วสวยๆมาอวดโฉมหลายตัว เห็นแล้วยิ่งอยากกลับมาเลี้ยงอีกครั้ง

คราวนี้จะเอาคุณภาพล้วนๆจะเลี้ยงน้อยๆตัวเลยอยากถาม คุณเพื่อนบางแก้ว ว่า

ตอนนี้ราคาของบางแก้วที่สวยๆเอาเกรดประกวดนะครับ เลี้ยงทั้งทีเอาแบบดีๆไปเลย

เคยเลี้ยงเฝ้าบ้านเฝ้าสวนมานาน มาครั้งใหม่ต้องสวย เริด

ยังไงช่วยตอบด้วยนะครับผมขอบคุณล่วงหน้า

หรือมีข้อแนะนำอย่างไรก็บอกได้เลยนะครับ

Click to enter http://www.bangkaew.com/elearning3

Bangkaew.net and Bangkaew.org are for sale
See details at https://sedo.com/search/?keyword=bangkaew